ทุกคนหันไปมองเขาอย่างพร้อมเพรียง ไม่รู้ว่าเขาไปโดนลมบ้าหมูที่ไหนมา
แม่เล้าเป็นคนแรกที่ตอบสนองและรีบไกล่เกลี่ย “คุณชายเซี่ยวเจ้าขา ที่หอมีสาวงามมาใหม่มากมาย ข้าจะให้พวกนางมาอยู่เป็นเพื่อนท่านนะเจ้าคะ”
“ไม่ต้อง ท่านบอกให้พวกผู้ชายเหล่านี้ไสหัวไปก็พอ อย่าเข้ามาใกล้นางอีก”
เซี่ยวอวี่เซวียนพูดพลางขับไล่คนเหล่านั้น
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว “เสี่ยวเซวียนเซวียน เจ้าจะทำให้เหล่าคนงามของข้าตกใจนะ”
“ไปให้พ้น”
หนุ่มรูปงามทุกคนมองกู้ชูหน่วนอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ บางคนก็ถึงกับน้ำตาหยดแหมะ
กู้ชูหน่วนมอบเงินให้แต่ละคนอีกหนึ่งหมื่นตำลึงอย่างใจป้ำ พูดปลอบว่า “เอาน่า ไว้พี่หญิงจะมาหาพวกเจ้าใหม่นะ”
เป็นอีกครั้งที่ทุกคนได้เงินหนึ่งหมื่นตำลึง
หนุ่มรูปงามเหล่านั้นต่างดีใจจนหน้าบาน แทบอดไม่ไหวที่จะกอดต้นข้าของกู้ชูหน่วนแน่นๆ แต่พวกเขารู้ว่านางกับคุณชายเซี่ยวมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นจึงทำได้เพียงจากไปอย่างไม่เต็มใจ
เหล่าหญิงสาวในหอพากันอิจฉาตาร้อน
ในอดีตคนที่ทำเงินได้คือพวกนาง ทว่าตอนนี้พวกเขาแค่ปรนนิบัตินิดหน่อยก็ได้เงินคนละหนึ่งหมื่นตำลึง พวกนางทำงานหนักมาตั้งหลายปียังได้เงินไม่ถึงสองหมื่นตำลึงด้วยซ้ำ
กู้ชูหน่วนเอียงคอมองเซี่ยวอวี่เซวียนด้วยใบหน้าที่เหมือนจะยิ้ม “แบบนี้เจ้าพอใจแล้วสินะ”
เซี่ยวอวี่เซวียนทำเสียงฮึอย่างเย็นชา
กู้ชูหน่วนยกกาสุราขึ้นมาและกระดกเข้าปาก จากนั้นจึงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ไม่รู้เหมือนกันว่าใครบอกว่าอยากฉลองให้ข้า มีสุราแต่ไร้หนุ่มรูปงาม จืดชืดชะมัด”
“เจ้าตาบอดรึไง พวกข้าสองคนรูปงามสู้คณิกาหนุ่มในหอไร้กังวลไม่ได้รึ”
กู้ชูหน่วนพยักหน้าหงึกหงัก “ท่านพี่เฉินเฟย ท่านดีดฉินเป็นหรือไม่”
“ก็พอได้”
“งั้นท่านช่วยเล่นเพลงสนุกๆ ให้ข้าหน่อยได้หรือไม่”
“คุณหนูสามให้เกียรติเช่นนี้ ข้าน้อยอี้รู้สึกเป็นเกียรติมาก”
“ทำไมว่าง่ายจัง” กู้ชูหน่วนคว้าแขนเสื้อของเขาแล้วหัวเราะฮึฮึ “แล้วท่านเต้นรำด้วยได้หรือไม่ เอาแบบที่ร้อนแรงน่ะ”
เซี่ยวอวี่เซวียนลูบหน้าผาก
เดี๋ยวฟ้าก็ได้ผ่าเขาจนตาย
เขาไปรู้จักผู้หญิงไร้ยางอายเช่นนี้ได้อย่างไร
อี้เฉินเฟยเป็นนักปราชญ์ขงจื๊อผู้ยิ่งใหญ่ที่ให้ความสำคัญกับความเมตตากรุณา ความยุติธรรม สุภาพ อ่อนโยน สุขุมรอบรู้ จริงใจ แต่แม่สาวอัปลักษณ์กลับพูดเรื่องไร้สาระพรรค์นี้…
เขาไม่กล้าจินตนาการเลยว่าสีหน้าของอี้เฉินเฟยจะมึนตึงเพียงใด
เซี่ยวอวี่เซวียนรอให้ความโกรธของอี้เฉินเฟยปะทุ แต่ไม่คิดว่าเขาจะแค่ยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “คุณหนูสามอยากดูก็ใช่ว่าจะดูไม่ได้ เพียงแต่นอกจากคุณหนูสาม ข้าเกรงว่าคนอื่นจะไม่มีคุณสมบัติที่จะได้เห็นข้าน้อยอี้เต้นรำอย่างร้อนแรงก็เท่านั้น”
“ให้ตาย อี้เฉินเฟย ท่านเป็นนักปราชญ์ขงจื๊อท่านที่สามมิใช่รึ ท่านไม่ละอายเลยหรืออย่างไรที่พูดคำพูดเช่นนี้ ปรัชญาขงจื๊อที่พวกท่านเรียนมาท่านคืนไปหมดแล้วหรืออย่างไร”
“คุณชายเซี่ยว ข้าเป็นศิษย์นักปราชญ์ขงจื๊อ ไม่ใช่ศิษย์วัดเส้าหลิน”
คำพูดที่พยายามจะเบี่ยงประเด็นทำให้เซี่ยวอวี่เซวียนพูดอะไรไม่ออกเป็นนาน เขาทำได้เพียงจ้องอี้เฉินเฟยเขม็ง
“แม่สาวอัปลักษณ์ ผู้ชายคนนี้แย่มาก เจ้าอยู่ให้ห่างเขาจะดีกว่า ข้าว่าเขาทำตัวไร้ยางอายกับเจ้าหน้าตาเฉยเพราะเขาเห็นสมบัติของเจ้านะซี”
กู้ชูหน่วนหัวเราะและจิ้มหน้าผากของเขา
“เจ้านี่โง่จริง ถ้าเขาทำเพื่อสมบัตินั่นจริงๆ เขาจะสละสิทธิ์จากการชุมนุมแข่งขันวิชาการเพื่ออะไร”
“ถึงอย่างไรเขาก็ต้องวางแผนชั่วไว้แน่”
เมื่อได้ฟังการสนทนาของพวกเขา ใครบางคนในกลุ่มคนก็อุทานขึ้นมา
“สวรรค์โปรด ข้าก็คิดอยู่ว่าผู้ชายที่อยู่ข้างๆ คุณชายเซี่ยวช่างคุ้นตานัก แต่ก็นึกไม่ออกเสียทีว่าเป็นใคร คิดไม่ถึงเลยว่าแท้จริงแล้วเขาคือเซียนกวีอี้เฉินเฟยนั่นเอง”
“อะไรกัน เขาจะเป็นเซียนกวีอี้เฉินเฟยไปได้อย่างไร… อี้เฉินเฟยเป็นนักปราชญ์ขงจื๊อท่านที่สามมิใช่รึ เขาจะมาสถานที่ประโลมโลกอย่างหอไร้กังวลได้อย่างไรกัน”