ชิงเฟิงกลืนน้ำลาย เขารู้มาตลอดว่าพิษของนายท่านนั้นมีความอำมหิตมาก แต่เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า พิษร้ายแรงจำนวนมากนี้เมื่อกัดนายท่านเข้าไปแล้วจะกลับกลายเป็นพิษที่ตายทั้งเป็นได้ และ……
อ่างอาบน้ำที่นายท่านกำลังแช่อยู่ในนั้นเปลี่ยนจากสีขาวบริสุทธิ์เป็นสีดำสนิท ดำราวกับน้ำหมึกยังไงยังงั้น
นี่มัน……
นี่นับว่าเป็นการล้างพิษจำนวนมากในร่างกายของนายท่านใช่ไหม?
เขาพึมพำถามขึ้นมา “เช่นนั้นแล้วควรจะทำเช่นไรกับพิษเหล่านี้ดีขอรับ?”
“ทำไมหรือ เจ้าต้องการเก็บเอาไว้กินหม้อไฟหรืออย่างไร แน่นอนว่าต้องตักออกไปสิ”
“ขอรับ……”
ชิงเฟิงรับคำสั่ง จากนั้นจึงตักพิษจำนวนมากที่ลอยขึ้นมาทิ้งไป
“เช่นนั้นแล้วนายท่านจะลุกขึ้นมาเลยหรือไม่ขอรับ?”
“แช่ตัวต่อ หนึ่งชั่วยามหลังจากนี้ค่อยครอบแก้วเพื่อปลดปล่อยเลือดที่เป็นพิษออกจากร่างกาย”
“ครอบแก้ว? สิ่งนั้นคืออะไรหรือขอรับ?” เป็นวิธีการรักษาอย่างหนึ่งหรือ? ทำไมพวกเขาถึงไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
“ไปตัดไม้ไผ่กลับมาจำนวนหนึ่งและเหลาให้เป็นขวดเล็กๆ ด้านหนึ่งปล่อยว่างเอาไว้ อีกด้านหนึ่งให้มีฝาปิด” ทักษะทางการแพทย์ของยุคนี้ล้าหลังมากและไม่มีแม้แต่การครอบแก้ว
“ขอรับ กระหม่อมจะรีบไปเดี๋ยวนี้” ชิงเฟิงโน้มตัวทำความเคารพเยี่ยจิ่งหาน จากนั้นจึงถอยออกไป
กู้ชูหน่วนเหลือบมองดูท้องฟ้า ใกล้จะเช้าแล้ว ถึงว่าทำไมนางจึงรู้สึกง่วงอยู่ตลอดเวลา
กู้ชูหน่วนหาสถานที่ที่เหมาะสมและต้องการจะหลับตาพักผ่อนสักครู่ จากนั้นเยี่ยจิ่งหานก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เจี้ยงเสวี่ย ดูนางให้ข้าดีดี หากนางกล้าที่จะงีบหลับ เช่นนั้นก็โยนนางเข้าไปในถ้ำงูเพื่อให้นางตื่น”
กู้ชูหน่วนจ้องมองเขาด้วยความโกรธ
“ท่านก็แช่ตัวของท่านไป ข้าก็งีบหลับของข้า เราไม่ยุ่งเกี่ยวซึ่งกันและกันแบบนี้ไม่ได้หรือ?”
“ไม่ได้ ชีวิตของข้ามีค่าอย่างมาก” อีกความหมายหนึ่งก็คือ ชีวิตของนางไม่ได้มีค่าเท่ากับชีวิตของเขา
“ก็ได้ ชีวิตของท่านมีค่าอย่างมาก”
กู้ชูหน่วนแทบจะหยิบไม้ไผ่ขึ้นมาถ่างตาเอาไว้ไม่ให้เผลอหลับ
นางนึกภาพออกเลยว่าพรุ่งนี้นางจะต้องไปนั่งสัปหงกแอบงีบหลับที่สำนึกศึกษาอย่างแน่นอน
เมื่อท้องฟ้าใกล้จะสว่าง เทพแห่งสงครามลุกขึ้นจากอ่างน้ำสมุนไพร และทำการชะล้างร่างกายอีกครั้ง เขาก็รู้สึกสดชื่นมากยิ่งขึ้น
กู้ชูหน่วนจ้องมองเขาด้วยดวงตาแพนด้าและพูดขึ้นด้วยความเกียจคร้าน “ถอดเสื้อผ้าออก”
“ต้องถอดอีกแล้วหรือ?”
ผู้หญิงคนนี้ต้องการแก้แค้นเขาหรือเปล่านะ?
“ถ้าไม่ถอดแล้วจะครอบแก้วได้อย่างไรล่ะ? หากท่านไม่ต้องการครอบแก้ว เช่นนั้นข้าก็ขอตัวกลับก่อน”
“การครอบแก้วคือการกำจัดเลือดที่เป็นพิษออกอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่เช่นนั้นล่ะ”
ไม่ใช่มีเขาเพียงคนเดียวที่มีรูปร่างที่ดี ทำไมต้องป้องกันตัวเองราวกับนางเป็นโจรเสียอย่างนั้น?
คืนนั้น เป็นเพราะนางถูกวางยาพิษเข้า จึงทำเรื่องเหล่านั้นลงไปต่างหากล่ะ ตอนนี้หากจะยกให้ฟรีๆ นางก็ไม่เอาหรอก
เยี่ยจิ่งหานกัดฟันกรอด “เปลี่ยนวิธีการรักษา”
วิธีการรักษาแต่ละวิธีนั้นล้วนน่าลำบากใจ เขายืนยันที่จะไม่รับการรักษา
“เช่นนั้นก็ทำตามวิธีการของวันนี้ แช่น้ำเช่นนี้ไปอีกหนึ่งเดือน นี่คือสูตรยาสมุนไพร”
“แค่นี้เองหรือ?”
“แค่นี้ก็เพียงพอแล้วพี่ชาย ท่านไม่ดูหน่อยหรือว่าเลือดพิษที่ขับออกจากร่างกายของท่านวันนี้มีเยอะมากแค่ไหน น้ำสมุนไพรที่แช่ตัวนั้นเปลี่ยนเป็นสีดำเข้มไปทั้งหมดเชียว”
ทันใดนั้นเยี่ยจิ่งหานก็ก้มลงมองดูขาทั้งสองข้างของเข้า และเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองกู้ชูหน่วน “ขาของข้าสามารถกลับเป็นเหมือนเดิมได้จริงหรือ?”
กู้ชูหน่วนต้องการบอกปฏิเสธอย่างมีเงื่อนไข
แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เมื่อเห็นแสงแห่งความหวังในดวงตาของเขา คำพูดที่นางพูดกลับกลายเป็นว่า “แน่นอนว่ามีความหวัง”
ปัดโธ่
นางตกหลุมพรางเข้าอีกแล้ว?
แค่ต้องการรักษาขาของเขาให้หายดี ทำไมมันยากยิ่งกว่าการขึ้นสวรรค์อีกนะ
กู้ชูหน่วนระงับความโกรธเคืองเอาไว้และเดินจากไปด้วยความโมโห “ท้องฟ้าสว่างแล้ว ข้าต้องไปสำนักศึกษาแล้ว”
ชิงเฟิงหมดคำจะพูด
นายท่านตกลงให้นางจากไปแล้วหรือ?
ทำไมเขาถึงรู้สึกว่า นางต่างหากที่เป็นหัวหน้าของจวนท่านอ๋อง ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตท่านอ๋องเลย
เยี่ยจิ่งหานหันไปหยิบแก้วหยกขาวและเพ่งมองด้วยสายตาหยั่งรู้ หลังจากที่มองดูแผ่นหลังของนางที่ค่อยๆ เลือนหายไป
เจี้ยงเสวี่ยเดินเข้ามาตรงหน้าและรายงานทีละเรื่อง
“นายท่าน หลังจากการแข่งขันทางวิชาการสิ้นสุดลง มีกลุ่มคนจำนวนทั้งหมดสิบแปดกลุ่มที่ลงมือต่อคุณหนูสาม ซึ่งมีสามกลุ่มที่มีฝีมือการต่อสู้ที่เก่งกาจมาก กระหม่อมก็ได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการจัดการกับพวกมัน”