กู้ชูหน่วนเบ้ปาก “ตอนนี้ท่านถูกพิษ คนที่ขยับตัวไม่ได้ก็คือท่าน ไม่ใช่ข้า ถ้าข้าคิดจะทำอะไรกับท่านจริงๆ ในหุบเขาที่ทั้งห่างไกลทั้งยังอยู่ในเขตหวงห้ามเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็ช่วยท่านไม่ได้”
“ท่านไม่ต้องกังวลไปหรอกว่าข้าจะทำอะไรอย่างนั้นกับท่าน”
นางพูดอย่างมีเหตุผลและเป็นงานเป็นการ ทว่าเยี่ยจิ่งหานโกรธจนกระอักเลือด มีเลือดทะลักออกมาจากปาก จากนั้นเขาก็หมดสติไปทั้งอย่างนั้น
เอ่อ…
เป็นลมเหรอ?
งั้นนางก็หนีได้สบายแล้วละซี
กู้ชูหน่วนคิดจะวิ่งหนี แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่หล่อเหลางดงามราวกับเทวดาดูขาวซีดปานนั้น อีกทั้ง เมื่อเห็นดอกไม้สีขาวงดงามบนพื้นเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงสดของเขา ฝีเท้าของนางก็ดูเหมือนจะถูกยึดด้วยตะกั่วและขยับไปไหนไม่ได้
เลือดลมของเขาไหลย้อนกลับ ก๊าซพิษโจมตีเข้าที่หัวใจ ถ้าไม่ช่วยเขาจะต้องตายแน่นอน
“ไม่รู้เหมือนกันว่าชาติที่แล้วไปทำบาปอะไรไว้ชาตินี้ถึงได้เจอท่านตลอด เอาเถอะ เพื่อเห็นแก่ท่าน คราวนี้ข้าจะช่วยท่านอีกครั้งก็ได้”
ว่าแล้วกู้ชูหน่วนจึงนั่งลงและตรวจชีพจรของเขา ทันทีที่สัมผัสชีพจร สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปทันควัน
คิดไม่ถึงว่าจะมีพิษอยู่สองชนิด ซึ่งทั้งสองชนิดเป็นพิษที่รุนแรงที่สุดและชั่วร้ายที่สุดในโลก
หนึ่งในนั้นคือพิษเหมันต์ ซึ่งพิษนี้เขาน่าจะได้รับตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา ดังนั้นนับตั้งแต่เกิดมาเขาจะต้องทนความเจ็บปวดชนิดที่คนธรรมดาไม่มีทางทนรับไหวทุกวันที่สิบห้าของเดือน
เมื่อพิษเหมันต์จู่โจมจากอวัยวะภายใน เลือดภายในกายจะเริ่มแข็งตัวเป็นน้ำแข็งและทำให้คนผู้นั้นหนาวจนตายทั้งเป็น ทว่ากลับตายไม่ได้
อีกชนิดหนึ่งคือพิษร้ายของใบไม้โลหิต ซึ่งอาจทำให้ถึงตายได้ เมื่อพิษเข้าจู่โจม ความเจ็บปวดจะแทรกซึมเข้าไปถึงไขกระดูก จะรู้สึกเหมือนถูกมดนับหมื่นนับแสนกัดกินไปทั้งตัว ร่างกายเหมือนถูกสับเป็นชิ้นๆ
เขาต้องใช้พิษเหมันต์กับหมื่นบุปผาในการควบคุมพิษเย็นจากใบไม้โลหิตเพื่อรักษาชีวิตของตัวเอง
ทว่าพิษทั้งสองชนิดเป็นคนละส่วนกัน ความเจ็บปวดที่เขาได้รับนั้นรุนแรงกว่าพิษหนึ่งในนั้นอย่างน้อยสิบเท่า
ไม่ว่าจะเป็นพิษเหมันต์หรือพิษร้ายจากใบไม้โลหิต กระบวนการที่ทำมันขึ้นมาต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบปี และต้องใช้พิษอย่างน้อยห้าร้อยชนิดมาปรุงรวมกัน
บุรุษผู้นี้ไปทำให้ใครไม่พอใจกันแน่ มันคุ้มหรือที่ศัตรูจะลงทุนขนาดนี้เพื่อทำร้ายเขา
เมื่อมองดูสองขาที่พิการของเขา กู้ชูหน่วนก็อดถอนใจไม่ได้
เมื่อไม่มีวิธีขับก๊าซพิษออกจากร่างกาย ดังนั้นจึงทำได้เพียงผลักดันพิษไปที่ขาทั้งสองข้าง เมื่อมองดูขาที่พิการของเขาก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง
กู้ชูหน่วนหยิบเข็มเงินออกมาและฝังเข็มไปที่จุดไป่ฮุ่ยอย่างชำนาญ จากนั้นจึงฝังเข็มที่จุดหย่งเฉวียนและจุดอื่นๆ เพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บปวดและขจัดพิษให้เขาให้ได้มากที่สุด
ถ้าก่อนหน้านี้นางมองแค่ว่าเขาเป็นเพียงคนที่สัญจรผ่านมาไม่ได้มีอะไรสลักสำคัญ
เช่นนั้นตอนนี้นางก็คงจะรู้สึกสงสารขึ้นมาจริงๆ
ในฐานะหมอ นางรู้ดีว่าในช่วงหลายปีมานี้เยี่ยจิ่งหานต้องลำบากมากเพียงใดเพื่อจะทำให้ตนเองมีชีวิตรอด หากเป็นคนธรรมดา เกรงว่าคงจะไม่มีทางอยู่รอดแม้แต่วันเดียว
อาการนี้แก้ไขได้ยาก กู้ชูหน่วนค่อยๆ ดึงเข็มเงินออกเมื่อแสงอรุณโผล่พ้นขอบฟ้า จากนั้นจึงถอดชุดของตนเองมาคลุมตัวเขาไว้
“ข้าเหนื่อยแทบตายเพื่อรักษาชีวิตเล็กๆ ของท่าน ดังนั้นเมื่อท่านตื่นมาแล้วอย่าได้สร้างปัญหาให้ข้าอีกละ”
กู้ชูหน่วนบิดเอวอย่างเกียจคร้าน ในพุ่มหมื่นบุปผามีดอกไม้พ่นควันที่นางต้องการ เมื่อหันกลับไปมองเยี่ยจิ่งหานด้วยแววตาที่มีความหมายบางอย่าง นางก็เห็นว่าเขายังคงหลับอยู่ ไม่มีเงาของคนที่เป็นเสมือนเสือชีตาห์และเสียงเอะอะโวยวายให้เห็นอีก
ที่มุมหนึ่งของสำนักศึกษาวังหลวง
ชิวเอ๋อร์เดินเป็นหนูติดจั่นและชะเง้อคอมองออกไปเป็นระยะ หลังจากรออยู่นานในที่สุดนางก็เห็นคุณหนูของนางสวมชุดชาวนาชาวไร่เดินโซเซคอพับคออ่อนมาหา
ชิวเอ๋อร์ดีใจมากและรีบเข้าไปต้อนรับ “คุณหนู ท่านไปไหนมาทั้งคืน บ่าวเป็นห่วงแทบตาย”
“จะเป็นห่วงอะไร ข้าไม่ได้มีอะไรพร่องไปเสียหน่อย”
“ซย่าอวี่ตายแล้วเจ้าค่ะ ท่านอู่อี๋เหนียงไปฟ้องนายท่านและขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย นายท่านโกรธมาก บ่าวเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงรีบไปแจ้งให้คุณหนูทราบ ใครจะไปรู้ว่าคุณหนูจะไม่ได้กลับมาทั้งคืน บ่าวไม่มีทางเลือกก็เลยต้องมารอที่สำนักศึกษาวังหลวง”
“ข้าก็คิดว่าเรื่องอะไรเสียอีก บ่าวเจ้าเล่ห์นั่นจะตายก็ตายไปสิ”
กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างเกียจคร้าน หยิกแก้มเล็กๆ นุ่มๆ และให้กำลังใจว่า “เก่งมาก มีพัฒนาการดีนี่ พอรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติก็รีบโกยแนบออกมา”
ชิวเอ๋อร์กังวลแทบตาย แต่คุณหนูของนางดูเหมือนจะไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย นางกระทืบเท้าเร่าๆ “คุณหนู นายท่านกับท่านอู่อี๋เหนียงจะต้องไม่ปล่อยท่านไปแน่ ต่อจากนี้เราจะทำอย่างไรเจ้าคะ จะซ่อนตัวอยู่ที่สำนักศึกษาวังหลวงตลอดไปก็ไม่ได้”
## จุดไป่ฮุ่ย คือ จุดฝังเข็มซึ่งอยู่กลางศีรษะ
### จุดหย่งเฉวียน คือ จุดฝังเข็มซึ่งอยู่กลางฝ่าเท้า