หัวหน้าสำนักศึกษาล้มลงบนกองเลือด ดวงตาทั้งสองของเขาเบิกกว้างราวกับรู้ความลับสำคัญบางอย่าง เขานอนตายตาไม่หลับ เพราะถูกมีดแทงเข้าบนคอ
จากที่ดู หอเก็บสะสมตำราแล้วไม่มีร่องรอยการต่อสู้ใด ๆ หากเดาไม่ผิด คาดว่าเป็นฝีมือของผู้ที่ไว้วางใจหรือผู้ที่มิอาจระวังได้เลย
อาจารย์หรงตะโกน “เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ไม่มีคนเฝ้าเวรหอเก็บสะสมตำราเลยอย่างนั้นรึ? วิทยายุทธของหัวหน้าสำนักศึกษายอดเยี่ยมเพียงนั้น จะถูกแทงด้วยมีดง่าย ๆ เช่นนั้นได้อย่างไร”
คนใช้ที่เฝ้าหอเก็บสะสมตำราขาสั่นพร้อมกับกล่าวว่า “ทูล…ทูลอาจารย์หรงพ่ะย่ะค่ะ หลังจากที่หัวหน้าสำนักมาที่หอเก็บสะสมตำราแล้ว ท่านบอกยิ่งค่ำหมอกยิ่งหนา ให้พวกข้ามิต้องเฝ้าเวร ให้กลับไปพักผ่อนเสีย พวกข้า…พวกข้าเลยกลับไปพ่ะย่ะค่ะ”
“เลอะเลือนไปหมดแล้ว หัวหน้าสำนักให้พวกเจ้ากลับ พวกเจ้าก็กลับเลยงั้นหรือ? พวกเจ้าไม่รู้จักเฝ้าอยู่ห่าง ๆ อย่างนั้นรึ”
เห็นว่าอาจารย์หรงพิโรธ อาจารย์สวีก็กล่าวเสริม “จิตใจหัวหน้าสำนักนั้นดีงาม แต่ก่อนแต่ไรท่านก็มักสั่งให้คนใช้ที่เฝ้าเวรกลับไปพักผ่อนเสียก่อน ใครจะไปคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ได้ ท่านเองก็อย่าโทษพวกเขาเลย”
หลังจากที่ท่านอาจารย์ซั่งกวนนำศพของหัวหน้าสำนักศึกษาไปตรวจสอบก็ถามอย่างเคร่งขรึม
“เกิดอันใดขึ้นเมื่อครู่ บอกข้ามาให้หมด ห้ามเหลือแม้แต่นิดเดียว”
บอกว่าคืนนี้หัวหน้าสำนักเรียกมาพบที่หอเก็บสะสมตำรา พอช่วงค่ำหัวหน้าสำนักศึกษาก็มาถึงหอเก็บสะสมตำราและให้พวกข้ากลับไปพักผ่อนเสีย แต่เพราะเหตุการณ์ลอบสังหารคุณหนูสามตระกูลกู้ พวกข้าจึงมิกล้ากลับไปพ่ะย่ะค่ะ เพียงแค่จะนัดกันไปปลดทุกข์ที่กระท่อมเท่านั้น พอกลับมาก็ได้ยินเสียงทะเลาะดังออกมาจากหอเก็บสะสมตำราพ่ะย่ะค่ะ จากนั้น พวกข้าก็เห็นเยี่ยเฟิงหนีออกไปทางหน้าต่าง
“หลังจากนั้น หอเก็บสะสมตำราก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ พวกข้าเองก็มิรู้ว่าหัวหน้าสำนักกลับไปหรือยัง แต่ก็รวบรวมความกล้าเปิดประตูเข้าไป มิอาจคาดคิด…มิอาจคาดคิดว่าท่านหัวหน้าสำนักจะนอนอยู๋บนกองเลือด และถูกแทงเข้าที่คอด้วยมีดเช่นนั้น ฮือ ๆ…”
อาจารย์หรงเตะเขาล้มลงโดยตรง “ไปปลดทุกข์แค่นี้ พวกเจ้ายังต้องนัดกันด้วยอย่างนั้นรึ? เช่นนั้น พวกเจ้าจะนัดกันไปตายหรือไม่”
“อาจารย์หรง พวกข้าสำนึกผิดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
อาจารย์สวีห้ามอาจารย์หรงไว้ “ดูท่านสิ แก่ปานนี้แล้ว นิสัยใจคอยังคงโหดร้ายเช่นนี้”
“หัวหน้าสำนักศึกษาถูกฆ่า ข้าจะไม่โหดร้ายได้อย่างไรกัน?”
ซั่งกวนฉู่และกู้ชูหน่วนมาถึงข้างหน้าตาพร้อมกัน มองไปที่รอยเท้าตรงหน้าต่าง พบว่ามีเพียงรอยเท้ารอยเดียวเท่านั้น แสดงว่าคนคนนี้มีวิทยายุทธเก่งกาจมากทีเดียว
กู้ชูหน่วนไตร่ตรอง
เยี่ยเฟิงมีทักษะวิชาตัวเบาที่เก่งกาจเพียงนั้นเชียวหรือ?
หากมี แล้วในคืนนั้นเขาจะถูกแทงด้วยมีดเป็นจำนวนหลายแผลได้อย่างไรกัน?
ย้อนดูสีหน้าแววตาของหัวหน้าสำนักศึกษาแล้ว ดูอย่างไรก็เต็มไปด้วยความตกใจ
ก่อนที่เขาจะตายจะต้องพบเห็นหรือรู้อะไรบางอย่างเข้าเป็นแน่
อาจารย์ซั่งกวนถาม “พวกเจ้าไปกระท่อมเป็นเวลานานเท่าใด”
“เร็วมากพ่ะย่ะค่ะ มากสุดก็เพียงเวลาครึ่งถ้วยชาพ่ะย่ะค่ะ”
“เวลาครึ่งถ้วยชาอย่างนั้นรึ ต้องการสังหารหัวหน้าสำนักต่อหน้านั้นเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน นอกเสียจากจะเป็นการลอบโจมตีเท่านั้น”
“เยี่ยเฟิงล่ะ เยี่ยเฟิงอยู่ที่ใดกัน?”
“ตั้งแต่ที่เขาหนีออกจากหน้าต่างไปก็ไม่เห็นเขาอีกเลยพ่ะย่ะค่ะ” คนใช้ตอบอย่างตัวสั่น
นอกหอเก็บสะสมตำรา มีคนตะโกนว่า “เยี่ยเฟิงปรากฏตัวแล้ว เยี่ยเฟิงกลับมาแล้ว”
“เจ้าคนร้ายมือสังหาร เจ้าฆ่าหัวหน้าสำนักศึกษาไป เจ้ายังกล้ากลับมาอีกอย่างนั้นรึ?”
สำนักศึกษาวังหลวงที่เงียบงันนี้ คืนนี้จะไม่เงียบเหมือนเคยแน่นอน เพราะทุกคนต่างล้อมตัวเยี่ยเฟิงไว้ราวกับว่าจะกลืนกินเยี่ยเฟิงทั้งอย่างนั้นไปเสีย