Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1651 ละโมบ

ตอนที่ 1651 ละโมบ

ในด่านตะวันบรรยากาศไม่น่าไว้ใจ!

หลังจากหลินสวินมาถึงที่นี่ก็พูดได้ว่าไม่มีใครเหลียวแล ด้วยสัตว์ประหลาดเฒ่าที่ประจำการอยู่ที่นี่ล้วนมองเขาเป็นคนรุ่นหลังที่ไม่มีความสำคัญคนหนึ่ง ใครจะใส่ใจ

ถึงขั้นมีน้อยคนนักที่รู้จักชื่อแซ่ของเขา!

ใช่ว่าจงใจดูถูก และไม่ถึงขั้นลบหลู่ หากแต่ไม่ใส่ใจกันจริงๆ

แต่ตอนนี้ด่านตะวันที่กว้างใหญ่นั้น ขอแค่ไม่ใช่คนหูหนวก ใครจะไม่รู้จักชื่อของหลินสวิน

ในการประชันหมากเก้าวัง หลิงเซียวจื่อที่เป็นถึงปฐมาจารย์สลักลายมรรคอันดับหนึ่งของกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินสวินยังต้องชื่นชมยอมแพ้

ในการประลองกับบุตรนรก บุตรนรกก็เสียหน้าไม่เหลือ หนีหัวซุกหัวซุน

การประชันหมากได้พิสูจน์ว่าแม้หลินสวินจะเป็นคนรุ่นหลัง แต่กลับมีพลังที่สามารถทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าคนใดก็ตามไม่อาจมองข้าม

ในการประลองกับบุตรนรก พรสวรรค์และพลังต่อสู้ที่หลินสวินเผยออกมาก็ได้พิสูจน์ว่า เขานั้นเรียกได้ว่าโดดเด่นเป็นหนึ่งในการเสาะหามหามรรค ความสำเร็จในภายหน้าถูกลิขิตให้ไม่อาจประเมิน!

คนรุ่นหลังเช่นนี้ใครจะไม่ใส่ใจได้อีก

ถ้ามีแค่นี้คงไม่อาจทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าในด่านตะวันพวกนั้นตกตะลึงเกินไป ด้วยพวกเขาที่เป็นถึงราชันอริยะหรือกึ่งจักรพรรดิ ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องพวกนี้มากนัก ต่อให้พรสวรรค์ของหลินสวินชวนตะลึง เบื้องลึกเบื้องหลังพลิกฟ้าแค่ไหน แต่ในระดับปราณก็ยังอยู่ห่างจากพวกเขามาก

ต่อให้ภายหน้าหลินสวินประสบความสำเร็จยอดเยี่ยม นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคต

แต่เมื่อนักพรตชิวถูกสังหาร สัตว์ประหลาดเฒ่าในด่านตะวันพวกนั้นก็ไม่อาจนิ่งเฉยได้แล้ว

คนรุ่นหลังคนหนึ่งกลับใช้ไพ่ตายในมือ สังหารกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งที่มีพลังต่อสู้พอจะก้าวขึ้นไปอยู่ในสิบอันดับแรกของกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิได้ ใครจะกล้ามองข้าม

กวาดสายตามองทั่วด่านตะวัน ล้วนหาคนที่เผชิญหน้ากับนักพรตชิวได้ไม่เจอ

นักพรตชิวยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินสวิน นับประสาอะไรกับพวกเขา

เรื่องราวพัฒนามาถึงขั้นนี้ ใครยังจะกล้าตั้งท่าเป็น ‘ผู้อาวุโสสูงศักดิ์’ ใส่หลินสวินอีก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากสังเกตเห็นความอัศจรรย์และน่ากลัวของใบหิมะน้ำแข็งนั้นในมือหลินสวิน สภาวะจิตของสัตว์ประหลาดเฒ่าในด่านตะวันพวกนั้นก็เปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์

บ้างละโมบ บ้างตกตะลึง และบ้างควบคุมความมุ่งหวังปรารถนาไม่อยู่!

ในด่านตะวันนี้บางทีพวกฮูหยินมู่ ซุ่นจี้ หลิงเซียวจื่ออาจมองหลินสวินเป็นเพื่อน ไม่มีทางทำเรื่องสกปรกโสมมเช่นนั้นแน่

แต่คนอื่นก็ไม่จำเป็นว่าต้องทำเช่นนั้น

ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะใบหิมะน้ำแข็งในมือของหลินสวิน สำหรับสัตว์ประหลาดเฒ่าพวกนั้นก็เหมือนสิ่งล่อใจยิ่งอย่างหนึ่ง ก่อให้เกิดความมุ่งหวังปรารถนาที่ไม่อาจควบคุมได้!

ยังดีที่อาจเป็นเพราะหวาดกลัวพลังที่น่าพรั่นพรึงของดอกกระบี่พันปีก จึงทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าในด่านตะวันพวกนั้นได้แต่ควบคุมความละโมบภายในใจอย่างเต็มที่ ไม่กล้าลงมือง่ายๆ

แต่ก็ด้วยสาเหตุนี้ บรรยากาศทั้งด่านตะวันจึงเปลี่ยนเป็นไม่น่าไว้ใจและแปลกพิกลขึ้นมา

สิ่งที่พิสูจน์ได้ดีที่สุดก็คือ นอกตำหนักสำริดที่หลินสวินอาศัยอยู่ชั่วคราวมีสายตามากมายจับจ้อง

และมีสัตว์ประหลาดเฒ่าไม่น้อยเริ่มใช้เหตุผลต่างๆ มาเยี่ยมเยียน

ยังดีที่การเยี่ยมเยียนทั้งหมดนี้ถูกพวกหลิงเซียวจื่อ ฮูหยินมู่ขวางไว้ได้ แต่พวกเขากลับหนักใจอยู่บ้าง

หลินสวินในตอนนี้เหมือนคบเพลิงในความมืด ดึงดูดพวกแมงเม่ามาไม่รู้เท่าไร!

หากมีแมงเม่าที่ไม่กลัวตายบางส่วนควบคุมความโลภในใจไม่อยู่แล้วพุ่งเข้ามาโดยไม่สนใจอะไร ผลที่ตามมานั้นคงพูดลำบากแล้ว

ขณะเดียวกันพวกซุ่นจี้ก็เป็นห่วงว่าหลังจากหลินสวินสังเกตเห็นเรื่องทุกอย่างนี้ จะเกิดจิตสังหารจนใช้วิธีการรุนแรงกระแทกกลับหรือไม่

ถ้าเป็นเช่นนี้ สำหรับกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิคงเป็นเรื่องร้ายไม่ใช่เรื่องดีอย่างไม่ต้องสงสัย

 คนไม่ผิด ผิดที่มีหยกติดตัว ความหวังหนึ่งที่สามารถเข้าใกล้หนทางบรรลุจักรพรรดิได้ ล้วนสามารถทำให้กึ่งจักรพรรดิคนใดก็ตามคลุ้มคลั่งแล้ว… 

หลิงเซียวจื่อทอดถอนใจ

เขารู้ชัดถึงมูลค่าของใบหิมะน้ำแข็งนั้นในมือหลินสวินดี

คนที่อยู่ในระดับกึ่งจักรพรรดิไม่ใช่เทพที่สำรวมตน วาสนาและสมบัติส่วนใหญ่บนโลกนี้ บางทีอาจดึงดูดความสนใจของพวกเขาไม่ได้

แต่ใบหิมะน้ำแข็งนั่นกลับเป็นข้อยกเว้น!

ถามตัวเองดูแล้ว ต่อให้เป็นพวกหลิงเซียวจื่อ ซุ่นจี้ ฮูหยินมู่ก็ยังไม่อาจไม่ใส่ใจสมบัติล้ำค่าที่เต็มไปด้วยสิ่งเร้าเช่นนี้

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศทั่วด่านตะวันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแล้ว

 ตอนนี้ก็ได้แต่รอท่านเซิ่นกลับมาควบคุมสถานการณ์แล้ว 

ฮูหยินมู่ทอดถอนใจ

ทุกอย่างนี้แม้ว่าหลินสวินจะไม่ได้ออกจากตำหนัก แต่กลับสังเกตเห็นได้อย่างฉับไว

ตั้งแต่ฝึกปราณมาถึงวันนี้ เขาผ่านเรื่องอันตรายมานับไม่ถ้วน ไหนเลยจะไม่รู้ว่าการมีอยู่ของใบหิมะน้ำแข็งจะก่อคลื่นลมมาให้เท่าไร

แต่หลินสวินก็ไม่หวาดกลัว

ต่อให้ไม่พึ่งพาพลังของสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวพวกนั้น ในมือเขาก็ยังมีไพ่ตายอื่นอีก แค่ไม่อยากสิ้นเปลืองไปกับเรื่องเช่นนี้เท่านั้น

ไม่คุ้มค่า!

