“หนวกหู ข้าง่วงมาก พวกเจ้าจะทำอะไรก็ทำไป อ้อ จริงด้วย เมื่อวานเราไปพนันไว้ที่หอสุรา อย่าลืมกลับไปรับเงินด้วยล่ะ”
“ที่สวนตะวันออกเริ่มการประลองแล้ว ท่านไม่ไปดูหน่อยหรือ
“มีอะไรน่าดูหรือไง พรุ่งนี้ก็ยังมีรอบชิงชนะเลิศอยู่ไม่ใช่รึ”
กู้ชูหน่วนหาวไปหนึ่งทีและฟุบตัวลงกับโต๊ะอย่างเหนื่อยล้า ไม่นานเสียงลมหายใจก็ค่อยๆ สม่ำเสมอ
ทุกคนงงงัน
เหตุใดนางจึงใจเย็นเช่นนี้
ชนะได้เงินเยอะขนาดนี้จะไม่ไปฉลองสักหน่อยหรือ
นอกจากนี้นางเป็นเทพแห่งการนอนกลับชาติมาเกิดหรืออย่างไร เหตุใดจึงเอาแต่นอนทั้งวัน
หลิ่วเย่ว์และอวี๋ฮุยต่างมองไปที่เซี่ยวอวี่เซวียน
เซี่ยวอวี่เซวียนกลอกตา “นางให้พวกเจ้าเก็บไว้พวกเจ้าก็แค่เก็บไว้ แม่นางผู้นี้ใส่ใจความรู้สึกผู้อื่น ต่อไปถ้านางจะทำอะไร เราแค่คอยช่วยเหลือก็พอ”
“พี่ใหญ่เป็นคนดีมาก สารภาพตรงๆ ว่าตระกูลของข้ากำลังเจอวิกฤตินิดหน่อย กำลังขาดเงินอยู่พอดี ข้าเองก็กังวลมากจนนำเงินทั้งหมดที่มีมาเดิมพัน ใครจะไปคิดว่าจะแพ้เดิมพันทั้งหมด โชคดีที่พี่ใหญ่ให้เงินข้ามาสองแสนตำลึง วิกฤติของตระกูลข้าน่าจะจบลงเสียที”
“ของข้าไม่เหมือนกัน ดูจากภายนอกตระกูลข้าเหมือนจะดูดี แต่จริงๆ แล้วมันเป็นแค่เปลือกที่ว่างเปล่า ตอนนี้เมื่อมีเงินสองแสนตำลึงนี่แล้ว ตระกูลของข้าคงจะฟื้นฟูขึ้นมาได้”
ที่กู้ชูหน่วนไม่รู้ก็คือ การทำแบบไม่ได้คิดอะไรของนางทำให้เซี่ยวอวี่เซวียนและอีกสองคนที่เหลือยอมสวามิภักดิ์ต่อนางอย่างแท้จริง
จนเมื่อกู้ชูหน่วนตื่นขึ้นมา การแข่งขันก็จบลงเป็นที่เรียบร้อย กู้ชูอวิ๋นและเจ๋ออ๋องรวมทั้งบัณฑิตจากตระกูลที่ยากจนคนหนึ่งได้รับชัยชนะ ได้เข้ามาอยู่ในรายชื่อสามอันดับแรก
หลิ่วเย่ว์กระซิบที่ข้างหูของนาง
“ท่านรู้หรือไม่ว่าการประลองแข่งขันวิชาการครั้งนี้ดุเดือดแค่ไหน ชะๆๆ พวกมากความสามารถที่มาจากครอบครัวยากจนนั่นมีฝีมือทางวรรณกรรมยอดเยี่ยมจริงๆ คารมคมคายและวาทศิลป์ดี ขนาดท่านเจ๋ออ๋องยังเกือบจะพ่ายแพ้”
“โดยเฉพาะคนที่ชื่อเยี่ยเฟิง ชะๆๆ ความสามารถของเขาเทียบเคียงกับท่านอาจารย์ซั่งกวนได้เลย ข้ารับประกันเลยว่าท่านเจ๋ออ๋องจะต้องถูกเปรียบเทียบอย่างแน่นอนถ้าต้องเจอกับเขา บางทีแม้แต่กู้ชูอวิ๋นก็อาจจะถูกเอาไปเปรียบเทียบเหมือนกัน”
“ข้าว่าพวกเจ้าบ่นมานานแล้วนะ บ่นจบหรือยัง แล้วนี่เซี่ยวอวี่เซวียนอยู่ไหน”
“อา… เมื่อครู่นี้ยังอยู่ที่นี่อยู่เลย บางทีอาจจะไปรับเงินที่หอสุราละมั้ง”
“เรื่องที่ให้พวกเจ้าไปสืบได้ความว่าอย่างไรบ้าง”
หลิ่วเย่ว์และอวี๋ฮุยนึกอยู่ครู่หนึ่งกว่าจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง บอกอย่างลับๆ ล่อๆ ว่า “ไปสืบมาแล้ว เป็นท่านอาจารย์สวีที่ไปที่จวนแม่ทัพ ฟ้องท่านแม่ทัพใหญ่เซี่ยวว่าลูกพี่โง่เขลาขาดความรู้ แม้แต่บทกวีสู่หลียังไม่เข้าใจ จากนั้นกู้ชูหลานก็ไปบอกท่านแม่ทัพโดยไม่ออกนามว่าลูกพี่กำลังพนันอยู่ที่หอสุรา พนันว่าท่านจะชนะ ดังนั้นท่านแม่ทัพใหญ่จึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟและทุบตีพี่ใหญ่อย่างหนัก”
ความกดอากาศรอบๆ ตัวกู้ชูหน่วนลดลงอย่างฉับพลัน ความเย็นเยียบฉายวาบในดวงตาของนาง
หลิ่วเย่ว์และอวี๋ฮุยชะงักไปนิดหนึ่ง
เหตุใดอยู่ๆ พี่ใหญ่ของพวกเขาจึงดูเปลี่ยนไปเหมือนเป็นคนละคน
กู้ชูหน่วนกวักมือเรียกพวกเขาเข้ามาใกล้และกระซิบที่ข้างหูสองสามคำ ทั้งสองคนตกใจมากจนสะดุ้ง
“พี่ใหญ่ นะ… นี่มันโหดร้ายเกินไปหรือเปล่า”
“ทำตามที่ข้าบอก พรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาข้าอยากเห็นชื่อเสียงของนางป่นปี้”
กู้ชูหน่วนยิ้มเยาะ
เดิมทีนางก็ไม่ใช่คนที่มีความเมตตาปรานีอยู่แล้ว
เซี่ยวอวี่เซวียนเป็นคนที่นางอยากจะเก็บเอาไว้ บนโลกนี้นอกจากนางแล้ว ใครก็รังแกเขาไม่ได้ทั้งนั้น
ความจริงนางไม่ได้อยากจะยุ่งกับพวกตัวประกอบอย่างกู้ชูหลานอยู่แล้ว แต่น่าเสียดาย นางไม่ควรมายุ่งกับเซี่ยวอวี่เซวียนเลย
เดิมทีนางคิดจะกลับไปนอนหลับให้สบายที่จวนอัครเสนาบดี แต่ไม่ว่าอย่างไรเซี่ยวอวี่เซวียนก็ยังจะลากนางไปฉลองที่หอสุราอวิ๋นจุ้ย หอสุราอันดับหนึ่งของโลก
หอสุราอวิ๋นจุ้ยเป็นหอสุราที่หรูหราและราคาแพงที่สุดในนครหลวง คนทั่วไปไม่มีทางเข้ามาลิ้มรสอาหารได้อยู่แล้ว
แต่เซี่ยวอวี่เซวียนกลับสั่งอาหารขึ้นชื่อของที่นี่มาทั้งหมด