“กู้ชูหลานไร้ยางอายเกินไปแล้ว ท่านอัครเสนาบดีกู้รู้แล้วไม่โกรธแย่เลยหรือ”
“โกรธสิ ทำไมจะไม่โกรธ แต่ได้ยินมาว่าอัครเสนาบดีกู้รักกู้ชูหลานมากที่สุดและดุด่านางไปแค่ไม่กี่คำ ไม่ได้ลงโทษอะไรมาก แล้วท่านยังสั่งให้ทุกคนเก็บเป็นความลับไว้อย่างเข้มงวด ทั้งยังแอบไปฆ่าพวกอันธพาลนั่นด้วย”
“ทุกคนถูกฆ่าไปหมดแล้ว แล้วเจ้ารู้ได้ยังไง”
“ตอนนั้นไม่ได้มีแค่พวกอันธพาลห้าหกคน แต่ยังมีอีกคนที่มาช้าเพราะหลงทาง หมอนั่นบังเอิญไปเห็นเข้าพอดี นอกจากนี้คนรับใช้จากจวนอัครเสนาบดียังแอบบอกต่อๆ กันมา ว่ามักจะมีเสียงของผู้ชายกับผู้หญิงดังมาจากห้องของคุณหนูห้าตระกูลกู้”
“ไร้ยางอายเกินไปแล้ว เหตุใดคนแบบนั้นจึงได้มาเรียนที่สำนักศึกษาวังหลวงร่วมกับพวกเรา เรียนร่วมกับนางน่ะนะ ข้าละขยะแขยง”
“ข้าก็ขยะแขยงเหมือนกัน”
กู้ชูหน่วนยกนิ้วโป้งให้หลิ่วเย่ว์และอวี๋ฮุย
“พวกเจ้าสองคนก็โหดร้ายเกิน ถึงอย่างไรนางก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ทำลายชื่อเสียงของนางอย่างนี้ คงจะทำให้นางรู้สึกแย่ไปตลอดชีวิต”
หลิ่วเย่ว์กับอวี๋ฮุยเกือบจะหน้าคว่ำ
“พี่ใหญ่ ท่านสั่งให้เรากระจายข่าวเองไม่ใช่เหรอ”
โป๊ก
กู้ชูหน่วนให้รางวัลพวกเขาเป็นเกาลัดบนหัวหนึ่งลูก
“ข้าใจดีและใสซื่อบริสุทธิ์ขนาดนี้ จะให้พวกเจ้าทำเรื่องใจจืดใจดำแบบนั้นได้อย่างไรกัน”
ใจดีและใสซื่อบริสุทธิ์งั้นเหรอ
นางไม่ตะขิดตะขวงใจตัวเองเลยหรือยังไง
หลิ่วเย่ว์ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ใช่ๆๆ พี่ใหญ่จิตใจดีที่สุด จะไปทำเรื่องชั่วร้ายแบบนั้นได้ยังไง เห็นๆ กันอยู่ว่ากู้ชูหลานทำตัวเองๆ สมควรแล้ว”
กู้ชูหน่วนกระตุกยิ้มมุมปาก พอได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังไม่หยุดแบบนี้ เมฆหมอกในใจก็มลายหายไปมากโข
“ไม่ใช่แค่นั้น กู้ชูหลานเหมือนจะอยากแต่งงานกับเจ๋ออ๋องด้วย ว่ากันว่าในห้องของนางเต็มไปด้วยรูปเหมือนของเจ๋ออ๋อง แม้แต่เสื้อผ้าที่นางสวมยังเป็นสีฟ้าที่เจ๋ออ๋องชอบ”
“พอพวกเจ้าพูดแบบนั้นข้าก็คิดขึ้นมาได้ ทุกครั้งที่กู้ชูหลานเข้าชั้นเรียน นางจะมองเจ๋ออ๋องอย่างให้ท่า ข้าละเชื่อเลย คนอย่างนางนึกอย่างไรถึงกล้าคิดเพ้อฝันถึงเจ๋ออ๋อง ไม่รู้ว่านางไปเอาความมั่นใจมาจากไหน”
“ถ้าเอามาเทียบกันแล้ว แม้ว่าคุณหนูสามตระกูลกู้จะหน้าตาอัปลักษณ์กว่า สมองทึบกว่า แต่อย่างน้อยนางก็ไม่ทำตัวไร้ยางอายแบบนั้น”
เซี่ยวอวี่เซวียนเองก็มาถึงก่อนเวลา แค่กวาดตามองก็พบกู้ชูหน่วนที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนอย่างรวดเร็ว เขาเอ่ยอย่างสงสัยว่า “แปลกจริง เหตุใดวันนี้ไปที่ไหนก็มีแต่เรื่องเล่าลือของคุณหนูห้าตระกูลกู้ แม่สาวอัปลักษณ์ คงไม่ใช่ว่าเป็นฝีมือของเจ้าหรอกนะ”
“ด้วยมโนธรรมจากก้นบึ้งของหัวใจ ข้าบริสุทธิ์ขนาดนี้ จะไปทำเรื่องแบบนั้นได้อย่างไร”
“บริสุทธิ์? ถ้าเชื่อเจ้าข้าก็โง่แล้ว”
กู้ชูหน่วนยกขาขึ้นมาถีบเขาทันที “พูดจาอะไรอย่างนั้น”
“ข้าคิดผิดก็ดีไป แต่เหตุใดเจ้าจึงมาสำนักศึกษาเช้าขนาดนี้ ดูไม่ใช่นิสัยของเจ้าเลย”
กู้ชูหน่วนเบ้ปาก
ถ้าไม่มาสำนักศึกษา จะให้นั่งดูหน้าพ่อภูเขาน้ำแข็งอยู่หรือไง
ไม่ไกลจากตรงนั้นนัก องค์หญิงตังตังเดินทำหน้าถมึงทึงเข้ามาเพราะความโกรธจัด
ที่ด้านหลังมีกู้ชูหลานที่หน้าซีดเผือดเดินตามมาอย่างวิตกกังวล แม้แต่กู้ชูอวิ๋นก็มีสีหน้าทะมึน
กู้ชูหลานอธิบายอย่างร้อนใจ “องค์หญิงเชื่อข้านะเพคะ ข้าไม่ได้ทำเรื่องเหล่านั้นจริงๆ ทั้งหมดเป็นเพียงข่าวลือ ต้องมีใครจงใจใส่ร้ายข้าแน่ๆ”
“ในสำนักศึกษาวังหลวงมีคนตั้งมากมาย เหตุใดจึงไม่พูดถึงคนอื่นแต่เป็นเจ้า ข้าไม่สนหรอกนะว่าเจ้าจะถูกใส่ร้ายหรือไม่ ต่อไปให้อยู่ห่างจากข้าไว้ซะ ถ้ากล้าเข้าใกล้ข้าอีก อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”
“องค์หญิง…”
เพียะ
องค์หญิงตังตังตวัดมือตบนางอย่างแรง เอ่ยอย่างมีโทสะว่า “ไปให้พ้น อยู่กับเจ้าแล้วข้าขยะแขยง”
กู้ชูหลานปิดใบหน้าที่ร้อนผ่าวของตนเอง นัยน์ตาแดงก่ำมองไปทางกู้ชูอวิ๋นอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ
กู้ชูอวิ๋นมีสีหน้าเย็นชา น้ำเสียงของนางไม่อ่อนโยนเหมือนเดิมอีกต่อไป “จะทำหรือไม่ได้ทำน้องเองย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ น้องถามพี่ พี่จะรู้ได้อย่างไร”
กู้ชูหน่วนคนหนึ่งแล้วที่ทำให้นางเสียหน้ายับเยิน
ตอนนี้ยังมีกู้ชูหลานอีกคน แล้วแบบนี้ผู้คนจะมองจวนอัครเสนาบดีอย่างไร จะมองนางอย่างไร
เพราะกู้ชูหลาน นางจึงถูกผู้คนมากมายมองอย่างดูหมิ่นตั้งแต่เช้าตรู่ ทั้งยังถูกหากเลขลากเอาไปประจานร่วมกับกู้ชูหลานด้วย