แต่เพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องยุ่งยาก หลินสวินจึงได้แต่เก็บตัวชั่วคราว ไม่ออกไปข้างนอกเพื่อเลี่ยงปัญหา

เขาใช้เวลาและความคิดทั้งหมดไปกับการฝึกตน

บรรยากาศพิกลไม่น่าไว้ใจในด่านตะวันนั้นไม่ยืดเยื้อต่อเนื่องนานเท่าไร วันที่สามหลังจากนักพรตชิวถูกสังหาร เมื่อเสียงกัมปนาทของค่ายกลเคลื่อนย้ายดังก้องขึ้น บรรยากาศในด่านตะวันก็เปลี่ยนไป

เพราะกู่เหลียงฉวี่มาแล้ว!

กำแพงเมืองด่านจักรพรรดิมีผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิประจำการอยู่ไม่รู้เท่าไร แต่มีแค่กู่เหลียงฉวี่คนเดียวที่ถูกเรียกว่า ‘อันดับหนึ่งของกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ’

บารมีและความแข็งแกร่งด้านพลังต่อสู้ของเขา ไม่ว่าจะปรากฏตัวที่ไหนย่อมต้องกลายเป็นศูนย์รวมสายตาที่ใครๆ ต่างจับจ้อง

เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้กู่เหลียงฉวี่มาเพราะการตายของนักพรตชิว!

ไม่อย่างนั้นศึกที่ด่านสมุทรตึงเครียดเช่นนั้น กู่เหลียงฉวี่มีหรือจะลดตัวมาเยือนที่นี่

ยามกู่เหลียงฉวี่ก้าวออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้าย สัตว์ประหลาดเฒ่ามากมายในด่านตะวันล้วนถูกทำให้ตกใจ ต่างเข้ามาต้อนรับ

ชั่วขณะเดียวข้างกายของกู่เหลียงฉวี่ก็ราวกับดาวล้อมเดือน ขับเน้นให้เขาเป็นดั่งนายเหนือหัวออกสัญจร อานุภาพไม่เป็นสองรองใคร

พวกซุ่นจี้ หลิงเซียวจื่อ ฮูหยินมู่ก็มาแล้ว เมื่อเห็นภาพนี้เข้าก็พลันหนักใจอีกครั้ง

พวกเขาต่างคิดไม่ถึงว่าท่านเซิ่นยังไม่มา กลับเป็นกู่เหลียงฉวี่ที่มาถึงตั้งแต่พริบตาแรก

แค่คิดก็รู้แล้วว่าการตายของนักพรตชิวทำให้ในใจกู่เหลียงฉวี่เดือดดาลแค่ไหน!

 เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในด่านตะวันช่วงนี้มาให้ข้าฟังทีละเรื่อง 

กู่เหลียงฉวี่สวมชุดผ้าป่าน ผมยาวแผ่สยาย ร่างสูงตระหง่าน หน้าตาราบเรียบหนักแน่น ทันทีที่มาถึงก็ออกคำสั่งลงมา วาจาไม่แข็งกร้าว แต่กลับมีอำนาจกดดันที่ถาโถมเข้าใส่ผู้คน

 นอกจากนี้สั่งให้เจ้าหนุ่มที่ชื่อหลินสวินนั่นมาพบข้า ข้าให้เวลาเขาหนึ่งเค่อ ถ้าหนึ่งเค่อผ่านไปแล้วเขาไม่มา ข้าจะไปหาเขาด้วยตัวเอง 

ทุกคนในที่นั้นแตกตื่นทันที

สัตว์ประหลาดเฒ่ามากมายเผยสีหน้ายินดี กู่เหลียงฉวี่มาคราวนี้ เห็นชัดว่าต้องการลงโทษเจ้าหนุ่มหลินสวินนี่อย่างสาสม!

และมีคนไม่น้อยเป็นกังวล กู่เหลียงฉวี่เพิ่งมาถึงก็หันปลายหอกจ่อใส่หลินสวิน ถ้าเกิดความขัดแย้งขึ้น ผลที่ตามมาต้องคาดไม่ถึงแน่

หลิงเซียวจื่อสูดหายใจลึก สื่อจิตกล่าวรวดเร็ว ‘เหล่าซุ่น พวกเจ้ากับฮูหยินมู่ไปบอกข่าวการมาถึงของกู่เหลียงฉวี่กับเขา อย่าให้เขาวู่วามเด็ดขาด อีกอย่างอย่าให้เจ้าเฒ่าคนอื่นเข้าใกล้ ข้าเป็นห่วงว่าจะมีคนฉวยโอกาสสร้างคลื่นลม’

ซุ่นจี้และฮูหยินมู่พยักหน้าพร้อมกัน กำลังจะเคลื่อนไหวทันที

แต่พร้อมกันนี้สายตาของกู่เหลียงฉวี่ก็กวาดมองมาดุจอสนี กล่าวเสียงขรึม  พวกเจ้าอยู่ที่นี่ ไม่มีคำสั่งของข้า ใครก็ห้ามจากไป 

พวกซุ่นจี้ต่างหน้าเปลี่ยนสี

เห็นชัดว่ากู่เหลียงฉวี่ใช่ว่าไม่รู้เรื่องอะไรของด่านตะวัน หากแต่เตรียมการมาก่อน เพราะในใจเขามองพวกตนเป็นพวกเดียวกันกับหลินสวินแล้ว!

ขณะเดียวกันกู่เหลียงฉวี่ก็ออกคำสั่ง  ซิงเฟิง เนี่ยถู พวกเจ้าสองคนไปแจ้งหลินสวินนั่น จำไว้ว่าอย่าใช้กำลัง จะได้ไม่พูดว่าข้ากู่เหลียงฉวี่รังแกคนรุ่นหลังอย่างเขา หลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้คนหยามเหยียด 

ทันใดนั้นก็มีชายสองคนก้าวออกมา

คนหนึ่งร่างเล็กกำยำ ท่าทางดิบเถื่อน ร่างกายเหมือนหล่อจากสำริด ทั้งตัวเต็มไปด้วยกลิ่นอายเลือดเย็นน่ากลัว

อีกคนกลับร่างผอมเหมือนไม้ไผ่ ราวกับพวกหนอนหนังสือ ในมือกำลังโบกพัดเหล็กเล่มหนึ่งไปมา

ฝ่ายแรกชื่อว่าซิงเฟิง ฝ่ายหลังชื่อว่าเนี่ยถู ล้วนเป็นขุนพลระดับกึ่งจักรพรรดิที่เลื่องชื่อลือนามและอยู่ใต้อาณัติกู่เหลียงฉวี่ แต่ละคนล้วนมีพลังน่ากลัว

เห็นดังนี้หลิงเซียวจื่อก็หน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง กล่าวอย่างอดไม่ได้  พี่กู่ หลินสวินเป็นแค่คนรุ่นหลังคนหนึ่ง ทำไมต้องเอิกเกริกเช่นนี้เล่า 

กู่เหลียงฉวี่เหลือบมองเขาอย่างเฉยชาวูบหนึ่งแล้วกล่าว  บนโลกนี้มีคนรุ่นหลังที่ไหนกล้าสังหารกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง หลิงเซียวจื่อ ข้านับถือที่หลายปีมานี้เจ้าสร้างผลงานให้กำแพงเมืองด่านจักรพรรดิไม่น้อย ดังนั้นเจ้าก็อย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย 

หลิงเซียวจื่อกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง กู่เหลียงฉวี่ก็โบกมือ  เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว มิฉะนั้นอย่าหาว่าข้ากู่เหลียงฉวี่ไม่ไว้หน้าเจ้า 

วาจาแข็งกร้าว ไม่เหลือทางให้ถอย

เวลานี้ซิงเฟิงและเนี่ยถูเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว

หลิงเซียวจื่อเห็นดังนี้สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นอึมครึมไม่น่าดูขึ้นมา หากไม่ใช่ว่าเขาอยากเลี่ยงความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นอีกครั้ง มีหรือเลยจะใส่ใจเรื่องน่ารำคาญพวกนี้

