Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1648 กึ่งจักรพรรดิทรยศ

ตอนที่ 1648 กึ่งจักรพรรดิทรยศ
ตีงูไม่ตาย จะแว้งกลับมาทำร้ายเอา
สิ่งนี้ฉายอยู่บนตัวบุตรนรกอย่างชัดเจน คราวก่อนติดที่กฎของกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ หลินสวินจึงไว้ชีวิตเขา
นี่เพิ่งผ่านไปหนึ่งเดือนเขาก็ย้อนกลับมาอีกแล้ว หนำซ้ำยังพาสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับกึ่งจักรพรรดิอย่างนักพรตชิวมาด้วย
หากไม่ใช่เพราะในมือหลินสวินมีไพ่ตายไม่น้อย ผลที่ตามมาในวันนี้คงพูดยากแล้ว
ดังนั้นครั้งนี้ เขาไม่คิดจะเหลือทางรอดให้บุตรนรกอีกสักนิด!
บุตรนรกตกใจยกใหญ่ เรียกมุกจิตสีเขียวสดใสดวงหนึ่งออกมาโดยไม่ลังเล ส่องแสงเจิดจ้ากลางห้วงอากาศ เถาวัลย์มรรคนับไม่ถ้วนทะลักออกมาจากมุกจิต ประหนึ่งงูเหลือมยักษ์มากมายเกี่ยวรัดกัน
ตูม!
แต่เพียงพริบตาเท่านั้น เถาวัลย์นับไม่ถ้วนนั่นก็ถูกพลังหมัดน่าสะพรึงบดขยี้ เถาวัลย์ที่ขาดผึงกลายเป็นละอองแสงโปรยปราย
แต่ที่น่าประหลาดคือละอองแสงเหล่านี้ไม่ได้สลายไป ตรงข้ามกลับกลายเป็นมหาสมุทรสีเขียวผืนหนึ่ง พุ่งแผ่ไปทางหลินสวินอีกครั้งปานครอบฟ้าคลุมดิน
หนำซ้ำอานุภาพไม่ทุเลากลับเพิ่มขึ้น ให้ความรู้สึกกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต มีชีวิตชีวาไม่จบสิ้น
นี่ก็คือ ‘มุกคลื่นสมุทรยอดมรกต’!
ลือกันว่าภายในสมบัตินี้บรรจุต้นกำเนิดฟ้าประทานสองชนิดอย่างไม้เขียวกับวารีทมิฬโดยธรรมชาติ ไม่เพียงสามารถนำมาใช้ฝึกปราณ ยังมีวิชาบุกโจมตีรวมอยู่ด้วย วิเศษอัศจรรย์อย่างที่สุด
“ดี!”
นัยน์ตาดำของหลินสวินทอประกาย ยื่นมือตวัดออกไปอย่างแรงเสียงดังแควก มหาสมุทรสีเขียวที่ครอบคลุมฟ้าดินนั่นถูกฉีกทึ้งจากตรงกลางเหมือนเนื้อผ้า
หลินสวินยื่นมือผ่านอากาศตามไปติดๆ คว้าหมับกลางกระหม่อมบุตรนรก คล้ายกรงเล็บมังกรโผล่ออกมาจากชั้นเมฆ ปิดครอบสี่ทิศแปดทาง
บุตรนรกหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ ตกใจจนวิญญาณเกือบหลุดออกจากร่าง ไม่อาจสนใจเรียกเก็บมุกคลื่นสมุทรยอดมรกตกลับไป ร่างก็ระเบิดแสงเลือดลุกโชนออกมา อันตรธานหายไปจากที่เดิมในพริบตา
วิชาเคลื่อนย้าย ซ่อนเลือดไร้ขอบเขต!
หลินสวินโจมตีกลางอากาศคราหนึ่ง แต่กลับเก็บเอามุกคลื่นสมุทรยอดมรกตไป สัมผัสมันครู่หนึ่งก็พบความวิเศษเร้นลับของสมบัติชิ้นนี้จนอดร้องชมไม่ได้ บุตรนรก เจ้าหมอนี่สายตาไม่เลวจริงๆ สมบัติที่พกติดตัวมาด้วยไม่มีชิ้นไหนเป็นของธรรมดาทั่วไปเลย
ในใจคิดเช่นนี้ แต่การเคลื่อนไหวของเขาไม่ได้ชักช้า แผ่จิตรับรู้ออกไป ก่อนซัดหมัดใส่กลางอากาศที่อยู่ไกลๆ อย่างแรง
ตูม!
ห้วงอากาศระเบิดปานกระจกใส เงาร่างของบุตรนรกซวนเซปรากฏขึ้นมาจากตรงกลาง เขาสีหน้าตะลีตะลาน คล้ายไม่อยากเชื่อว่าจะถูกหลินสวินหาเจอง่ายๆ ปานนี้
และเวลานี้หลินสวินแหวกห้วงอากาศเข้ามา ไม่ให้โอกาสบุตรนรกพักหายใจสักนิด
“รังแกกันเกินไปแล้ว!”
บุตรนรกคำรามเดือด สีหน้าบิดเบี้ยวเกรี้ยวกราด โบกมืออย่างแรง ดาบบินคู่หนึ่งพุ่งยิงออกมา
ดาบบินคู่นี้ หนึ่งดำหนึ่งขาว ล้วนบางเฉียบกะทัดรัด ยาวแค่เจ็ดชุ่น กว้างสองข้อนิ้ว
ดาบบินสีดำสลักอักษรโบราณว่า ‘ยอดหยิน’
ดาบบินสีขาวสลักว่า ‘ยอดหยาง’
ทันทีที่พุ่งออกมา ดาบบินสองเล่มก็ส่งเสียงดังชิ้งๆ ไอเข่นฆ่าทะยานเวิ้งฟ้า มีกลิ่นอายคมกริบสะท้านโลก ฟันฆ่าเทพผี ตัดแบ่งใสขุ่นชัดเจน
“ดาบนรกเหินสองลักษณ์!”
ฮูหยินมู่ที่สังเกตการต่อสู้ครั้งนี้เรื่อยมาตกอกตกใจ
ส่วนหลินสวินก็รู้สึกเพียงว่าผิวหนังเจ็บแปลบ ประกายคมบาดตาจนอดไหวหวั่นไม่ได้ ดาบบินคู่นี้ต้องเป็นสมบัติหายากยิ่งอย่างแน่นอน
สวบ! สวบ!
หลินสวินไม่มัวคิดมาก ร่างพริบไหวหลบหลีก แสงคมสีดำสายหนึ่งถากผ่านแก้มของเขา เฉือนผมร่วงไปปอยหนึ่ง
และอีกด้านแสงคมสีขาวขยับไหว กรีดเสื้อผ้าบริเวณไหล่ของหลินสวินจนเห็นเลือดสีแดงสดสายหนึ่ง หัวไหล่ถูกแหวกออกเป็นแผลยาว
ความเร็วและความคมของดาบบินคู่นี้ ทำเอาหลินสวินอุทานตกใจอีกครั้ง สมบัติชั้นดียิ่งนัก!
เมื่อโจมตีได้ บุตรนรกกลับไม่ได้ดีใจสักนิด ตั้งท่าเก็บสมบัติคู่นี้อย่างไม่ลังเล เขารู้นิสัยของหลินสวินดีเกินไป
เจ้าหมอนั่นเห็นตนเป็นเด็กแจกทรัพย์เรื่อยมา เหยียดแคลนหน้าไม่อายอย่างที่สุด สมบัติปานนี้อยู่ตรงหน้า มีหรือเขาจะพลาดได้
เพียงแต่หลินสวินชิงตัดหน้าพุ่งออกไปก่อนหนึ่งก้าว เรียกเจดีย์สมบัติมหามรรคไร้สิ้นสุดออกมาพลางหัวเราะลั่น “สมบัติคู่นี้ ข้ารับไว้แล้ว!”
ตูม!
แสงมรรคทองนิลกาฬกวาดม้วนออกไปเต็มฟ้า แผ่ครอบปิดคลุม
บุตรนรกคำรามเกรี้ยวกราด ทุ่มสุดกำลังคิดจะเอาสมบัติคืน แต่ก็เปลืองแรงเปล่า ดาบบินคู่นั้นถูกแสงมรรคทองนิลกาฬตวัดม้วนเอาไป ตัดขาดการเชื่อมโยงกับเขาตรงๆ
จากนั้นก็บินไปตกบนฝ่ามือหลินสวิน
เห็นภาพตรงหน้านี้บุตรนรกโกรธจนกระอักเลือดออกมา เบื้องหน้าปรากฏดาวสีทอง รู้สึกอัปยศอดสูหาใดเปรียบ เจ็บแค้นจนแทบอยากไปสู้ไม่คิดชีวิตกับหลินสวิน
ในแดนมกุฎเกิดเรื่องขึ้นมากกว่าหนึ่งครั้ง ก่อนหน้านี้ไม่นานก็เกิดขึ้นอีกครั้ง และตอนนี้ก็กำลังเกิดขึ้นอีก!
ความอัปยศอดสู ความเคียดแค้นที่ได้รับครั้งนี้ พุ่งโจมตีจิตใจบุตรนรกราวกับภูเขาถล่มคลื่นยักษ์โหมซัด ทำเอาเขาแทบเสียสติ
หลินสวินไม่สนใจเรื่องพวกนี้ บุกโจมตีเข้ามาอีกครั้ง
พื้นเพของบุตรนรกนี่มั่งคั่งเกินไปแล้วทุกๆ ครั้งล้วนหยิบสมบัติที่ทำเอาตนตาลุกวาว พาให้ผู้อื่นยินดีปรีดาชัดๆ
ชั่วขณะนั้นเพลิงโทสะในใจบุตรนรกราวกับถูกดับลง เขาสังหรณ์ถึงอันตรายสุดขีด ราวกับเงามืดแห่งความตายอยู่ตรงปลายคิ้ว!
“หลิงเซียวจื่อ พวกเจ้าจะมองดูไอ้เด็กเหลือขอนี่ทำเรื่องอุกอาจในกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิแห่งนี้หรือ”
บนเวิ้งฟ้า นักพรตชิวที่ถูกโจมตีจนสะบักสะบอมส่งเสียงคำรามเกรี้ยวโกรธ
ตูม!
เสียงของนักพรตชิวเพิ่งดังขึ้น หลินสวินรู้สึกเพียงว่าในใจเย็นวาบ ร่างที่พุ่งไปข้างหน้าพลันชะงักกึก พลิกผ่ามือคราหนึ่ง ใบไม้ปานหิมะน้ำแข็งนั้นก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
มองเห็นได้รำไรว่าเจียวหลงเขียวมรกตตัวหนึ่งปรากฏขึ้นภายใน
พร้อมกันนั้นพวกซุ่นจี้ ฮูหยินมู่ต่างหน้าเปลี่ยนสีอย่างอดไม่ได้ จับสังเกตได้ตั้งแต่จังหวะแรกว่านักพรตชิวหนีออกจากการต่อสู้พัวพัน แล้วเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศพุ่งโจมตีใส่หลินสวิน
ความเร็วระดับนั้นทำเอาพวกซุ่นจี้เข้าช่วยเหลือไม่ทัน
อันที่จริงใครก็คิดไม่ถึงว่านักพรตชิวที่กำลังอยู่ในสภาพเสียเปรียบ จะถึงกับสามารถหลุดรอดในเวลาแบบนี้ได้ หนำซ้ำยังโจมตีใส่หลินสวินตรงๆ!
ต่อให้ครั้งนี้เขาสามารถฆ่าหลินสวินตาย ก็ต้องเผยช่องโหว่ถึงแก่ชีวิตเพราะเหตุนี้ และถูกมดสำริดนั่นถือโอกาสโจมตี หากไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัส
นี่เป็นวิธีการที่ไม่สนชีวิต ตั้งใจจะให้ล่มจมกันทั้งสองฝ่ายชัดๆ!
ที่เหนือความคาดหมายของทุกคนที่สุดคือ มดสำริดไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ ถึงขั้นไม่ได้ขัดขวางด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดว่าผิดปกติยิ่ง
หรือว่าเจ้าสัตว์ร้ายนี่ก็อยากยืมมือนักพรตชิวฆ่าหลินสวินทิ้งจนแทบทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน
ความคิดนี้ผุดขึ้นในหัวพวกซุ่นจี้ หลิงเซียวจื่อในตอนนี้ ทำเอาหัวใจพวกเขาพลันรัดเกร็งขึ้นมา
เห็นหลินสวินตกอยู่ในอันตรายสุดขีดอยู่รอมร่อ ทว่ากลับมีเงาเจียวหลงสีเขียวขนาดมหึมาพุ่งพรวดออกมาจากฝ่ามือหลินสวิน สะบัดหางอย่างดุเดือด
ปึง!
นักพรตชิวมาไวแต่ไปไวยิ่งกว่า ร่างถูกฟาดลอยออกไปตรงๆ คล้ายกับลูกหนัง ลอยคว่ำเหนือห้วงอากาศ
ระหว่างนี้เขากระอักเลือดออกปากจมูก ร่างสั่นรุนแรงด้วยความเจ็บปวดทรมาน
แต่ยังไม่รอให้เขาตอบสนอง มดสำริดที่เดิมอยู่ใต้เวิ้งฟ้าก็พุ่งทะยานมาอย่างแกร่งกร้าว ถือโอกาสสำแดงการโจมตี
พวกซุ่นจี้ ฮูหยินมู่ปากอ้าตาค้าง
การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้แทบจะเกิดขึ้นในชั่วพริบตา แต่อันตรายในระหว่างนี้กลับสามารถทำให้ใครก็ตามหวาดผวา!
เมื่อหันมามองเบื้องหน้าหลินสวิน เจียวหลงมหึมาขดตัว ลำตัวสีเขียวมรกตมีความยาวเต็มร้อยจั้ง ร่างคดเคี้ยวปานทิวเขา
นัยน์ตาคู่นั้นเยียบเย็นลุ่มลึก ปลดปล่อยกลิ่นอายน่าสะพรึงที่ทำเอาผู้คนใจสะท้านออกมา
นี่เป็นสิ่งมีชีวิตอีกตัวที่อานุภาพแข็งกร้าวไม่ด้อยไปกว่ามดสำริดตัวนั้น ความแกร่งกล้าของกลิ่นอายทำให้พวกซุ่นจี้ล้วนหายใจติดขัด
เดิมทีมดสำริดที่โผล่มาตัวเดียวก็ทำเอาเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าสะท้านสะเทือน รู้สึกเหลือเชื่ออยู่แล้ว
แต่ตอนนี้กลับมีเจียวหลงเขียวมรกตที่พลังแข็งแกร่งสุดหยั่งตัวหนึ่งโผล่มาอีก นี่ทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านั้นล้วนมึนงง จิตใจสั่นสะท้าน
กี่ปีมาแล้ว ในกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิแห่งนี้มีเรื่องราวน่าเหลือเชื่อเช่นนี้เกิดขึ้นน้อยครั้งยิ่งนัก!
ส่วนบุตรนรกอึ้งตาค้างไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว
สมบัติบนตัวของตนมีมากมายไม่ใช่เรื่องโกหก แต่บนตัวหลินสวินนั่น มีของน่าสะพรึงไม่น่าเชื่อมากมายขนาดนี้คอยช่วยเหลือได้อย่างไรกัน
เพียงแต่เวลานี้หลินสวินคร้านจะสนใจเรื่องพวกนี้ นัยน์ตาเขาเยียบเย็น จ้องมดสำริดบนเวิ้งฟ้าแล้วกล่าวว่า “เจ้ามดน้อย ดูเหมือนว่าเมื่อครู่เจ้าจะไม่เชื่อฟังยิ่งนัก รู้สึกว่าถูกอริยะแท้ตัวเล็กๆ เช่นข้าควบคุมแล้วดูเสียหน้ายิ่งนักใช่หรือไม่”
เจ้ามดน้อย!
คำเรียกนี้สำหรับกึ่งจักรพรรดิที่พลังต่อสู้น่าสะพรึงไร้จำกัดตนหนึ่ง เจือแววหยามเกียรติอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่มดสำริดไม่อาจสนใจเรื่องพวกนี้ มันคล้ายลุกลนอยู่บ้าง กล่าวว่า “ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้นแน่นอน ก่อนหน้านี้เพียงแค่ประมาทเลินเล่อ ต่อไปจะไม่ให้เกิดขึ้นอีกเด็ดขาด!”
“เหอะๆ ไม่จริงใจเลย จากพลังต่อสู้ของเจ้า ฆ่าเจ้าเฒ่านั่นตายก็เป็นแค่เรื่องเพียงชั่วแล่น แต่เหตุใดต้องยืดเยื้อมาถึงตอนนี้ ไม่ใช่ว่าอยากหาโอกาสยืมมีดมาฆ่าเจ้าหนูอย่างข้า แล้วหนีจากการจองจำของกระบวนผนึกที่จักจั่นทองสร้างขึ้นในคราวเดียวหรอกหรือ”
เจียวหลงเขียวมรกตหัวเราะเย็นชา มันคล้ายไม่เกี่ยงที่จะเปิดโปงความคิดแท้จริงของมดสำริด
สีหน้าหลินสวินยิ่งมืดทะมึนขึ้นเรื่อยๆ
มดสำริดบันดาลโทสะ ตวาดคำราม “เจ้างูเฒ่า เจ้าเลิกกล่าวหาว่าร้ายเสีย ข้าสาบานต่อสวรรค์ได้ว่าไม่เคยมีใจแปรพักตร์เช่นนี้มาก่อน!”
“น่าขัน บรรลุถึงระดับเช่นเจ้ากับข้า ยังอ้างคำสาบานอะไรกัน เบื้องบนเบื้องล่างปวงสวรรค์นี้ ยังมีคำสาบานอะไรที่สามารถหยุดยั้งพวกเราได้”
เจียวหลงเขียวมรกตหัวเราะเยาะหยัน
พวกซุ่นจี้ต่างตกใจแกมสงสัย ดูไม่ค่อยเข้าใจเท่าใดนัก
ไม่ว่ามดสำริดหรือเจียวหลงเขียวมรกตนั่น แม้จะฟังคำสั่งหลินสวิน แต่ดูเหมือนต่างฝ่ายต่างมีความคิดเป็นอื่น เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อง
มดสำริดยังอยากพูดอะไร หลินสวินก็ตวาดตัดบท “พอแล้ว! ในเมื่อพวกเจ้าไม่จริงใจ เช่นนั้นก็ไสหัวกลับมา!”
ขณะพูด ใบหิมะน้ำแข็งบนฝ่ามือเขาพลันเปล่งแสงประหลาดออกมา เปี่ยมด้วยอานุภาพน่าสะพรึงประหนึ่งอยู่เหนือสุด กวาดขวางเวิ้งฟ้า
“ไม่!”
มดสำริดตกใจยกใหญ่ แต่เสียงยังไม่ทันสิ้นสุด ร่างของมันก็เล็กลงเรื่อยๆ สุดท้ายก็กลายเป็นมดตัวจ้อยขนาดเท่าเมล็ดงา ถูกผนึกไว้ในใบหิมะน้ำแข็งอีกครั้ง
พร้อมกันนั้นเจียวหลงเขียวมรกตที่เพิ่งปรากฏตัวก็ตะลีตะลานเช่นกัน คำรามว่า “สหายน้อย ข้าเพิ่งช่วยชีวิตเจ้าไว้ เหตุใดจึงทำกับข้าเช่นนี้”
แต่หลินสวินทำหูทวนลม ไม่นานเจียวหลงเขียวมรกตก็ถูกผนึกไว้เช่นกัน
“จักจั่นทอง เจ้าคอยก่อนเถอะ ยามเมื่อข้าบรรลุจักรพรรดิ จะต้องชำระแค้นนี้อย่างแน่นอน!”
กลางฟ้าดินยังคงก้องเสียงคำรามที่เปี่ยมด้วยความไม่ยินยอมและเดือดดาลของเจียวหลงเขียวมรกต
เพียงแต่บรรยากาศในที่นั้นเปลี่ยนเป็นกดดันหาใดเปรียบแล้ว
การเปลี่ยนแปลงแบบปุบปับนี้ทำให้ใครๆ ต่างก็ตอบสนองไม่ทันอยู่บ้าง
ไม่น่าเชื่อเกินไปแล้ว สิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงจนไม่อาจจินตนาการสองตัว เมื่ออยู่ในมือหลินสวิน แม้แต่เรี่ยวแรงต่อต้านสักนิดยังไม่มี นี่ใครจะกล้าเชื่อ
แม้จะเป็นนักพรตชิวยังมีสีหน้ามึนงง ก่อนหน้านี้เขาถูกโจมตีจนหมดท่า บาดเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเกือบยืนหยัดไม่อยู่
ไม่คิดเลยว่า ชั่วพริบตาศัตรูตัวฉกาจทั้งสองล้วนหายลับไปแล้ว!
ยามเมื่อมองทางหลินสวินอีกครั้ง นัยน์ตาเขาเจือแววกริ่งเกรงอย่างบอกไม่ถูก เจ้าหนูนี่… โผล่มาจากไหนกันแน่ เหตุใดจึงมีฝีมือแปลกพิสดารเช่นนี้
จากนั้นสายตาเขาก็มองไปยังใบไม้ที่แวววาวปานหิมะน้ำแข็งบนฝ่ามือหลินสวิน เห็นได้ชัดว่าสาเหตุทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ภายในนั้น!
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท