“คุณหนูสาม นี่คือน้ำแกงเม็ดบัวที่ข้าสั่งให้คนต้มเพื่อเป็นการล้างพิษในตับและดับร้อนในกระเพาะ เจ้าลองชิมดูสิ”
องค์หญิงตังตังยื่นถ้วยน้ำแกงเม็ดบัวมาตรงหน้าของกู้ชูหน่วน และใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มอันไร้เดียงสา
ทุกคนต่างพากันตกตะลึง
เมื่อสักครู่องค์หญิงตังตังยังคงมีปากมีเสียงโต้เถียงกับกู้ชูหน่วนอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับนำน้ำแกงมามอบให้นางด้วยตัวเอง ช่างเปลี่ยนสีหน้าได้อย่างรวดเร็วเหลือเกิน
เซี่ยวอวี่เซวียนที่นั่งอยู่ข้างๆ กู้ชูหน่วนขมวดคิ้วและใช้พัดขวางน้ำแกงของนางเอาไว้ “ไม่ใช่ว่าองค์หญิงแอบใส่เครื่องปรุงอะไรเข้าไปในน้ำแกงเม็ดบัวนี้หรอกหรือ”
“เรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้นั้นเป็นเพราะข้าไม่ดีเอง ข้าไม่ควรหาเรื่องเจ้า ดังนั้นข้าจึงสั่งให้คนต้มน้ำแกงถ้วยนี้ขึ้นมาเพื่อพยายามแก้ไขความสัมพันธ์กับเจ้า คุณหนูสาม เจ้าเป็นคนจิตใจงดงาม เจ้าไม่โกรธข้าหรอกใช่ไหม”
องค์หญิงตังตังหน้าตาน่ารัก นางทำหน้ามุ่ยอ้อนวอนและดูจริงใจมากขึ้นเรื่อยๆ หากไม่รู้ว่านางเป็นคนดื้อดึงและเอาแต่ใจ เช่นนี้แล้วเกรงว่าทุกคนคงจะหลงใหลในเสน่ห์ภายนอกของนางไปแล้ว
กู้ชูหน่วนมองไปที่น้ำแกงเม็ดบัวในมือของนางและหรี่ตาลงอย่างเย็นชา จากนั้นมองไปที่กู้ชูอวิ๋นที่มุมตะวันออกเฉียงใต้ด้วยรอยยิ้มที่กระหายเลือดและน่าเกรงขาม
นางรับน้ำแกงเม็ดบัวเข้ามาอย่างใจกว้าง จากนั้นยิ้มและกล่าวว่า “องค์หญิงเป็นคนจิตใจดีและไร้เดียงสาเช่นนี้ ข้าจะโกรธท่านได้อย่างไรกันล่ะ”
พูดจบ นางก็หยิบช้อนขึ้นมา จากนั้นตักขึ้นมาหนึ่งคำเพื่อจะดื่มเข้าไป
ทันใดนั้น เยี่ยเฟิงที่นั่งเงียบขรึมอยู่นานก็พูดขึ้นมาว่า “ดื่มน้ำแกงเม็ดบัวที่เย็นแล้ว ระวังจะท้องเสียเอาได้ล่ะ”
มุมปากของกู้ชูหน่วนม้วนขึ้นเล็กน้อยและนางก็ยิ้มอย่างคลุมเครือ “เสี่ยวเฟิงเฟิงกำลังเป็นห่วงข้าหรือ?”
นางพูดในขณะที่ยกช้อนในมือดื่มเข้าไป “อืม ไม่เลวเลย หวานกำลังดีเลย”
กู้ชูหน่วนได้กวาดสายตามองทุกคน
เซี่ยวอวี่เซวียน หลิ่วเย่ว์และอวี๋ฮุยต่างลุกขึ้นมาเพื่อต้องการจะห้ามปราม
การหายใจของเยี่ยเฟิงเร็วขึ้นและยกมือขึ้นมาเพื่ออยากจะหยุดนาง
องค์หญิงตังตังทั้งมีความสุข ทั้งประหลาดใจ และทั้งหวาดกลัว
กู้ชูหน่วนยกริมฝีปากบนด้วยความโล่งใจ
และนักเรียนทุกคนต่างก็มองนางด้วยความตกใจ
“เอิ่ก” เสียงดังขึ้น กู้ชูหน่วนดื่มน้ำแกงเม็ดบัวไปจนหมดถ้วย และดูเหมือนจะยังต้องการอีก “ยังมีอีกหรือไม่?”
องค์หญิงตังตังอึ้งและตอบนางด้วยความไม่สบอารมณ์ “ไม่มีแล้ว”
ดื่มไปหมดทั้งถ้วยเลยหรือ?
นางไม่กลัวท้องเสียจนต้องนอนเฝ้าในส้วมเลยหรือยังไง
เซี่ยวอวี่เซวียนพูดด้วยความตกใจ “แม่สาวอัปลักษณ์ เจ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่?”
“ข้าจะไม่สบายตรงไหนได้อย่างไร น้ำแกงเม็ดบัวขององค์หญิงตังตังอร่อยจะตายไป ตั้งแต่ที่พี่รองบอกข้าว่าองค์หญิงตังตังจะมอบน้ำแกงเม็ดบัวหนึ่งถ้วยให้กับข้า ข้าก็เฝ้ารอมาโดยตลอด ขนาดอาหารเช้าข้าก็แทบไม่ได้กินเข้าไป ที่แท้พี่สาวแท้ๆ ของข้าก็ดีกับข้าจริงๆ ต่อให้จะกันบ่อยแค่ไหน จะนางก็มักนึกถึงแต่ข้า”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ องค์หญิงตังตังเปลี่ยนสีหน้าลงทันทีและจ้องไปที่กู้ชูอวิ๋นด้วยความโกรธเคือง
สีหน้าของกู้ชูอวิ๋นเปลี่ยนไปเล็กน้อย
คำพูดของกู้ชูหน่วนหมายความว่าอย่างไรกัน?
โยนความผิดมาที่นางอย่างนั้นหรือ?
นางไปบอกกู้ชูหน่วนตั้งแต่เมื่อไรว่าองค์หญิงตังตังต้องการที่จะวางยาพิษนาง?
“กู้ชูอวิ๋น เจ้ามันคนเลว เจ้าออกมาเดี๋ยวนี้นะ”
องค์หญิงตังตังตะโกนออกมาโดยไม่สนใจว่าเพื่อนในชั้นเรียนจะกำลังจ้องมองนางอยู่ จากนั้นจึงลากนางออกไป
กู้ชูหน่วนหัวเราะอย่างเย็นชา
จะวางยาพิษนางนะหรือ?
ยังอ่อนไปหน่า
“แม่สาวอัปลักษณ์ เจ้าไม่เป็นอะไรจริงๆ หรือ?”
“ข้าไม่เป็นอะไร เจ้าโทษที่ข้าไม่เหลือน้ำแกงให้กับเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
“……”
เซี่ยวอวี่เซวียนจ้องมองนางตาเขม็งด้วยความโกรธเคือง
“กิน กิน กิน เจ้าเป็นผีหิวโหยกลับชาติมาเกิดอย่างนั้นหรือ? กล้ากินไปเสียทุกอย่าง เจ้าไม่กลัวจะถูกวางยาพิษจนตายเลยหรือ”
กู้ชูหน่วนส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นหันหน้ามองไปเยี่ยเฟิงที่นั่งเงียบไม่พูดอะไร
ดวงตาทั้งคู่จ้องมองกัน ดวงตาของทั้งคู่มีร่องรอยของการสำรวจซึ่งกันและกัน
“เสี่ยวเฟิงเฟิง บรรพบุรุษของเจ้าเป็นคนที่ไหนกันหรือ?”
เยี่ยเฟิงก้มหน้าลงและพลิกตำราโดยไม่สนใจนาง