หลินเสวี่ยหยิบเอกสารขึ้นมา นำไปมอบให้กับผู้รับผิดชอบประเมินทรัพย์สินทั้งสอง “นี่คือทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลหลิน ตอนนี้ได้เปลี่ยนชื่อเป็นของนายท่านแล้ว มูลค่ารวมประมาณพันหกร้อยล้าน นี่เป็นบันทึกการเปลี่ยนนิติบุคคลของบริษัท นี่เป็นข้อมูลธนาคาร…..”
สองผู้ประเมินตะลึงงัน พวกเขานับเป็นผู้อาวุโสของตระกูลเฉินเช่นกัน พวกเขาทำงานให้กับตระกูลเฉินมานานหลายปีจนได้รับเกียรติจากเฉินกั๋วเหลียง ตลอดสิบกว่าปีที่มีการทดสอบ พวกเขาล้วนทำหน้าที่เป็นผู้ประเมินทรัพย์สินทั้งสิ้น
แต่ว่า สิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ พวกเขายังไม่เคยเห็นลูกหลานตระกูลเฉินคนไหน นำทรัพย์สินที่มีมูลค่าเกินพันล้านออกมาเลย
แค่ผลงานของเฉินหลี้และเฉินเหล่ยก็ทำให้พวกเขาทั้งสองตกตะลึงแล้ว แต่ทันทีที่เฉินโม่ปรากฏตัวขึ้น ก็ราวกับมีลูกระเบิดถูกทิ้งลงกลางสนามรบในสมัยโบราณ
ทรัพย์สินพันหกร้อยล้าน เทียบเท่ากับทรัพย์สินของตระกูลเล็ก ๆ ได้เลย
จริง ๆ แล้ว นี่เป็นทรัพย์สินเพียงส่วนหนึ่งของตระกูลหลินเท่านั้น ตั้งแต่ที่หลินเสวี่ยรับช่วงต่อจากตระกูลหลิน และได้ความช่วยเหลือจากชื่อเสียงเฉินโม่ หลินเสวี่ยก็แผ่ขยายตระกูลหลินจนยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอีกเท่าตัว เงินจำนวนนี้จึงนับว่าเป็นเพียงหนึ่งในสิบของตระกูลหลินเท่านั้น
นี่เป็นสิ่งที่เฉินโม่มอบหมายกับเธอไว้ เขาเกรงว่าถ้าหากเปิดเผยออกมามากเกินไป มันจะทำให้คนใกล้ชิดของเขาตื่นตระหนก
คนอื่น ๆ ก็ไม่ได้ต่างไปจากผู้ตรวจสอบทั้งสองคนมากนัก แต่ละคนดวงตาเบิกโพลง แทบไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่ตนเองได้ยินคือเรื่องจริง
“ฉันไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม หนึ่งพันหกร้อยล้าน ?” มีคนถามด้วยความตื่นตระหนก
“และเหมือนว่าจะยังไม่ได้มีแค่นั้น ด้านหลังยังมีอีกไม่ใช่หรือ ?” ทายาทคนนั้นมองไปยังกระเป๋าใส่เอกสารที่โป่งพองในมือของหลินเสวี่ยด้วยความงุนงง
“ยังมีอีก ! นี่ไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม ?”
เฉินธงมองหลินเสวี่ยหน้านิ่วคิ้วขมวด แววตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง “เธอเป็นใคร ? ทำไมถึงต้องช่วยเฉินโม่ด้วย ?”
เฉินควางใบหน้าบูดเบี้ยว มองดูเฉินโม่ที่ยืนเอามือไพล่หลังอยู่บนเวทีด้วยความแค้น “ไม่ เป็นไปได้ยังไง ? เด็กนี่ไปเชิญนักแสดงมาจากไหน ? ของปลอม มันต้องเป็นของปลอม !”
เฉินควางไม่มีวันเชื่อ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์กว่าเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ก็ไม่เชื่อ แม้แต่เฉินจิงเย่และเฉินกั๋วเหลียงยังมองไปยังเฉินโม่อย่างไม่เชื่อสายตา
เฉินจิงเย่สายตาเหม่อลอยมองเฉินโม่ ในใจเต็มไปด้วยความงงงวย “เสี่ยวเฉินไปเอาเงินมากมายนั่นมาจากไหน ? นั่นเป็นของจริงหรือ ?”
เฉินกั๋วเหลียงคิดไปได้ไกลกว่าเฉินจิงเย่มาก “เสี่ยวเฉินไม่มีทางจงใจสร้างของปลอมขึ้นมาแน่ ไม่อย่างนั้น หากใช้เวลาเพียงแค่นิดเดียวก็สามารถถูกตรวจสอบได้แล้ว เขาไม่ได้โง่ขนาดนั้น”
“แต่ว่า ถ้าหากเป็นของจริงล่ะก็ งั้น…..” แววตาเฉินกั๋วเหลียงเกิดประกายสดใสขึ้น
หลินเสวี่ยพูดด้วยน้ำเสียงราวกับหุ่นยนต์ “ตรวจสอบเสร็จหรือยัง ?”
ผู้ที่ทำการประเมินทั้งสองเพิ่งจะได้สติ รีบพยักหน้าตอบรับ “เรียบร้อยแล้ว ยืนยันว่าไม่ความผิดผลาด”
หลินเสวี่ยชูเอกสารขึ้นมา ส่งให้คนทั้งสอง “นี่คือหนังสือข้อมูลการเปลี่ยนนิติบุคคลร้านยาเซียน แล้วก็ใบรับรองทรัพย์สินจากธนาคาร…..ซึ่งตอนนี้ถูกเปลี่ยนเป็นชื่อของนายท่านหมดแล้ว ประเมินมูลค่าได้สามพันหกร้อยล้าน”
เฉินตงหวาอ้าปากค้าง “ร้านยาเซียน !”
เฉินตงเยว่กล่าวด้วยใบหน้าตกตะลึง “นั่นเป็นเครือข่ายระดับประเทศ ยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมยา !”
“เป็นไปได้ยังไง !”
ร้านยาเซียน เป็นธุรกิจร้านยาของสำนักยาเซียนบนโลก แน่นอนว่า สิ่งที่หลินเสวี่ยนำออกมา เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น อีกทั้งมูลค่าของสำนักยาเซียนเกรงว่ามันจะประเมินไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“สามพันหกร้อยล้าน นี่มันบ้าเกินไปแล้วล่ะมั้ง ! เขาทำได้ยังไง !”
ทุนคนมองไปยังเฉินโม่ด้วยความตกตะลึง ไม่เข้าใจว่าหนุ่มน้อยคนหนึ่งจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมยาได้อย่างไร
ครั้งนี้ แม้แต่ผู้ที่เป็นเจ้าภาพในการจัดการทดสอบอย่างเฉินตงซุ่นยังเกิดความสงสัย จนต้องเอ่ยปากบอกมาเสียงดังว่า “ตรวจสอบให้ละเอียด !”
สองผู้ประเมินพยักหน้า สีหน้าเคร่งเครียด การตรวจสอบครั้งแรกผ่านไป ก็ทำการตรวจสอบอีก ครั้งที่สอง ครั้งที่สาม จนผ่านไปเกือบยี่สิบนาที ผู้ประเมินจึงเงยหน้าขึ้น นำผลลัพธ์ไปมอบให้กับเฉินตงซุ่น “ยืนยันว่าไม่มีความผิดผลาด ทั้งหมดนี่คือของจริง”