กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ – บทที่ 175

บทที่ 175

จวนเจ๋ออ๋องโอ่อ่า ละลานตายิ่ง

เจ๋ออ๋องย้ายออกเป็นที่เรียบร้อย ทว่ายังคงมีข้ารับใช้อนาถาไร้ที่พักอาศัยหลงเหลืออยู่ กู้ชูหน่วนเมตตารับพวกเขาไว้ ทั้งยังเปลี่ยนชื่อจวนเจ๋ออ๋องเป็นเรือนอุสุม

ถือว่าเจ๋ออ๋องรักษาสัจจะ ไม่ได้นำสิ่งของมีค่าติดตัวไปด้วย กู้ชูหน่วนลงครัวแสดงฝีมือปลายจวักด้วยตัวเอง โดยทำข้าวต้มสมุนไพรให้เยี่ยเฟิงรับประทาน และให้ข้ารับใช้ทำอาหารที่แสนจะโอชะหนึ่งชุด จากนั้นทั้งสามคนก็ร่วมลิ้มรสอันแสนอร่อยด้วยกัน

อาหารเลิศรส สุราชั้นเยี่ยมล้วนไม่ใช่ประเด็นสำคัญ สิ่งสำคัญคือข้าวต้มสมุนไพรถ้วยนั้น

ฐานะทางบ้านของเซี่ยวอวี้เซวียนดี เขาแค่มองก็รู้ว่าข้าวต้มสมุนไพรถ้วยนี้ใช้วัตถุดิบอะไรในการปรุง

“แม่สาวอัปลักษณ์ ของข้าล่ะ”

“อาหารมากมายเพียงนี้ ยังไม่พอให้เจ้าอิ่มหรือ?” กู้ชูหน่วนจ้องเขม็งใส่เขา เตือนว่าอย่าได้พูดพร่ำเพรื่อ

“กิน กิน กิน กินให้เจ้าสิ้นเนื้อประดาตัวเลย”

“รีบ ๆ กินเถอะ” กู้ชูหน่วนกินไปพลาง เงยหน้ามองไปพลาง คะยั้นคะยอให้เยี่ยเฟิงกินด้วยกัน

เยี่ยเฟิงมองอาหารเต็มโต๊ะ ดวงตาที่แดงก่ำเปี่ยมไปด้วยคำถาม

“คิดกระไรอยู่ เจ้ากินได้เฉพาะข้าวต้มตรงหน้า อย่างอื่นเจ้าไม่มีสิทธิ์”

“ข้าไม่หิว”

เยี่ยเฟิงผลักข้าวต้มสมุนไพรไปด้านหน้า

ฐานะเขาต้อยต่ำ ไม่แสดงว่าดูไม่ออก

ตอนที่เขาปรนนิบัติพัดวีผู้นำกองธงกล้วยไม้ เขาก็เคยเห็นสมุนไพรล้ำค่านำมาทำเป็นข้าวต้ม

ข้าวต้มสมุนไพรนี้ หากมองผิวเผินจะรู้สึกธรรมดาทั่วไป ทว่าความจริงแล้วกลับมีกลิ่นปทุมและกลิ่นโอสถฟุ้งกระจายจาง ๆ ไว้

หากเขาทายไม่ผิด ในข้าวต้มต้องใส่บัวหิมะพันปีกับสมุนไพรหายากลงไปด้วยแน่

ข้าวต้มถ้วยนี้แพงกว่าผ้าไหมหลิวหยุนจิ่นเป็นไหน ๆ

“เจ้าอย่าได้ลืม ตอนนี้เจ้าเป็นข้ารับใช้ของข้า หากเจ้าหิวตาย ข้าจะไปเอาเงินที่ไหน”

“ข้ากินข้าวเหลือหรือน้ำแกงเหลือก็พอ แค่ก ๆ ๆ”

“ให้เจ้ากิน เจ้าก็กินสิ พูดไร้สาระอยู่ได้ หรือว่าเจ้ากลัวข้าวางยาพิษให้เจ้าตาย”

เซี่ยวอวี้เซวียนดันถ้วยไว้ตรงหน้าเขา ยิ้มเกลี้ยกล่อมว่า “แม่สาวอัปลักษณ์ให้เจ้ากิน เจ้าก็กินเสีย หากไม่พอ ข้าจะให้คนรับใช้ทำเพิ่มให้เจ้าหนึ่งชุด”

มุมปากเยี่ยเฟิงขยับ

เขาไม่กล้ากินข้าวต้มสมุนไพรถ้วยนี้จริง ๆ

ชีวิตของเขาไม่มีค่าเท่าข้าวต้มสมุนไพรหนึ่งคำเลย

“ปัง”

กู้ชูหน่วนวางตะเกียบแรง ๆ พร้อมกับชักสีหน้าขึ้นมา

“หากเจ้าไม่กิน ข้าจะบอกเรื่องเจ้าบาดเจ็บให้ท่านยายของเจ้า”

“เจ้า……”

“ความอดทนของข้ามีขีดจำกัดนะ”

เห็นท่าทีอันหนักแน่นของกู้ชูหน่วน ซึ่งไม่มีทีท่าเย้าแหย่ประการใด

เยี่ยเฟิงจึงได้แต่กินข้าวต้มสมุนไพรทีละคำ

รสชาติข้าวต้มสมุนไพรดีมาก ละลายในปาก เมื่อกลืนเข้าท้องก็รู้สึกไออุ่นไหลเข้าทั่วสรรพางค์กาย จากที่รู้สึกเจ็บบริเวณแผลก็ค่อย ๆ ทุเลาลง

เยี่ยเฟิงไม่รู้ว่าใส่อะไรในข้าวต้มบ้าง รู้เพียงว่าข้าวต้มถ้วยนี้ล้ำค่ากว่าที่เขาจินตนาการเสียอีก

เหตุใดนางต้องทำเช่นนี้ด้วย?

เพียงเพื่อทวงเงินหรือ?

หากทำไปเพราะต้องการมีที่ทวงเงิน เช่นนั้นนางก็ขาดทุนย่อยยับเลยแหละ

เห็นเขาเริ่มกินข้าวต้ม มุมปากกู้ชูหน่วนยกยิ้มขึ้นเลือนราง

หากไม่ใช่ได้เงินก้อนโตจากการแข่งขันวิชาการ หาไม่แล้ว นางจะไม่ใช้เงินก้อนโตทำข้าวต้มสมุนไพรถ้วยนี้หรอก

กู้ชูหน่วนกับเซี่ยวอวี่เซวียนต่างอ่านใจกันออก ไม่ได้คีบเนื้อให้เขาทาน

ร่างกายเยี่ยเฟิงถูกทารุณมานานแรมปี ทั้งยังทนหิวโหยเป็นประจำ กระเพาะของเขารับอาหารมัน ๆ ไม่ได้ จำต้องกินแต่ข้าวต้มสมุนไพรจืดชืด เพื่อฟื้นฟูร่างกายแล้ว

บุรุษสอง สตรีหนึ่ง ร่วมรับประทานอาหารเลิศรสใต้แสงจันทร์ แลดูสงบสุขยิ่ง

ทันใดนั้น ประตูบานใหญ่ของจวนอ๋องถูกพังออก คนกลุ่มใหญ่บุกเข้ามาในเวลาต่อมา จึงเป็นการทำลายบรรยากาศอันแสนสวยงามนี้ทิ้ง

กู้ชูหน่วนเงยหน้า เมื่อเห็นหน้าผู้มาเยือนแจ่มชัด นางก็อดกุมขมับด้วยความเจ็บปวดไม่ได้ กระทั่งผิวหนังยังรู้สึกด้านชาเลย

เยี่ยจิ่งหานอีกแล้ว

เขาเกิดปีจอหรือไร?

สะบัดทิ้งไม่ได้จริง ๆ

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท