นางคาดไม่ถึงว่าปรมาจารย์หมากรุกจะยอมคุกเข่าคารวะนางเป็นอาจารย์อย่างหนักแน่นและตรงไปตรงมาเพียงนี้
กู้ชูหน่วนจุกกับภาพตรงหน้าจนกลืนอ้อยไม่ลง เลยเขวี้ยงทิ้งด้านข้าง
บังเอิญเขวี้ยงใส่พระเศียรของเจ๋ออ๋องจนบวมเป็นลูกกลมโต
“กู้ชูหน่วน เจ้าจงใจทำร้ายข้าใช่หรือไม่”
กู้ชูหน่วนตกตะลึงพรึงเพริด
ฟ้าดินเป็นพยาน ครั้งนี้นางไม่ได้จงใจแกล้งเขาจริง ๆ ทว่าอ้อยมีดวงตา รับหน้าที่ผดุงคุณธรรมด้วยตัวเองต่างหาก
“เป็นแค่คุณหนูสามแห่งจวนเสนาบดีก็บังอาจแกล้งข้าหลายต่อหลายครั้ง เจ้าคิดว่าข้าตายแล้วหรือไร?”
ริมฝีปากของเจ๋ออ๋องที่บวมมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้พูดไม่เป็นศัพท์ ผู้คนจับความหมายที่เขาสื่อไม่ออก
กู้ชูหน่วนพูดเป็นตุเป็นตะพร้อมกับพยักหน้า “ข้าเข้าใจกับสิ่งที่ท่านต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมดี ท่านเป็นเด็กดีหน่อย การพ่ายแพ้ให้ข้าไม่ใช่เรื่องขายหน้ากระไร เพราะข้าหาใช่คนรัฐเยี่ย รัฐฉู่ รัฐจ้าวหรือรัฐหวาไม่ เงินทองที่ฝ่าบาทพระราชทานย่อมไม่ตกอยู่ในมือคนนอก”
“เจ้าพูดเหลวไหลอันใด”
“เพคะ เพคะ ท่านบาดเจ็บสาหัส ท่านวางใจเถอะ ข้าไม่รังแกคนอ่อนแอหรอก แต่เมื่อพนันแล้วต้องยอมรับความพ่ายแพ้ เจ๋ออ๋องมอบเงินสามล้านตำลึงให้ข้าจึงจะได้”
เจ๋ออ๋องเกือบกระอักเลือดออกมา
คนรับใช้รีบพยุงเจ๋ออ๋องนั่งลง และลงมือลูบหน้าอกให้เขา จากนั้นก็ช่วยทำแผล
เยี่ยเฟิงมองกระดานหมากรุกด้วยจิตใจที่หนักอึ้ง นิ้วมือที่ซ่อนอยู่ภายในแขนเสื้อกำแน่น
การเล่นหมากรุกหลิงหลงเป็นอันจบสิ้น……
เขาพยายามสุดความสามารถแล้ว
ไฉนกู้ชูหน่วนจึงสามารถสกั้นกัดโอกาสได้เปรียบของเขาในเวลาอันสั้น ๆ เพียงนี้ได้
หากนางอยากชนะก็สามารถคว้าชัยชนะกับเขาและปรมาจารย์หมากรุกได้ทุกเมื่อ ทว่าเธอกลับเย้าแหย่ดั่งแมวกลั่นแกล้งหนู แกล้งพวกเขาจนต้องใช้เวลากว่าหนึ่งก้านธูป
สุดท้าย…….
สุดท้ายก็ตบหน้าเจ๋ออ๋อง ทำให้เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟกันเลยทีเดียว
ไม่ว่ากู้ชูหน่วนจะมาเล่นหมากรุกครั้งนี้ด้วยเจตนาอันใด ทว่าสิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้คือ เขาแพ้แล้ว แพ้อย่างราบคาบเลย
อย่างเรื่องการวาดภาพเมื่อครู่ กู้ชูหน่วนไม่ได้วาดสุดฝีมือ ถ้าเกิดวาดชนิดที่จัดหนักจัดเต็มละก็เกรงว่าคงจะแยกแยะแพ้กับชนะไม่ออก
อาจารย์สวีรีบเอ่ยปากพูด ทั้งยังไม่วายใช้นิ้วอันสั่นระริกชี้ไปยังกู้ชูหน่วน ” ท่านอาจารย์ซั่งกวน คุณ…….คุณหนูสามกู้ชนะแล้วจริงหรือไม่?”
“คลายกลหมากรุกหลิงหลงได้แล้ว เจ้าว่าชนะไหม?”
“ไม่ใช่ ข้าแค่อยากถามว่านางคลายค่ายกลนี้ได้อย่างไร? ตกลงนางรู้เรื่องการเล่นหมากเล่นไหม”
นางบอกว่าเล่นหมากรุกไม่เป็น แต่ผลลัพธ์ที่เห็น มันเหลือเชื่อโดยแท้
บนผืนปฐพีนี้จะมีเรื่องบังเอิญขนาดนี้ได้เยี่ยงใด?
จะว่านางรู้วิธีเล่นหมากรุก ทว่านางก็เหมือนคนซื่อบื้อผู้หนึ่ง
ใต้เท้าสวีรู้สึกสับสนมึนงงยิ่ง ซั่งกวนฉู่หรี่ตาทั้งคู่ขึ้น คล้ายกับกำลังคิดใคร่ครวญอยู่
อี้เฉินเฟยยิ้มอย่างชอบใจ ดวงตาคู่นี้ที่มองกู้ชูหน่วนเจือรอยยิ้มไว้ในที
เหล่าทูตทั้งหลายล้วนตามเหตุการณ์ไม่ทัน
ผ่านไปสักพัก ทูตแห่งรัฐหวาเหยียดยิ้มเย้ยหยัน “ปรมาจารย์หมากรุกอันใด กระทั่งเด็กหญิงอายุน้อย ๆ ก็สู้ไม่ได้ แล้วยังมีหน้าเรียกขานตนว่า ปรมานจารย์หมากรุกอีก”
ทูตแห่งรัฐฉู่รู้สึกหนาวสะท้านกะทันหัน รีบสวนกลับว่า “คิก ๆ บางรัฐช่างหน้าไม่อายเสียจริง นำจอหงวนมาร่วมแข่งขันด้วย คิดว่าจะสามารถคว้าชัยชนะอย่างมั่นคงสิท่า ไหนเลยจะรู้ว่าจะแพ้ในรอบแรกเยี่ยงนี้”
ประโยคนี้ทิ่มแทงหัวใจทูตแห่งรัฐหวายิ่ง
ดำรงตำแหน่งจอหวนมาสามสมัย ทว่ากลับแพ้ตั้งแต่รอบแรกเลย
“แต่ก็ดีกว่าบางรัฐหรอกนะ เป็นถึงหัวหน้าสำนักศึกษาแห่งรัฐ แต่ก็ถูกคัดออกตั้งแต่รอบแรก ฮ่า ๆ ๆ นั่นมันหัวหน้าสำนักศึกษาระดับสูงสุดของรัฐเลยนะเนี่ย”
คนรัฐฉู่พากันเดือดดาลไม่น้อย
“อย่างน้อยพวกเราก็มีทายาท แต่ดูบางรัฐสิ กระทั่งทายาทสืบทอดก็ไม่มี”