แต่ไม่นานประธานธนาคารหวางก็สลัดความคิดนี้ทิ้งไป ช่องว่างทางการเงินของเหม่ยหวา กรุ๊ปไม่ได้ธรรมดา บวกกับการที่ตระกูลหลี่คอยขัดขา เหม่ยหวา กรุ๊ปไม่มีทางหาเงินมาได้ในระยะเวลาสั้นๆ หรอก
ทุนคือการแสวงหาผลกำไร ไม่มีทุนที่จะพูดถึงน้ำใจ ถ้าเอาเงินมาลงในเหม่ยหวา กรุ๊ปในช่วงเวลาแบบนี้ ไม่มีอะไรนอกจากโง่
“ประธานหลี่ เห็นแก่การที่เรารู้จักกัน ผมอยากเตือนคุณสักหน่อย ถอยออกมาก้าวนึง จะทำให้เห็นมุมมองที่กว้างขึ้น!” ประธานธนาคารหวางพูดด้วยความจริงใจมาก เขาคำนึงถึงหลี่ซู่เฟินจากใจจริง
หลี่ซู่เฟินยิ้มบางๆ “ฉันรับความหวังดีของประธานธนาคารหวางเอาไว้ละกัน แต่ฉันยังยืนยันคำเดิม คุณเริ่มคำนวณบัญชีเถอะค่ะ!”
“เอ่อ ได้ครับ!” ประธานธนาคารหวางจำใจ แต่ในเมื่อหลี่ซู่เฟินตัดสินใจแล้ว เขาก็ต้องเคารพตามหลักเหตุผล
ประธานธนาคารหวางเอาบัญชีรายการที่คำนวณไว้เรียบร้อย ยื่นให้หลี่ซู่เฟินแล้วพูดเสียงขรึมว่า “เงินที่เหม่ยหวา กรุ๊ปต้องคืนธนาคาร รวมทั้งต้นทั้งดอกทั้งหมด 23,895,000,000 ครับ”
“ทรัพย์สินของเหม่ยหวา กรุ๊ปในตอนนี้ประมาณ 10,080,000,000 ดังนั้นถึงเอาเหม่ยหวา กรุ๊ปมา คุณยังต้องจ่ายหนี้เพิ่มอีกหมื่นกว่าล้านครับ”
ประธานธนาคารหวางชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นพูดเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง “ประธานหลี่ ผู้เข้าใจสถานการณ์คือผู้เฉลียวฉลาดนะครับ!”
หลี่ลี่เหวินแสยะยิ้มเย็นชา แล้วพูดว่า “น้องสี่ ไม่มีเหม่ยหวา กรุ๊ปแล้ว เธอยังต้องแบกหนี้อีกหมื่นกว่าล้าน เธอคิดให้ดี ตอนนี้เงื่อนไขของฉันยังมีผลนะ”
เรื่องมาถึงขนาดนี้ เหมือนหลี่ลี่เหวินไม่เห็นแก่ความเป็นพี่น้องอีกแล้ว เขาเล่นงานเหม่ยหวา กรุ๊ปอย่างถึงที่สุด
ประธานโจวรีพูดเสริมอยู่ข้างๆ เขามองหลี่ซู่เฟิน แสยะยิ้มเยาะเย้ยแล้วพูดว่า “ประธานหลี่ คุณคิดให้ดีๆ เสียหน้ายังดีกว่าเขาคุกนะ!”
หลี่ซู่เฟินมองคนพวกนั้น จู่ๆ เธอยกยิ้มมุมปากแล้วยืนขึ้น พลานุภาพของหญิงแกร่งกลับมาอีกครั้ง
“เข้าคุกเหรอ ประธานโจวคิดเยอะไปแล้ว! จะทำลายเหม่ยหวา กรุ๊ปของฉันให้ย่อยยับ มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก”
หลี่ซู่เฟินหันมามองเวินฉิง “เสี่ยวฉิง ชำระเงินคืนธนาคารเถอะ!”
เวินฉิงโค้งตัวพยักหน้า “ค่ะ”
“ประธานธนาคารหวาง เชิญตามฉันมาค่ะ” เวินฉิงเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย กวาดตามองคนตระกูลหลี่อย่างเย็นชา สีหน้าดูยียวนเล็กน้อย
หลี่ลี่เหวินหรี่ตาลงทันที สายตาที่มองเวินฉิง แฝงไปด้วยความสงสัย
ส่วนพวกประธานโจวอึ้งเล็กน้อย เกิดความตระหนกขึ้นในใจ อย่าบอกนะว่าเหม่ยหวา กรุ๊ปหาเงินเข้ามาได้จริงๆ
ไม่ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด! ทุนไหนจะโง่ขนาดนี้ล่ะ
“ทำท่าเสแสร้ง หึ!” ประธานโจวยิ้มเยาะ
ประธานธนาคารหวางก็อึ้งเช่นกัน มองหลี่ซู่เฟินแวบหนึ่ง พบว่าใบหน้าเธอหนักแน่น เกิดความสงสัยขึ้นในใจประธานธนาคารหวางไม่หยุด
แต่ผลจะเป็นอย่างไร แค่เขาตามเวินฉิงไปก็รู้เอง
“เชิญครับ!” ประธานธนาคารหวางพูดกับเวินฉิง
มองทั้งสองคนเดินออกไป สีหน้าหลี่ลี่เหวินเริ่มอึมครึม สายตามองเฉินโม่ตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่หยุด
ส่วนเฉินโม่นั่งดื่มชาอยู่บนเก้าอี้ด้วยใบหน้าผ่อนคลาย ราวกับไม่กังวลเลยสักนิด
“เหม่ยหวา กรุ๊ปคงไม่ได้หาเงินมาได้จริงๆ ใช่ไหม”
ฝั่งตระกูลหลี่เริ่มมีคนพูดคุยเสียงเบาขึ้นมา เพราะหลี่ซู่เฟินนิ่งมากจริงๆ
ไม่นาน เวินฉิงพาประธานธนาคารหวางกลับมา
เห็นสีหน้าตกตะลึงของประธานธนาคารหวาง สีหน้าหลี่ลี่เหวินเปลี่ยนไปทันที พวกคนที่พึ่งพาอาศัยตระกูลหลี่ ก็มีสีหน้าตกใจกลัวออกมาเช่นกัน
“ไม่จริง เหม่ยหวา กรุ๊ปหาเงินเข้ามาได้จริงๆ เหรอ”
รอจนประธานธนาคารหวางเดินมา ประธานโจวถามอย่างอดไม่ไหว “ประธานธนาคารหวาง เกิดอะไรขึ้น”
ประธานธนาคารหวางมองหลี่ลี่เหวินที่กำลังจ้องเขาอยู่ แล้วพูดว่า “หนี้ทั้งหมดของเหม่ยหวา กรุ๊ป ชำระคืนหมดแล้วครับ ผมไม่มีธุระอะไรที่นี่แล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ!”
พูดจบ ประธานธนาคารหวางออกไปคนเดียว ขืนเขาอยู่ต่อ ก็เท่ากับยืนข้างตระกูลหลี่อย่างเปิดเผย จะผิดต่อความตั้งใจเดิมของธนาคาร
มองประธานธนาคารหวางที่เดินออกไป แววตาหลี่ลี่เหวินสับสน มองเฉินโม่ที่ยังดื่มชาอย่างผ่อนคลาย ความตกใจผุดขึ้นมาจากแววตาลึก