“ตึงตึงตึง……”
อาวุธลับพุ่งเข้าไปที่ผนังอย่างเฉียบแหลม เซี่ยวอวี่เซวียนหดหัวด้วยความกลัว
หากอาวุธลับนี้โจมตีไปที่ร่างกายของคนก็คงจะทะลุทะลวง
“ใคร?ใครลอบโจมตี?” เซี่ยวอวี่เซวียนตะโกน
สำนักศึกษามียอดฝีมือมากมายคอยปกป้องรักษา นึกไม่ถึงเลยว่ามือสังหารจะสามารถเข้ามาได้?และกล้ามากเกินไป
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้วและอดไม่ได้ที่จะจับระฆังวิญญาณสะบั้นในมือไว้ให้ดี
เธอแสร้งทำเป็นยิ้มอย่างผ่อนคลาย “คงไม่มีอะไรมากไปกว่าพวกหัวขโมยที่ไม่ได้เงินเดิมพัน บางทีอาจจะเห็นว่าช่วงนี้ข้าชนะเดิมพันและมีเงินมากมาย จึงอยากจะได้เงิน”
แม้ว่าเซี่ยวอวี่เซวียนจะไม่เอาไหน แต่เขาก็ไม่ได้โง่เขลา
อาวุธลับทั้งสามสิบแปดชิ้นมีกระบวนท่าที่จะสังหาร และผู้ที่มาไม่ต้องการปล่อยให้แม่สาวอัปลักษณ์มีชีวิตอยู่
และที่นี่ก็เป็นสำนักศึกษาหลวง
แม้ว่าปกติแล้วจะดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ผู้คนต่างรู้ดีว่ามียอดฝีมือมากมายคอยซุ่มโจมตีอยู่รอบ ๆ สำนักศึกษาหลวง
เมื่อมีคนมาทำอันตรายต่อชีวิตของนักเรียน คนเหล่านั้นก็จะออกมาปกป้องในทันที
“แม่สามอัปลักษณ์ โจรธรรมดาจะมีวรยุทธที่สูงส่งเช่นนี้ได้อย่างไร ข้าคิดว่าพวกเขาต้องการจะปลิดชีพเจ้า”
“ปลิดชีพอะไรกัน ข้าไม่ได้ทำให้ใครขุ่นเคือง คงเป็นเพราะเห็นสิ่งที่อยู่ในมือของข้า”
“ทำไมเจ้าจะไม่ได้ทำให้ใครขุ่นเคือง?ที่งานชุมนุมแข่งขันวิชาการ เจ้าปฏิบัติต่อเจ๋ออ๋องและทูตจากรัฐต่าง ๆ อย่างโหดเหี้ยมทารุณ แล้วเจ้ายังทำให้พระพันปี องค์หญิงตังตังและคนอื่น ๆ ขุ่นเคือง”
“พวกเขาไม่มีความสามารถเท่าคนอื่น และแพ้ให้กับข้า แล้วข้าจะทำอย่างไรได้?” กู้ชูหน่วนกางมือออก
“ข้าว่าระฆังวิญญาณสะบั้นที่อยู่ในมือเจ้าไร้ประโยชน์ และอาจจะนำไปสู่การถูกสังหาร มิเช่นนั้นก็เอามันไปทิ้งที่อื่น”
เซี่ยวอวี่เซวียนเป็นกังวล แม้ว่ากู้ชูหน่วนจะไม่ได้ถูกลอบสังหารจริง ๆ ก็ตาม
“ต่อให้ข้าจะเอาไปทิ้ง คนพวกนั้นก็คงจะไม่เชื่อ อีกอย่างก็ไม่ง่ายเลยที่ข้าจะชนะแล้วได้ของสิ่งนี้มา เหตุใดข้าต้องเอาไปทิ้งด้วย?”
“เช่นนั้นวันนี้เจ้าก็ไม่ต้องออกไปจากสำนักศึกษาหลวง หากสำนักศึกษายังไม่ปลอดภัย ข้างนอกก็คงจะอันตรายยิ่งกว่านี้”
บางทีในทันทีที่ออกไป อาจจะมีตาข่ายมาคอยดักรอแม่สามอัปลักษณ์อยู่ก็ได้
“เจ้าขี้บ่นเหมือนชิวเอ๋อร์ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน นี่ก็เย็นมากแล้ว บางทีข้ากลับไปอาจจะต้องรองรับอารมณ์โกรธของเทพแห่งสงคราม เช่นนั้นคืนนี้ข้าจะนอนที่สำนักศึกษา และไปไหนทั้งนั้น ส่วนเจ้า หากเจ้าไม่รีบกลับบ้าน เชื่อหรือไม่ว่าท่านพ่อของเจ้าจะต้องหักขาเจ้า”
“บางทีหากข้าไม่กลับไปคืนนี้ ท่านพ่อก็คงจะไม่ว่าอะไร คืนนี้ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า”
เซี่ยวอวี่เซวียนหาว และง่วงมากจนลืมตาไม่ขึ้น
“ตกดึกน้ำค้างแรง ชายหนุ่มหญิงสาวอยู่กันตามลำพัง เจ้าอยากให้ผู้คนทั้งสำนักศึกษา เข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรางั้นหรือ?”
เซี่ยวอวี่เซวียนตกตะลึงครู่หนึ่ง และตระหนักได้ว่าคำพูดของกู้ชูหน่วนนั้นมีเหตุผล
“แต่หากมีมือสังหารมาอีกล่ะ?”
“เจ้าบอกว่าสำนักศึกษามียอดฝีมือหลบซ่อนอยู่มากมายไม่ใช่หรือ เมื่อชีวิตของนักเรียนถูกคุกคาม พวกเขาทั้งหมดก็จะออกมา แล้วข้าจะต้องกลัวอะไร”
“แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ถ้าหาก”
“ทำไมถึงมีถ้าหากมากมายนัก เจ้ารีบกลับเถอะ”
กู้ชูหน่วนเกือบจะใช้อารมณ์ เซี่ยวอวี่เซวียนจึงออกไป
ในห้อง กู้ชูหน่วนเก็บระฆังวิญญาณสะบั้นที่อยู่ในมือ
รอยยิ้มที่โหดเหี้ยมปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง
นางก็อยากรู้ว่าจะมีสักกี่คนที่อยากจะแย่งชิงระฆังวิญญาณสะบั้นที่อยู่ในมือของนาง หรือใครที่อยากจะฆ่านาง
หลังจากที่เซี่ยวอวี่เซวียนจากไปสักพัก กู้ชูหน่วนก็สวมชุดเรียบง่าย และไม่กลัวที่จะเดินออกไปจากสำนักศึกษา
ดึกมากแล้ว บนถนนในเมืองหลวงจึงมีผู้คนน้อยมาก เพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น และพวกเขาทั้งหมดก็เป็นเวรยามที่เคาะบอกเวลาตอนกลางคืน
กู้ชูหน่วนรู้ดีว่าคืนนี้ถูกกำหนดให้เป็นคืนที่ไม่ปกติธรรมดา ดังนั้นนางจึงทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะไปหาเซี่ยวอวี่เซวียน