คัน……
อาการคันเนื้อคันตัวแผดเผาเป็นพักๆทั่วทั้งร่าง……
กู้ชูหน่วนรู้สึกได้ถึงความแปลกประหลาดของร่างกาย เนื้อตัวหนาวสั่นกะทันหันแล้วก็ตื่นขึ้นจากอาการง่วงนอนในทันที
“ท่านพี่ ท่านอย่าได้โทษน้องเลย หากจะโทษก็ต้องโทษที่เจ้าไร้ซึ่งความสามารถและความงาม ทว่าเป็นคุณหนูสามที่เกิดจากภรรยาเอกแห่งจวนเสนาบดีเลยถูกอดีตจักรพรรดิกำหนดให้เป็นพระชายาของเจ๋ออ๋องตั้งแต่ยังเยาว์วัย”
“เจ๋ออ๋องหล่อเหลาสง่างามเช่นนั้น ใช่ว่าเจ้านั้นจะคู่ควร?”
“ท่านพี่ไม่ต้องห่วง อี๋เหนียงได้ชักจูงให้คนในจวนมากันหมดแล้ว ยังมีคนพวกนั้นที่เตรียมไว้ให้ท่านโดยเฉพาะ…….พวกเขาก็กำลังจะมาถึงแล้ว”
“ผลลัพธ์ของเมาพันวันอันนี้ รับรองว่าท่านต้องพึงพอใจ……”
เสียงภาคภูมิใจของหญิงสาวดังเข้ามาในหู
กู้ชูหน่วนเป็นผู้ทำภารกิจลับชั้นสูงแห่งศตวรรษที่21 และยังเป็นแพทย์ชั้นนำของโลกอีกด้วย
พอได้ยินคำว่า “เมาพันวัน” สามคำนี้ ไม่มีทางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายตัวเอง
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเกิดสถานการณ์อะไรขึ้นตรงหน้า แล้วตัวเองมีน้องสาวมาจากไหน แต่ว่า……
กะอีแค่กำลังอันน้อยนิดยังกล้าวางแผนใส่ร้ายเธอ!
“น้องสาว” คนนี้สมควรตายจริงๆ!
“คนอย่างเจ้าน่าจะเน่าเหม็นเปื่อยยุ่ยอยู่ในความมืดมิด! นับจากวันนี้ เจ้าอย่าได้คิดที่จะปีนป่ายขึ้นไปหาเจ๋ออ๋อง……”
ชู่ว์……
กู้ชูหลานยังคงภาคภูมิใจต่อไปโดยที่รูม่านตาหดลงและสีหน้าก็แปรเปลี่ยนไปอย่างมาก
กู้ชูหน่วนผู้ซึ่งควรจะหมดสติกลับลุกยืนขึ้นมา!
แล้วยังยิ้มให้นางอย่างน่าขนลุกจนทำให้นางกลัวจนตัวสั่น!
“แคร็ก”!
ก็ไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วนเคลื่อนไหวเช่นไร
นางงอกรงเล็บทั้งห้านิ้วแล้วบีบไปที่ลำคอกู้ชูหลานทันที ทำให้นางหายใจติดขัดและไม่สามารถคลายออกจากมันได้!
“เจ๋ออ๋องนั่นจะปีนมาหาข้าได้หรือเปล่ายังไม่แน่ ส่วนเจ้าไม่มีทางปีนป่ายเข้าหาเขาได้แล้ว!”
กู้ชูหน่วนด้วยท่าทางอันน่าเกรงขามพร้อมด้วยความบ้าคลั่งหยิ่งผยองปรากฏขึ่นกลางหว่างคิ้ว
นางหยิบขวดเมาพันวันอีกขวดจากตัวของกู้ชูหลานแล้วเทเข้าไปในลำคอของนางแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้มว่า: “เมาพันวันซึ่งเป็นของดีเช่นนี้ ข้าจะสนุกอยู่คนเดียวได้อย่างไรกัน?”
“เจ้า……เจ้าอยากทำอะไร……” กู้ชูหลานตื่นตระหนกขึ้นทันที
ส่วนกู้ชูหน่วนหัวเราะประชดประชัน แต่กลับเอื้อมมือไปจี้สกัดจุดชาของนาง
“เจ้าอยากจะทำอะไร ข้าก็อยากจะทำเช่นนั้นแหละ”
กู้ชูหน่วนถอดผ้าคลุมหน้าของนางออกอย่างสง่างามแล้วคลุมลงบนใบหน้าของตัวเอง
เหลือบมองดูกู้ชูหลานที่กระสับกระส่ายอย่างน่าสมเพช สะบัดตัวแล้วซ่อนอยู่หลังเสา มองเห็นคนสองสามคนที่อยู่นอกประตู ถูมือไปมาแล้วเข้ามาใกล้กู้ชูหลาน
“ไหนว่านางขี้เหร่ไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงได้สวยเช่นนี้?”
“ช่างมันสิวะ ไหนๆก็มีทั้งเงินและสาวงาม เหตุใดจะไม่ยินดีทำหล่ะ”
“หยุดนะ นังแพศยานั่นเพิ่งจากไป พวกเจ้ารีบไปหานางสิ ข้าเป็นคนจ่ายเงินจ้างพวกเจ้า อ่า……พวกเจ้ากล้าแตะต้องข้า ข้าจะให้อี๋เหนียงฆ่าพวกเจ้าซะ……”
……
จันทราดำสนิทและลมพัดแรง ในวัดร้างนั่นมีเสียงกรอบแกรบจากร่างสองสามร่างแล้วฉากที่เหลือทนก็ถูกแสดงขึ้น
ไม่นาน ผู้คนกลุ่มใหญ่มาอยู่นอกวัดร้าง นำโดยท่านเสนาบดีกู้จากจวนเสนาบดี
“ท่านเสนา คุณหนูสามอาจจะแค่ถูกหลอกถึงได้หนีไปกับคนใช้ เมื่อนางคิดได้แล้วนางจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน!”
“ใช่ ถึงแม้ว่าคุณหนูสามนาง……แต่ไม่ใช่คนที่ไม่รู้อะไรเลย เป็นไปไม่ได้ที่จะมีอะไรกับคนใช้……”
“ชู่ว์……”
ประตูถูกเตะออกด้วยเสียงดัง “ปัง”
ทุกคนต่างตกตะลึง!
สีหน้าของท่านเสนาบดีกู้เปลี่ยนไปเหมือนผ้าที่ถูกย้อมแล้วแปรเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ
“สารเลว!!!”
เสียงคำรามด้วยโทสะ ทุกคนล้วนคุกเข่าลง
โดยเฉพาะจางอี๋เหนียง รูม่านตาหดลงมากจนแทบไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง
“นายท่านอย่าได้โมโห นี่ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่นอน! หลานเอ๋อร์ไม่มีวันทำเรื่องต่ำทรามเช่นนี้เป็นแน่!”
เกิดความโกลาหลขึ้นในวัดร้างเล็กๆ
กู้ชูหน่วนไม่อยากทนดูอีกต่อไป
นางเหลือบมองอย่างเย็นชาไปที่กู้ชูหลานที่ตื่นตระหนกอยู่ พยายามอย่างดีที่สุดที่จะระงับอาการแปลกๆของร่างกายและเดินโซซัดโซเซออกไปท่ามกลางความวุ่นวาย
เมาพันวันที่กู้ชูหลานให้นางดื่มนั้นรุนแรงยิ่งนัก!
ไม่ก็นางอาจตาย หรือไม่ก็หาคนมาถอนพิษให้ตัวเอง
นางเลือกอย่างหลังเป็นแน่!
……
ภูเขาอันไกลโพ้นที่ไร้ซึ่งผู้คนอาศัยอยู่
ในขณะที่กู้ชูหน่วนกำลังจะล้มลงนั้น นางก็เห็นบุรุษชุดดำสามคนนอนระเนระนาดอยู่บนพื้น
เมื่อพิจารณาตามอาชีพการงานหลายปีของเธอนั้น ในร่างนี้ถูกพิษแปลกประหลาดถึงทำให้อ่อนแรงและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
“เพศผู้ทั้งนั้น ใต้หล้าปราณีฉันแล้ว!” กู้ชูหน่วนปีติยินดีและรีบก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ผู้ที่ล้มลงอยู่บนพื้นมุมปากนั้นชักกระตุก?
เพศผู้?
พวกเขาเป็นสัตว์ทั้งหมดหรือ?
นิ้วเรียวยาวของกู้ชูหน่วนยกคางของชายชุดดำคนหนึ่งขึ้นและมองอย่างละเอียดถี่ถ้วน
“ร่างกายใช้ได้ หน้าตาใช้ไม่ได้”
กู้ชูหน่วนส่ายหัวด้วยความรังเกียจเล็กน้อย ตบๆมือแล้วเปลี่ยนไปที่อีกคนหนึ่ง
“ผอมเกินไป สัมผัสแล้วไม่ได้อารมณ์”
“……”
ใบหน้าของชายชุดดำสองคนแรกช่างน่าเกลียดยิ่งนัก
ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร?
สภาพหล่ะ?
อีกด้านหนึ่ง
เยี่ยจิ่วหานผู้ซึ่งถูกรู้จักในนามอ๋องเยือกเย็นมาโดยตลอดยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ในดวงตาอันปราศจากก้นบึ้งก็ปะปนรอยยิ้มอยู่บ้างเล็กน้อย
เสียงตบมือ “แปะ แปะ แปะ!”
กู้ชูหน่วนตบมือแล้วเดินไปอยู่ตรงหน้าเยี่ยจิ่งหานยกคางของเขาขึ้นอย่างโอหัง
ดวงตาคู่ราวกับดวงดาวของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านั้นก็สะท้อนเข้ามาในแววตาของเขาทันที
ทั้งสองคนจ้องมองประสานตากัน คนหนึ่งคลุมหน้าไว้ อีกคนสวมหน้ากากผีอยู่
พวกเขาไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของกันและกันได้ชัดเจน แต่ยังมีวี่แววของการสืบสอบขึ้นในดวงตาของพวกเขา
“ว้าว!”
กู้ชูหน่วนเปิดหน้ากากผีของเยี่ยจิ่งหานออก ดวงตาเปล่งประกายนั้นมองผ่านไปด้วยความประหลาดใจ
ช่างเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาอะไรเช่นนั้น คิ้วดั่งกระบี่พุ่งบินเป็นแนวทแยง ดวงตาเสมือนดวงดาวอันหนาวเย็น ใบหน้านั้นไม่สามารถจับจุดบกพร่องได้เลยแม้แต่น้อย ราวกับชิ้นงานอันโดดเด่นที่สุดในสรวงสวรรค์
ใจของกู้ชูหน่วนเต้นแรงมากขึ้น
เยี่ยจิ่งหานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อยที่ได้เห็นความประหลาดใจในดวงตาของนาง
แต่วินาทีถัดมา!
หญิงสาวกลับจ้องไปที่ขาพิการของเขาแล้วกล่าวเบาๆว่า “น่าเสียดายใบหน้านี้จัง”
เยี่ยจิ่งหานตะลึง ความโกรธบังเกิดออกมาอย่างล้นเหลือ อยากจะบีบคอนางซะให้ตาย
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?” เยี่ยจิ่งหานกล่าวเล็ดรอดออกมาจากระหว่างฟันนั้นซึ่งเต็มไปด้วยการขมขู่
ไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วนจงใจเพิกเฉยต่อคำเตือนในคำพูดของเขาหรือไม่ ดวงตาทั้งคู่แปรเปลี่ยนเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวด้วยรอยยิ้ม “รู้แล้ว เครื่องมือถอนพิษของข้า ใครใช้ให้ข้าถูกใจคนหน้าตาดีหล่ะ? ไม่ต้องกังวล ข้าจะเอ็นดูเจ้าเป็นอย่างดี”
ชายชุดดำอีกสองคนเบิกตากว้าง ใจกระโจนขึ้นมาถึงลำคอแล้ว
ถอนพิษ?
หญิงผู้นี้ต้องการใช้เจ้านายของพวกเขามาเป็นยาถอนพิษ?
นางรู้หรือไม่ว่าเจ้านายของพวกเขาคือเทพสงครามแห่งเมืองเยี่ยผู้มีอำนาจมหาศาล เพียงแค่คำพูดเดียวจากเขาก็สามารถทำให้นางตายอย่างไร้ที่ฝังศพ?
นางรู้หรือไม่ว่าเจ้านายของพวกเขาเกลียดชังผู้อื่นดูถูกขาที่ไร้ประโยชน์ของเขาเป็นที่สุด?
นางกล้าดียังไง……
ชายชุดดำกลั้นหายใจและมองดู Gu Chu Nuan ใช้กำลังลากเจ้านายของพวกเขาไปบนพื้นหญ้าท่ามกลางลมพัดปลิวไสว
นางช่างกล้าจริงๆ……
บบุรุษชุดดำสองคนพยายามขยับตัว คิดอยากจะลุกขึ้นไปช่วยเจ้านายของพวกเขา
ถูกพิษแล้วจะทำเช่นไรได้ มีใจแต่ไร้ซึ่งพละกำลัง
หมายเหตุ
อี๋เหนียง เป็นคำที่ใช้เรียกอนุภรรยา ข้างหน้าจะเติมสกุลหรือนาม เช่น อู่อี๋เหนียง จังอี๋เหนียง
เมาพันวัน เหล้าชั้นดีที่ดื่มแล้วทำให้หมดสติ เมาสลบไสลคล้ายกับการดื่มเหล้าอย่างเมามายไปเป็นพันวัน