เฉินฉีรู้สึกมึนงงเมื่อได้ยินเช่นนั้น แม้ตนเองจะไม่เข้าใจ แต่เฉินฉีก็รู้สึกว่าแผนการของเฉินเหล่ยนั้นดูยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก
“พี่เหล่ยสุดยอดอย่างที่คิด พี่จะต้องจัดการกับเฉินโม่ได้อย่างแน่นอน และกลายเป็นคนที่เจิดจรัสที่สุดในการประชุมประจำปีนี้ !”
เมื่อผู้เข้าร่วมงานมากันพอสมควร ทุกคนก็เริ่มอวยพรปีใหม่ให้กับผู้อาวุโสทั้งสามของตระกูลเฉิน
นี่เป็นฉากที่มีความสุขและกลมเกลียวกันของตระกูลเฉิน และการต่อสู้แย่งยิ่งเหล่านั้นก็ดูเหมือนว่าจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
แต่ถึงกระนั้น ครอบครัวของเฉินจิงเย่ก็ยังคงเป็นครอบครัวที่โดดเดี่ยว มีเพียงสายเลือดของเฉินกั๋วเหลียงเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เข้าไปกล่าวทักทาย
แต่มันก็เป็นแค่การทักทายไปตามมารยาทเท่านั้น
เฉินจิงเย่นั่งลงบนเก้าอี้ ดื่มชาอยู่เงียบ ๆ ถอนหายใจเบา ๆ เป็นครั้งคราว
หลี่ซู่เฟินอดไม่ได้ที่จะมองเขาด้วยความว่างเปล่า “ทำไม ? หลายปีที่ผ่านมามันก็เป็นแบบนี้ ยังไม่ชินอีกเหรอ ?”
เฉินจิงเย่วางถ้วยชาลง มองมายังหลี่ซู่เฟิน ถอนหายใจอีกครั้งแล้วพูดออกมา “ชินตั้งนานแล้ว แค่รู้สึกไม่สบายเล็กน้อย”
หลี่ซู่เฟินยิ้มออกมา “ยังรับไม่ได้เหรอ ?”
เฉินจิงเย่หันมามองเธอ “ก็เหมือนกันหมด !”
ในขณะที่เขากำลังพูดก็มีเสียงคนดังขึ้นมาจากทางด้านนอกของประตู “คุณเย่เจิ้งฉีแห่งตระกูลเย่มาถึงแล้ว !”
ห้องโถงของตระกูลเฉินเงียบสนิทในทันที
เฉินกั๋วเหลียงหัวเราะออกมา “ปีนี้ตระกูลเย่มาเร็วกว่าปีที่ผ่านมา ! ตงซุ่น นายออกไปต้องรับพวกเขาหน่อย”
เฉินตงซุ่นประสานมือ “ครับ”
พูดจบ เฉินกั๋วเหลียงก็มองไปที่เฉินกั๋วต้งซึ่งกำลังยืนอย่างภาคภูมิใจอยู่ด้านข้างพร้อมพูดออกมา “น้องสาม ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณความสำเร็จของเฉินเหล่ยจากครอบครัวนาย !”
เฉินกั๋วต้งยิ้มออกมา “ทั้งหมดก็เพราะได้พี่รองเป็นผู้ชี้นำของตระกูลเฉิน หากตระกูลเย่ไม่เห็นถึงความแข็งแกร่งของตระกูลเฉิน ในฐานะตระกูลผู้ยิ่งใหญ่แห่งหนานซู เป็นรองแค่ตระกูลเฉินเพียงตระกูลเดียว เขาจะทำสัญญาหมั้นกับเฉินเหล่ยได้อย่างไร ?”
เฉินกั๋วเหลียงส่ายหน้า “หลายปีก่อนหน้านี้ ความแข็งแกร่งของตระกูลเฉินมีมากกว่าในปัจจุบัน ฉันก็ไม่เห็นตระกูลเย่จะยอมปล่อยให้ลูกสาวของพวกเขามาแต่งงานกับตระกูลเฉินของพวกเรา ทั้งหมดเป็นเพราะวิธีการเอาชนะใจคุณหนูตระกูลเย่ของเฉินเหล่ย ทำให้เย่เจิ้งฉีเห็นด้วยกับสัญญาหมั้น เรื่องนี้ ทั้งหมดเป็นความสำเร็จของเฉินเหล่ย !”
หลังจากนั้นไม่นาน เฉินตงซุ่นก็เดินกลับมา “คุณพ่อ คุณเย่มาถึงแล้ว !”
ตรงประตูอันยิ่งใหญ่ ชายรูปร่างสูงใหญ่ในวัยห้าสิบเศษ เดินเชิดหน้าเข้ามาด้านใน เขาก็คือผู้นำตระกูลเย่แห่งหนานซู เย่เจิ้งฉี
ด้านข้างของเขา มีหญิงสาวรูปร่างสูงเพรียว ผมยาวสลวย สวมเสื้อสเวตเตอร์รัดรูปสีขาวและกระโปรงลายดอกสีขาวดำ สาวสวยที่กำลังควงแขนของเขาก็คือคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเย่ เย่เฟยเออร์
เมื่อเห็นเย่เฟยเออร์ เหล่าชายหนุ่มของตระกูลเฉินที่อยู่ในห้องโถงต่างควบคุมตัวเองไม่ได้ แววตาของพวกเขาลุกเป็นไฟ
ด้านหลังของเฉินเหล่ย เฉินฉีพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น “พี่เหล่ย พี่สะใภ้เฟยเออร์มาถึงแล้ว”
สีหน้าของเฉินเหล่ยยังคงไม่เปลี่ยนไป แต่สายตาของเขาจับจ้องไปที่เย่เฟยเออร์ตั้งแต่แรกแล้ว มันยากที่จะละสายตาจากเธอ
เย่เจิ้งฉีโค้งคำนับให้เฉินกั๋วเหลียงพร้อมพูดว่า “คุณเฉิน เย่เจิ้งฉีมาที่นี่เพื่ออวยพรปีใหม่ให้กับคุณ !”
เย่เฟยเออร์เองก็รีบทำความเคารพอย่างสุภาพ “คุณปู่เฉิน เฟยเออร์เองก็มาเพื่ออวยพรปีใหม่ให้กับคุณปู่ !”
เฉินกั๋วเหลียงยิ้มพร้อมพูดออกไป “ขอบใจมาก เชิญคุณเย่นั่งลงก่อน !”
“เฟยเออร์เองก็นั่งลงด้วย”
เย่เจิ้งฉีประสานมือ “ขอบคุณคุณเฉินมาก !”
“ขอบคุณคุณปู่เฉิน !” เย่เฟยเออร์ยิ้มและประสานมือ ท่าทางของเธอช่างดูน่ารักเหลือเกิน
เย่เจิ้งฉีนั่งลง แต่เย่เฟยเออร์ไม่ได้นั่งลงไปกับเย่เจิ้งฉี แต่เธอหันมามองในทิศทางที่เฉินเหล่ยอยู่
“พี่เฉินเหล่ย !” เย่เฟยเออร์วิ่งไปหาเฉินเหล่ยโดยไม่คำนึงถึงคนมากมายที่มองเธออยู่
เย่เจิ้งฉียิ้ม สบถออกมาว่า เลย !”
เฉินกั๋วเหลียงยิ้มออกมา “ผิดแล้วคุณเย่ นี่แหละถึงจะสามารถแสดงนิสัยอันไร้เดียงสาของเฟยเออร์ออกมาได้”
“เฟยเออร์ !” เฉินเหล่ยเรียกออกไปด้วยความดีใจ
เย่เฟยเออร์มาที่ด้านข้างของเฉินเหล่ย ควงแขนของเฉินเหล่ยด้วยความรัก ถามออกมาว่า “การทดสอบของตระกูลเมื่อวาน พี่ได้ที่หนึ่งใช่ไหม ?”
คำถามนี้ ทำให้เฉินเหล่ยรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก
“แฮ่ม แฮ่ม พี่สะใภ้เฟยเออร์ วันนี้เป็นวันแรกของปีใหม่ เรื่องพวกนี้เอาไว้พวกเราค่อยคุยเป็นการส่วนตัวจะดีกว่า !” เฉินฉีรับเรื่องให้เฉินเหล่ย
เย่เฟยเออร์เป็นคนฉลาด หัวใสราวกับหิมะ ทันทีที่เธอได้ยินคำพูดของเฉินฉี เธอก็รู้ได้ทันทีว่าเฉินเหล่ย ต้องล้มเหลวในการคว้าแชมป์
“ไม่จริงใช่ไหม คนที่เข้าร่วมการทดสอบครั้งนี้ มีแค่เฉินหลี้เพียงคนเดียวที่พอจะดูมีความสามารถ แต่ก็ยังห่างชั้นกับพี่เฉินเหล่ยอยู่มาก งั้นการทดสอบครั้งนี้ ใครคือผู้คว้าแชมป์ ?”