คิดจริงๆ หรือว่าหลินสวินเป็นคนรุ่นหลังที่รังแกได้ง่ายคนหนึ่ง

 อ้อ ใบหิมะน้ำแข็งนั่นมหัศจรรย์เช่นนั้นจริงหรือ 

มีสัตว์ประหลาดเฒ่าคนหนึ่งเล่าเสียงเบา กู่เหลียงฉวี่ฟังจบ บนสีหน้าก็เจือแววประหลาดสายหนึ่ง

 ไม่ผิด สมบัตินั่นอัศจรรย์เกินคาดเดา หากเก็บสมบัตินั้นไว้ที่กำแพงเมืองด่านจักรพรรดิได้ ภายหน้าก็สามารถสร้างประโยชน์อย่างไม่อาจจินตนาการ! 

มีคนเอ่ยปาก แววตาเปล่งประกาย ประโยคเดียวชักนำให้คนไม่น้อยไหวหวั่นทันที

ถ้ามีใบหิมะน้ำแข็งอยู่ เช่นนั้นพวกเขาเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าก็มีโอกาสเข้าใกล้หนทางบรรลุจักรพรรดิเช่นกัน!

กู่เหลียงฉวี่แววตาวาววาบ กวาดมองคนอื่นแล้วกล่าว  พวกเจ้าก็คิดเช่นนั้นหรือ 

ผู้คนมากมายต่างพยักหน้า

ชายชราชุดดำคนหนึ่งที่หน้าตาผอมแห้ง ท่าทางงามสง่าเอ่ยปากกล่าวตรงๆ  ใต้เท้ากู่ ในความเห็นข้า ครั้งนี้หากเจ้าหนุ่มหลินสวินนี่รับปากมอบสมบัตินี้ให้ ความผิดที่เขาก่อก่อนหน้านี้ก็พอจะพิจารณายกโทษให้ได้บ้าง 

กู่เหลียงฉวี่แค่นเสียงเย็นชา  นักพรตชิวมีความผิดอะไร เขาถูกเจ้าเด็กนี่ฆ่าอย่างเหี้ยมโหด สมบัติชิ้นเดียวก็ละเว้นเจ้าเด็กนี่ได้แล้วหรือ 

ชายชราชุดดำนั่นรีบร้อนกล่าว  โทษตายอาจละเว้น โทษเป็นยากหลบหลีก พวกเราแค่หวังให้โอกาสเจ้าเด็กนี่ทำคุณไถ่โทษ รอเขามอบสมบัติให้แล้วค่อยกำราบเขาและขังไว้หนึ่งพันปีเป็นการลงโทษก็พอ 

พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นก็พากันเปิดปาก ทำเหมือนหลินสวินเป็นคนรุ่นหลังที่ทำผิดใหญ่หลวง แต่ยังพอพิจารณายกโทษให้ได้

แน่นอนว่าเงื่อนไขแรกของการยกโทษให้คือ จำเป็นต้องมอบใบหิมะน้ำแข็งนั้นให้ก่อน

‘ไร้สาระ!’

เห็นเหตุการณ์ต่างๆ นี้กับตาตนเอง ซุ่นจี้ ฮูหยินมู่ต่างโกรธจนหน้าอกกระเพื่อมไหว สีหน้าไม่น่าดู

หลิงเซียวจื่อยิ่งควบคุมความเดือดดาลภายในใจไม่อยู่ ตวาดลั่น  หลินสวินมีโทษอะไร พวกเจ้าถึงได้มองเป็นคนผิด 

 พวกเจ้าคิดจริงๆ หรือว่าการตายของนักพรตชิว ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของหลินสวิน 

 เพื่อสมบัติชิ้นเดียวก็กลับดำเป็นขาว ใช้อุบายสกปรกโสมมเช่นนี้มาจัดการคนรุ่นหลังคนหนึ่ง พวกเจ้า… ไม่มียางอายแล้วหรือ!? 

เสียงดั่งฟ้าร้องสะท้อนไปทั่วลาน

หลิงเซียวจื่อโกรธจนผมตั้ง!

 

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท