“พูดเหลวไหลอะไรของเจ้า”
“ข้าพูดเหลวไหลงั้นเหรอ? แล้วภาพวาดภาพเทศกาลวันชีซีนั่นไม่ใช่ภาพของท่านงั้นหรือ”
“ข้าวาดภาพเทศกาลวันชีซี แปลว่าข้าต้องโหยหาสตรีงั้นรึ”
“ถ้าในหัวของท่านไม่มีความคิดสกปรกเช่นนั้น ท่านจะวาดภาพเทศกาลวันชีซีทำไมกัน สิ่งที่ให้ความสนใจระหว่างวันมักตามไปปรากฏในความฝัน นั่นเรียกว่าจิตใต้สำนึก ขนาดคนหัวขี้เลื่อยอย่างข้ายังรู้ คนมีความรู้อย่างเจ๋ออ๋องจะไม่รู้ได้อย่างไร ชะๆๆ ดูเหมือนคนเราจะมองแค่ภายนอกไม่ได้จริงๆ สินะ คนบางคนภายนอกดูเคร่งขรึมจริงจัง แต่จริงๆ แล้ว… แหมๆๆ”
ทุกคนตระหนักได้ทันที จากนั้นจึงมองเจ๋ออ๋องด้วยสายตาที่แตกต่างไปจากเดิม
เจ๋ออ๋องดูเป็นคนสุภาพและมีการศึกษา คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีใจคิดเรื่องสกปรกเช่นนี้ ไม่รู้เลยว่าชีวิตส่วนตัวของเขาจะวุ่นวายน่ารังเกียจขนาดไหน
เจ๋ออ๋องคิดว่า
ถ้าต้องอยู่กับกู้ชูหน่วนเขาคงต้องโกรธจนตายไปหลายรอบ ต่อให้มีร้อยชีวิตก็คงไม่พอ
แค่ภาพวาดภาพเทศกาลวันชีซีธรรมดาๆ นางยังหาเหตุผลมาหาเรื่องได้นับไม่ถ้วน และเขาก็บังเอิญหาคำพูดมาหักล้างไม่ได้
ชื่อเสียงของเขาถูกทำลายเพียงเพราะคำพูดแค่ไม่กี่คำของนาง
เจ๋ออ๋องกำลังจะระบายโทสะ แต่หม่ากงกงชิงพูดขึ้นมาก่อน
“เยี่ยเฟิงวาดภาพร้อยวิหคคำนับพญาหงส์”
ผู้ชมพากันอ้าปากค้างด้วยความตะลึงเมื่อม้วนภาพถูกคลี่ออก หลายคนถึงกับตะลึงจนลุกขึ้นยืน
ดวงตาของกู้ชูหน่วนเปล่งประกายด้วยความอัศจรรย์ใจ
นั่นมันภาพอะไรกัน
บนกระดาษมีภาพวิหคร้อยตัวกำลังมุ่งเข้าหาพญาหงส์ วิหคทุกตัวกางปีกราวกับจะบินระบำไปให้สูง
ฝีหมึกของเขามีเฉดสีที่ลงตัว ดูเหมือนจะเรียบง่ายไม่หรูหราและนอบน้อมต่อฟ้าดิน ภาพทั้งภาพเหมือนก้อนเมฆและสายน้ำที่ไหลไปตามกระแส เป็นทัศนียภาพที่งดงามยิ่งนัก
เมื่อมองให้ละเอียดยิ่งขึ้น ดูเหมือนวิหคแต่ละตัวจะบินทะยานไปอย่างไม่หยุดหย่อน และเหมือนจะได้ยินเสียงหงส์และวิหคแว่วมาอย่างแผ่วเบา
นี่มัน… เป็นแค่ภาพว่าจริงๆ เหรอ
ไม่ว่าจะเป็นปรมาจารย์หมากรุก เจ๋ออ๋องหรือคนอื่นๆ ภาพวาดของพวกเขาล้วนทำให้ทุกคนฮือฮาได้ทั้งนั้น
ทว่าทันทีที่แสดงภาพร้อยวิหคคำนับพญาหงส์ออกมา ภาพที่เหลือเหล่านั้นก็ถูกตีกระเด็นไปไกลจากสายตาทันที
สีหน้าของเจ๋ออ๋องดูไม่ค่อยดีนัก เขาไม่คิดเลยว่าตนเองจะแพ้ให้กับสามัญชนธรรมดาเช่นนี้
ในแววตาของปรมาจารย์หมากรุกมีเพียงความชื่นชมและความประหลาดใจ
ผู้มีความสามารถจากรัฐจ้าวทั้งสองคนก็ตกตะลึงจนนิ่งงันไปแล้วเช่นกัน
“ชายผู้นี้เป็นเพียงสามัญชนธรรมดาจริงหรือ วิหคในภาพวาดของเขาราวกับบินได้อย่างไรอย่างนั้น”
“ให้ตาย เกรงว่าแม้แต่ท่านอาจารย์ซั่งกวนของพวกเราก็คงจะวาดภาพร้อยวิหคคำนับพญาหงส์ได้ไม่งดงามเท่านี้”
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าสามัญชนจะมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้”
“การแข่งวาดภาพคราวนี้เขาต้องชนะเป็นที่หนึ่งแน่นอน หลังจากวันนี้ชื่อเสียงของเขาจะโด่งดังไปทั่วหล้า”
ผู้ชม ณ ที่นั้นพากันแสดงความคิดเห็น แต่เยี่ยเฟิงกลับไม่ยินดียินร้าย เขาเพียงแค่ยืนเงียบๆ รอฟังผลการตัดสิน
จักรพรรดิเยี่ยทรงยิ้มและตรัสว่า “การแข่งขันครั้งนี้ตัดสินให้เยี่ยเฟิงเป็นผู้ชนะ มีใครเห็นต่างไปจากนี้หรือไม่”
เดิมทีการตัดสินแพ้ชนะจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของตัวแทนเก้าคนจากทั้งสี่รัฐ ผู้ที่ได้คะแนนเสียงสูงสุดจะเป็นผู้ชนะ
แต่ผลการแข่งขันที่เห็นประจักษ์ชัดเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้กรรมการตัดสิน
ไม่มีใครคัดค้าน ทุกคนเห็นด้วยสุดหัวใจที่จะตัดสินให้เยี่ยเฟิงชนะ
หม่ากงกงกล่าวเสียงดังว่า “ผู้ชนะในการแข่งขันวาดภาพคือเยี่ย…”
“ช้าก่อน”
กู้ชูหน่วนตะโกนเสียงดัง “พวกท่านยังไม่ได้ดูภาพวาดของข้าเลยนะ”
ทุกคนพากันกลอกตา
ดอกโบตั๋นของนางสวยงามตรงไหน?
“คุณหนูสาม เกรงว่าผลงานอันมีค่าของท่าน…”
“ภาพของข้าเป็นอย่างไรรึ หรือว่าเทียบกับเยี่ยเฟิงไม่ได้”