กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ – บทที่ 41

บทที่ 41

ในสามสิบหกกลยุทธ์ การหนีคือยอดกลยุทธ์ งั้นไปดีกว่า

ขณะที่กำลังจะแอบย่องออกไป จู่ๆ เยี่ยจิ่งหานก็เอ่ยบางอย่างขึ้นมา ทำให้นางหมดทางหลบซ่อน

“คุณหนูสาม ไม่เจอกันไม่กี่วัน สบายดีหรือไม่”

กู้ชูหน่วนแข็งเกร็งไปทั้งตัวเมื่อได้ยินคำพูดประโยคนั้น

หมอนี่

คงไม่ใช่ว่าจำนางได้หรอกนะ

เมื่อยามเจอกันครั้งแรกนางก็รังควานเขา

พอเจอกันครั้งที่สอง นางก็โผไปหาทั้งยังแตะเนื้อต้องตัวเขา ถ้าเขาจำนางได้จริงๆ นางจะไม่ถูกฆ่าหันศพเป็นชิ้นๆ หรอกหรือ

ร่างกายของนางมีเพียงความรวดเร็วที่เพิ่มขึ้นนิดหน่อย แต่ไม่มีกำลังภายในเลยแม้แต่น้อย

ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าบุรุษผู้นี้มีฝีมือเหนือชั้นขนาดไหน ฝีมือการต่อสู้ของเขามีแต่นางเท่านั้นที่หยั่งรู้

เมื่อเสือมาเจอะกับสิงห์ นางจะต้องเสียเปรียบอย่างแน่นอน

เมื่อคิดได้แบบนี้กู้ชูหน่วนจึงจงใจทำตัวสั่นเทิ้มประหนึ่งว่าตกใจจนปากคอสั่น แม้แต่จะพูดก็ยังพูดตะกุกตะกัก

“ทะ… ท่านคือเทพแห่งสงคราม… ท่านหานอ๋อง… ระ… เราเคยเจอกันมาก่อนหรือ”

คนในจวนอัครเสนาบดีแทบอยากจะอาเจียน

กู้ชูหน่วนเป็นพวกเก่งแต่กับคนไม่มีทางสู้งั้นรึ

เมื่อครู่นี้ยังทำตัวเย่อหยิ่งอวดดี ตอนนี้พอเจอท่านเทพแห่งสงครามกลับตกใจจนหน้าถอดสี ตัวสั่นงันงก จะคุกเข่าก็ไม่ใช่ จะยืนก็ไม่เชิง

ไร้ยางอาย

ไร้ยางอายเหลือเกิน

เยี่ยจิ่งหานแต่งกายด้วยผ้าแพรขนสุนัขจิ้งจอกสีม่วงอ่อนและคาดเอวด้วยเข็มขัดหยกสีม่วง ขับให้รูปร่างที่สมส่วนของเขายิ่งดูโดดเด่น

ดวงตาดั่งหงส์ของเขาหรี่ลงเล็กน้อยและมองไปทางกู้ชูหน่วนด้วยรอยยิ้มที่ไม่อาจคาดเดา

“ถ้าคุณหนูสามจำไม่ได้ ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะช่วยให้คุณหนูสามค่อยๆ ทบทวนความจำ”

เขากำลังยิ้ม ทว่ารอยยิ้มนั้นปราศจากความอบอุ่นและแฝงไปด้วยการคุกคาม

ถึงกับต้องกัดฟันกรอด…

กู้ชูหน่วนแอบด่าเขาอยู่ในใจเป็นร้อยเป็นพันครั้ง

ค่อยๆ ทบทวนความจำงั้นเหรอ

อยากจะให้นางพูดออกมาต่อหน้าทุกคนว่านางองอาจห้าวหาญหรืออย่างไร

“ท่านอ๋องช่างมีอารมณ์ขัน หญิงสาวชาวบ้านธรรมดาไร้อำนาจบารมี เป็นเพียงสตรีที่ต่ำต้อยด้อยค่า จะมีโชคได้พบท่านอ๋องได้อย่างไร”

“ต่ำต้อย? เฮอะ แล้วข้าได้ยินมาได้อย่างไรว่ามีคนปฏิเสธที่จะอภิเษกกับข้า”

กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นแข้งขาอ่อนและล้มลงไปกับพื้น ทำอย่างไรก็ลุกขึ้นไม่ได้ เหมือนกระต่ายขาวตัวน้อยที่ตื่นตระหนก กะพริบตาปริบๆ อย่างน่าสงสาร พูดพลางร่ำไห้ว่า

“ท่านอ๋อง นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด ผู้หญิงอัปลักษณ์ที่ไม่เข้าใจทั้งบทกวีและดนตรี ไร้ความสามารถทั้งทางด้านหมากรุกและการประดิษฐ์อักษร หากอภิเษกกับท่านก็มีแต่จะทำให้ท่านเสียเกียรติ ด้วยเหตุนี้ข้าจึงพยายามทูลฝ่าบาทให้เรียกคืนพระราชโองการที่มีรับสั่งให้อภิเษก และถึงแม้จะมีความกล้าแค่ไหน ข้าก็ยังไม่กล้าปฏิเสธการอภิเษกกับท่านอ๋องอยู่ดี”

“คุณหนูสามยังคง… ฉลาดพูดเช่นเคย”

เยี่ยจิ่งหานยิ้มเยาะ

แม้ว่าผู้หญิงตรงหน้าจะล้มลงไปกองกับพื้น แม้ว่าเนื้อตัวจะสั่นเทาและไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้า

แต่เขารู้ว่าในที่ที่เขามองไม่เห็น ดวงตาของผู้หญิงคนนี้จะต้องเต็มไปด้วยแววแห่งความเย่อหยิ่งจองหอง

คนอื่นๆ ในจวนอัครเสนาบดีประหลาดใจ

กู้ชูหน่วนไปรู้จักเทพแห่งสงครามผู้สูงศักดิ์ตั้งแต่เมื่อใดกัน

ขณะที่กู้ชูหน่วนกำลังคิดหาวิธีสลัดให้หลุดจากเยี่ยจิ่งหาน เสียงของเยี่ยจิ่งหานก็เปลี่ยนไป เขาหันไปมองทุกคนในจวนอัครเสนาบดีและเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ

กระแอมนิดหนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “ท่านอัครเสนาบดีกู้ ข้าควรจะขอบคุณท่านและฝ่าบาทมิใช่หรือที่เสนอการอภิเษกครั้งนี้ขึ้นมา”

อัครเสนาบดีกู้รู้สึกท้อแท้ตั้งแต่ต้นจนจบ

เทพแห่งสงครามมาเพื่อ… ชำระบัญชีกับเขางั้นหรือ

“ท่านอ๋อง… กระหม่อม… กระหม่อม…”

“ฮึ เจ้าอบรมลูกสาวได้ดี”

คำพูดนั้นคลุมเครือและทุกคนล้วนไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไรกันแน่ มีเพียงกู้ชูหน่วนเท่านั้นที่รู้… หมอนี่จะต้องสงสัยนางเป็นแน่

“ราชสำนักปรวนแปรยากจะคาดเดา อัครเสนาบดีกู้ควรจะยืนหยัดให้มั่นคงเสียหน่อย”

ไม่นะ…

เลือดในกายของอัครเสนาบดีกู้แทบจะหยุดสูบฉีด

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท