กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ – บทที่ 160

บทที่ 160

กู้ชูหน่วนตกตะลึง “เขาจะสง่างามเกินไปแล้ว”

เซี่ยวอวี่เซวียนไม่สบอารมณ์ “แล้วข้าไม่งามหรืออย่างไร”

“งาม เจ้าก็งาม เพียงแต่ท่านอาจารย์ของข้าสง่างามกว่า”

“นี่ คุณหนู เจ้าคือพระชายาหานที่ได้รับการแต่งตั้งจากฝ่าบาท ถ้าท่านเทพแห่งสงครามรู้ว่าเจ้าต้องการชายอื่นจนน้ำลายไหลเช่นนี้ เจ้าไม่กลัวหัวจะหลุดจากบ่างั้นหรือ”

“หัวใจที่รักความงามล้วนมีอยู่ในตัวทุกคน”

“……”

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เซี่ยวอวี่เซวียนจึงไม่ชอบมากๆ เวลาที่นางชื่นชมชายอื่น เขารู้สึกขมๆ ในใจ อะไรก็ดูอุดตันอึดอัดไปหมด

“คารวะท่านอาจารย์…”

ทุกคนยืนขึ้นคำนับและเอ่ยเสียงดัง

กู้ชูหน่วนก็รีบลุกขึ้นและคำนับเช่นกัน ทว่านางเห็นองค์หญิงตังตังรีบร้อนเข้ามารวมกับนักเรียนคนอื่นโดยมีผ้าคลุมหน้าบางๆ คลุมไว้ แม้ว่าจะกำลังคำนับ แต่สองตาของนางกลับลอบมองซั่งกวนฉู่ตาไม่กะพริบ แทบอยากจะจับเขาบดขยี้เข้ามาในใจ

องค์หญิงผู้ดื้อรั้นคนนี้ถูกนางสั่งสอนไปเมื่อเช้า นางร้องห่มร้องไห้ไปกล่าวฟ้อง ตอนนี้ยังจะกลับมาอีกหรือ

นางชอบท่านอาจารย์ซั่งกวนมากขนาดไหนกัน

กู้ชูหน่วนกระตุกยิ้มมุมปาก นางมาคนเดียว นั่นพิสูจน์ให้เห็นว่าการคาดเดาของนางถูกต้อง ฝ่าบาททรงต้องรับมือกับเทพแห่งสงคราม และนางเป็นพระชายาแต่งตั้งของเทพแห่งสงคราม ซึ่งนั่นทำให้พระองค์ลงมือกับนางตอนนี้ไม่ได้ ดังนั้นคำทูลฟ้องขององค์หญิงตังตังจึงไร้ประโยชน์

“นั่งลงได้”

น้ำเสียงของซั่งกวนฉู่อบอุ่นน่าฟังราวกับเสียงของธรรมชาติ ฟังแล้วทำให้เหล่าองค์หญิงและสตรีทั้งหลายลุ่มหลง

กู้ชูหน่วนสังเกตเห็นว่ากู้ชูอวิ๋นมองซั่งกวนฉู่ด้วยสายตาแปลกๆ

หรือว่า…

นางก็ชอบซั่งกวนฉู่?

นางสายตาดีกว่ากู้ชูหลาน ไม่รู้ว่ากู้ชูหลานไปชอบอะไรเจ๋ออ๋อง

ถ้าดูตามรูปลักษณ์ทั่วไป เขาดูไม่เห็นจะได้เรื่อง ทั้งยังไร้ประโยชน์ อย่างดีสุดก็แค่มีรูปร่างดีเท่านั้น

“ขอบคุณท่านอาจารย์” ทุกคนนั่งลง

ซั่งกวนฉู่วางกู่ฉินสีหมึกลงบนโต๊ะ กวาดตามองทุกคนด้วยสายตาที่อ่อนโยน เขาหยุดมองกู้ชูหน่วนนิดหนึ่งจากนั้นจึงค่อยหันไปมองทางอื่น

“เมื่อวานข้าสอนพวกท่าน พวกท่านได้กลับไปฝึกหรือไม่”

“ฝึกเจ้าค่ะ” องค์หญิงตังตังตะโกนตอบเป็นคนแรกเพราะอยากอวดตนเมื่ออยู่ต่อหน้าซั่งกวนฉู่ จากนั้นแม่นางจากตระกูลขุนนางอีกหลายคนก็ทยอยพากันตอบ

“เช่นนั้นเชิญองค์หญิงเล่นเพลงก่อน”

องค์หญิงตังตังยินดีเป็นอย่างยิ่ง นางบังคับสีหน้าท่าทางของตนเองให้มั่นคง วางมือขาวนวลลงบนสายกู่ฉินอย่างแผ่วเบา จากนั้นเสียงดนตรีที่งดงามก็ดังขึ้น

กู้ชูหน่วนหาวไปหนึ่งทีและเริ่มง่วง

นางคิดว่าซั่งกวนฉู่จะดีดให้พวกนางฟัง แต่กลับปล่อยให้พวกนางเป็นคนดีด

องค์หญิงตังตังดีดกู่ฉินไพเราะพอใช้ได้ เพียงแต่ดนตรีค่อนข้างไร้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนไร้จิตวิญญาณ ยากที่จะดังเข้ามาถึงโสตประสาทของนาง

ดนตรีนั้นเป็นเหมือนการสะกดจิต กู้ชูหน่วนฟังอย่างสะลึมสะลือและผล็อยหลับไปอีกครั้ง

จนกระทั่งนางตกใจตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะถูกเซี่ยวอวี่เซวียนปลุก

“เลิกเรียนแล้วหรือ งั้นข้ากลับได้แล้วใช่หรือไม่”

“ฮ่าๆๆๆ”

นักเรียนทุกคนพากันหัวเราะครื้นเครง

เมื่อเช้าตอนวิชาเรียนของท่านอาจารย์สวีนางก็งีบหลับไปทีหนึ่งแล้ว ตอนบ่ายในวิชาของท่านอาจารย์ซั่งกวนนางก็ยังจะหลับอีก

อาจารย์ซั่งกวนไม่ค่อยได้สอนนัก การได้ฟังเขาบรรยายสักครั้งนับว่าโชคดีไปสามชาติ

นอกจากนั้นยัง…

ไม่มีสตรีคนใดบนโลกนี้ที่ต้านทานใบหน้าที่งดงามราวกับเทพเทวดาของท่านอาจารย์ซั่งกวนได้

นางก็เหลือเกิน คิดไม่ถึงว่าจะหลับไปจริงๆ

องค์หญิงตังตังกล่าวประชดว่า “ขี้เลื่อยอย่างไรก็เป็นขี้เลื่อย ปัญญามีเท่านี้ยังคิดจะมาเรียนที่สำนักศึกษาวังหลวงอีก”

แม้ว่าจะเป็นการตำหนิ แต่ความโกรธขององค์หญิงตังตังก็ลดลงไปมาก นั่นเพราะการที่กู้ชูหน่วนหลับลงได้ขณะฟังการบรรยายของท่านอาจารย์ซั่งกวน แสดงให้เห็นว่านางไม่ได้อยากได้ท่านอาจารย์ซั่งกวนจนน้ำลายไหล

กู้ชูหน่วนขยี้ตา

นางเกาะติดอยู่กับชายแปลกหน้าตลอดทั้งคืน พอกลับไปถึงเรือนก็ต้องรับมือกับญาติๆ ที่แสนดีนั่นอีก พอตอนเจ็ดโมงแปดโมงเข้าก็ถูกชิวเอ๋อร์ลากออกมา โดยพื้นฐานแล้วนางไม่ได้นอนเลย แบบนี้นางจะไม่ง่วงได้อย่างไร

อาจารย์ซั่งกวนยิ้มอย่างสุภาพงดงาม ใบหน้าฉาบไปด้วยรอยยิ้มจางๆ “คุณหนูสามน่าจะเชี่ยวชาญในสิ่งที่ข้าสอนหมดแล้ว คงจะดีกว่าถ้าให้คุณหนูสามดีดบรรเลงเพลงสักเพลง”

อะไรนะ…

ให้นางดีด?

มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า

ให้นางดีดอะไร

นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่เขาสอนเมื่อครู่นี้คืออะไร

กู้ชูหน่วนหันไปมองเซี่ยวอวี่เซวียนอย่างสับสน

เซี่ยวอวี่เซวียนหันหน้าหนีไม่ยอมสบตา

อย่ามายุ่งกับเขา

เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าท่านอาจารย์ซั่งกวนกำลังอธิบายเรื่องอะไร ถ้าอาจารย์ซั่งกวนขอให้เขาดีดเพลงเล่า เขาจะทำอย่างไร

“เชิญได้เลย คุณหนูสาม” อาจารย์ซั่งกวนชี้ไปที่กู่ฉินบนโต๊ะและทำท่าเชิญอย่างสุภาพ

กู้ชูหน่วนรู้สึกตึงไปทั้งหน้า

“ทะ… ท่านอาจารย์ ข้าจะดีดเพลงอะไรก็ได้ใช่หรือไม่”

“แน่นอน ดีดเพลงที่ท่านถนัดได้เลย”

“เอาละ ดีดก็ดีด ไม่ใช่ว่าไม่เคยดีดมาก่อนเสียหน่อย”

กู้ชูหน่วนนั่งลง นางวางมือทั้งสองข้างลงบนสายกู่ฉินราวกับกำลังงงว่านิ้วไหนควรวางตรงไหน

มีเสียงหัวเราะดังขึ้นที่ริมทะเลสาบอีกครั้ง

“ฮ่าๆๆ… นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะวางมืออย่างไร”

“นั่นนะสิ เจ้าดูสิ นางทำมือมั่วไปหมด”

กู้ชูหลานมองเรื่องตลกตรงหน้าอย่างเย็นชาและรู้สึกลำพองใจเป็นอย่างมาก

กู้ชูอวิ๋นมองดูเงียบๆ ราวกับเป็นคนนอก

สีหน้าของเจ๋ออ๋องไร้อารมณ์ความรู้สึก ราวกับว่ากู้ชูหน่วนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา

คนที่เหลือส่วนใหญ่ต่างพากันหัวเราะเยาะเย้ยรอดูเรื่องตลก

เซี่ยวอวี่เซวียนหันกลับไปมองอย่างแค้นๆ “หัวเราะอะไรกัน มีอะไรน่าขำ มีใครบ้างรึที่ไม่ได้เริ่มเรียนรู้จากศูนย์ ถ้าเก่งขนาดนั้นยังจะมาเรียนกู่ฉินทำไมอีก”

กู้ชูหน่วนอดยกนิ้วโป้งให้เขาไม่ได้

น้องเล็กคนนี้ก็ใช้ได้นี่นา

เซี่ยวอวี่เซวียนส่งสายตาเป็นกำลังใจให้นาง

อันที่จริงเขากลัวว่าท่านอาจารย์ซั่งกวนจะลงมีดใส่เขาเหมือนกัน แต่เขาไม่ชอบให้ใครมาดูหมิ่นแม่สาวอัปลักษณ์ผู้นี้

เซี่ยวอวี่เซวียนมีภูมิหลังที่แข็งแกร่ง บิดาของเขาเป็นผู้อาวุโสของทั้งสามราชวงศ์ ทั้งยังมีกองกำลังทหารอยู่ในมือ ดังนั้นหลายๆ คนในที่นี้จึงไม่กล้าต่อต้านเขา

กู้ชูหน่วนเลยหลับตาลงเสียเลย นิ้วของนางสะบัดไปเรื่อยและดีดไปมั่วๆ เสียงอันแสบแก้วหูที่ดังขึ้นมา ฟังดูราวกับเสียงของภูตผี ไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ ทั้งไม่น่าฟังทั้งน่าหนวกหู

ทุกคนหน้าถอดสีและอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นปิดหู

พวกเขาเคยฟังเพลงที่ไม่ไพเราะมาก่อน แต่ไม่เคยได้ยินเพลงไหนแย่เท่านี้

หากยังฟังต่อไปเกรงว่าพวกเขาอาจจะกระอักเลือดตายก็เป็นได้

แม้แต่เซี่ยวอวี่เซวียนก็ยังยกมือปิดหูและคลานออกไปให้ห่างจากนาง

องค์หญิงตังตังตวาดขึ้นมาว่า “พอได้แล้ว กู้ชูหน่วน นี่เจ้าจงใจหรืออย่างไร”

กู้ชูหน่วนตกใจกลัวและดูเหมือนลูกแกะที่ได้รับบาดเจ็บ ตอบอย่างน้อยใจว่า “องค์หญิง ข้าไม่เข้าใจว่าท่านพูดถึงอะไร ท่านอาจารย์ขอให้ข้าดีดเพลง ข้าก็ดีดเพลงที่ข้าถนัดที่สุด”

“ที่เจ้าดีดนั่นนับเป็นเพลงด้วยหรือ”

“เหตุใดจึงจะไม่ใช่เพลง แม้ว่าข้าจะดีดกู่ฉินไม่ดีเท่าพวกท่าน แต่ข้าก็ใส่ใจมาก ใช่หรือไม่ เสี่ยวเซวียนเซวียน”

เซี่ยวอวี่เซวียนจ้องมองกู้ชูหน่วนและปฏิเสธที่จะตอบคำถามของนาง

เขากลัวขายหน้า

ทุกคนมองกู้ชูหน่วนราวกับมองคนโง่เขลา

ก่อนหน้านี้มีคำล่ำลือกันว่าคุณหนูสามแห่งตระกูลกู้ ไม่ว่าจะเป็นกู่ฉิน หมากล้อม พู่กันจีน ภาพวาดจีน บทกวี ดนตรีล้วนทำได้ไม่ดี เป็นคนหัวขี้เลื่อยอันดับหนึ่งของรัฐเยี่ย เมื่อเช้าพวกเขาเจอเรื่องบทกวีสู่หลีมาแล้ว ดังนั้นจึงไม่ค่อยอยากจะเชื่อนัก แต่มาถึงตอนนี้ดูเหมือนพวกเขาจะประเมินคุณหนูสามแห่งตระกูลกู้สูงเกินไป

นางก็เป็นแค่พวกหัวขี้เลื่อยไร้ประโยชน์คนหนึ่ง แต่ก็ไม่รู้จริงๆ ว่านางไปได้บทกวีสู่หลีในสมัยโบราณมาจากที่ไหน

“ท่านอาจารย์ ท่านว่าข้าดีดไพเราะหรือไม่เจ้าคะ” ดวงตาน้อยๆ อันชาญฉลาดของกู้ชูหน่วนกะพริบปริบๆ

อาจารย์ซั่งกวนยิ้มอย่างสง่างามและพูดโอ่ว่า “คุณหนูสามบรรเลงได้ดีมาก เพลงที่ท่านเพิ่งดีดไปนั่น ให้ฝึกไปอีกห้าสิบครั้ง”

รอยยิ้มของกู้ชูหน่วนชะงักงัน

“หะ… ห้าสิบครั้ง? ทะ… ท่านอาจารย์ ท่านพูดเล่นใช่ไหมเจ้าคะ”

“คุณหนูสามขยันหมั่นเพียรในการเรียนรู้ ท่านดีดเพลงที่ข้าไม่เคยสอนได้อย่างคล่องมือ คู่ควรที่จะได้รับคำชมเชย เพลงของคุณหนูสามนั้นควรให้คนทั้งสำนักศึกษาได้ฟัง ทุกคนจะได้เรียนรู้อย่างเต็มที่เหมือนคุณหนูสาม

กู้ชูหน่วนกระตุกมุมปาก

นางขอคืนคำพูดก่อนหน้านี้

บุรุษผู้นี้ไม่ได้หล่อเหลาสง่างามเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังใจดำมากด้วย

ขยันหมั่นเพียรในการเรียนรู้อะไรกัน เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการลงโทษนาง

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท