Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1662 จากไป

ตอนที่ 1662 จากไป
พี่ภรรยา!
ได้ยินคำสรรพนามนี้ หลินสวินที่ลงมาเยือนจากฟ้า จากที่ตั้งใจจะหยุดก็อดไม่อยู่ หิ้วอ๋าวเจิ้นเทียนออกมาแล้วกระแทกหนักๆ ใส่พื้นอีกครั้งหนึ่ง
องค์ชายเจ็ดของเผ่าเจินหลงคนนี้ ถูกตีจนเงียบอย่างสิ้นเชิงแล้ว ร่างกายกระตุกราวกับเป็นลมชักอย่างไรอย่างนั้น
อิ๋นฮวนทนดูไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว พลันผินหน้า ในใจตำหนิอย่างมาก เจ้าหลินสวินจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนความจริงที่ในอนาคตอ๋าวเจิ้นเทียนจะเป็นพี่ภรรยาของเขาได้!
“พี่ใหญ่โหดขึ้นเรื่อยๆ แล้ว”
เจ้าคางคกถอนหายใจ
ไม่เจอกันแค่สามเดือนเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นพลังต่อสู้หรือบุคลิกของหลินสวินก็ล้วนปรากฏการเปลี่ยนแปลงรูปแบบใหม่ น่าตกใจเกินไปแล้ว
อาหลู่หัวเราะแฮะๆ เอ่ย “จากที่ข้าดู ผ่านบทเรียนครั้งนี้ หากอ๋าวเจิ้นเทียนสามารถแก้โรคที่ชอบคุยโวได้ก็ถือว่าดีมาก”
……
เวลาหนึ่งก้านธูปหลังจากนั้น
ทุกคนนั่งอยู่กับพื้น ใบหน้าบวมช้ำของอ๋าวเจิ้นเทียนคืนสู่สภาพเดิมแล้ว เพียงแต่ตอนที่สายตามองไปยังหลินสวินยังคงแฝงความคับแค้นใจ
รุนแรงเกินไปแล้ว!
เจ้าหมอนี่ไม่ไว้หน้าพี่ภรรยาเลยสักนิด ต่อไปตนจะเงยหน้าสู้คนได้อย่างไร
ทว่าเขากล้าเพียงแค่บ่นอุบอยู่ในใจ
อ๋าวเจิ้นเทียนตัดสินใจว่า ต่อไปต้องหลีกเลี่ยงการพบหน้า ‘น้องเขย’ คนนี้ของตนเท่าที่จะเป็นไปได้ เลี่ยงไม่ให้เวลาเขาอารมณ์ไม่ดีแล้วจะมาประลองกับตนอีก
“คุณชายหลิน ไม่รู้ว่าเจ้าพิจารณาว่าอย่างไรบ้าง”
อิ๋นฮวนพูด ประโยคเดียวทำให้ทุกคนต่างสีหน้าจริงจัง สายตามองไปทางหลินสวินโดยพร้อมเพรียง
ใครก็รู้ดีว่าการตัดสินใจของหลินสวิน ตัดสินการจะอยู่หรือไปของจ้าวจิ่งเซวียน!
แม้แต่อ๋าวเจิ้นเทียน ตอนนี้ยังอดตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้
หากหลินสวินไม่ตอบตกลง ด้วยพลังของเขาไม่มีทางพาจ้าวจิ่งเซวียนไปได้แน่
“จิ่งเซวียน เจ้าคิดว่าอย่างไร”
สายตาหลินสวินมองไปยังจ้าวจิ่งเซวียน
จ้าวจิ่งเซวียนยิ้มพูด “เจ้าตัดสินใจเถอะ ข้าฟังเจ้าทุกอย่าง”
หลินสวินเงียบไป
ครู่ใหญ่เขาจึงสูดหายใจลึกคราหนึ่ง ยิ้มเอ่ย “เช่นนั้นก็ไปเถอะ”
ตั้งแต่ตอนที่ได้รับจดหมายของจ้าวจิ่งเซวียนที่หอฤทธิ์เทพ เขาก็รู้แล้วว่าความจริงจ้าวจิ่งเซวียนหวั่นไหวกับงานชุมนุมเซียนหมื่นมังกรอย่างมาก
เพียงแต่นางใส่ใจท่าทีของตนมากกว่า จึงให้ตนตัดสินใจ
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ มีเหตุผลอะไรที่เขาจะปฏิเสธ
ยิ่งไปกว่านั้นเขาดูออกแล้วว่าอ๋าวเจิ้นเทียนแม้จะเย่อหยิ่งไปบ้าง แต่ก็หวังดีกับจ้าวจิ่งเซวียนจริงๆ
ไม่ว่าอย่างไรทั้งสองก็เป็นลูกพี่ลูกน้องที่สายเลือดใกล้ชิดกันที่สุด เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ
อ๋าวเจิ้นเทียนตาเป็นประกาย พูดอย่างตื่นเต้น “เช่นนี้ย่อมดีที่สุด! ในงานชุมนุมเซียนหมื่นมังกร จิ่งเซวียนจะต้องเฉิดฉาย และได้รับมหาศุภโชคที่เหนือความคาดหมายจำนวนไม่น้อยอย่างแน่นอน”
อิ๋นฮวนเองก็ถอนหายใจยาว ในดวงตาสาดประกาย นางถึงขั้นอิจฉาจ้าวจิ่งเซวียนไม่น้อยที่ได้เจอคู่บำเพ็ญที่เข้าอกเข้าใจและเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดเช่นนี้ เท่านี้ก็เพียงพอแล้วมิใช่หรือ
“เจ้า… ทนได้จริงๆ หรือ”
เห็นได้ชัดว่าจ้าวจิ่งเซวียนประหลาดใจมาก เบิกดวงตาคู่ใสงดงามราวกับต่อว่า แต่ก็เหมือนดีใจ
หลินสวินยิ้ม “ขอเพียงแค่เจ้าอยากทำก็ไปทำเถอะ แม้ข้าจะไม่จำยอม แต่ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าจะได้ไปทำสิ่งที่อยากทำ เจ้าไม่ใช่เคยพูดไว้หรือว่า หากสองใจรักกันยืนยาว เหตุใดต้องกังวลว่าจะต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลาด้วย”
เจ้าคางคกถอนหายใจ “กลิ่นเหม็นเปรี้ยวลอยคลุ้งเต็มอากาศ ข้ารับไม่ได้แล้ว”
ว่าแล้วเขาก็ลุกขึ้นจากไป
อาหลู่สีหน้าสะเทือนใจเต็มประดา “พี่ใหญ่เจ้าดู เจ้าคางคกหึงแล้ว ข้าเห็นคางคกนี่ผิดปกติมานานแล้ว ไม่เคยชอบผู้หญิง ที่แท้ก็เพราะเขาทุ่มเทกายใจให้พี่ใหญ่ทั้งหมด…”
ไม่รอพูดจบทั่วกายหลินสวินก็แผ่ไอดุร้ายออกมา พูดอย่างไม่อภิรมย์ “อย่ามาทำข้าขนลุก! เจ้าก็รีบไสหัวไป!”
อาหลู่รีบออกไปแทบไม่ทัน ไปปลอบประโลมเจ้าคางคก อย่างเช่นพูดประมาณว่า “ชอบผู้ชายไม่ผิด แต่ผิดที่ตนไม่คว้าเอาไว้’”
ทว่าสามารถคาดการณ์ได้ว่า ด้วยอุปนิสัยของเจ้าคางคกจะต้องตอบโต้เขาทันทีแน่!
ตามคาด เสียงร้องด้วยความขึ้งโกรธของเจ้าคางคกก็ดังขึ้นห่างออกไป “เจ้าคนเถื่อนอย่างเจ้านี่ ตอนนี้แม่งวิปริตถึงขนาดนี้แล้วหรือ เจ้าต่างหากที่เป็นชายบำเรอ! เจ้าต่างหากที่ชอบผู้ชาย!”
อ๋าวเจิ้นเทียนหัวเราะลั่นออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่ “น่าสนใจ เจ้าสองคนนั้นถูกใจข้ามาก หากพวกเขากลับทางเดินโบราณฟ้าดาราด้วยกัน ข้าจะเชิญพวกเจ้าไปเป็นแขกที่เผ่าเจินหลงแน่!”
อิ๋นฮวนพูดอย่างเย็นเยียบ “เจ้าก็ชอบผู้ชายหรือ”
อ๋าวเจิ้นเทียนขนลุกไปทั้งตัว “เช่นนั้น… ช่างเถอะ… ข้าไม่มีวาสนาจะได้เสพสุข”
หลินสวินและจ้าวจิ่งเซวียนอดยิ้มไม่ได้
หลังจากตัดสินใจแล้ว คืนนั้นทุกคนรวมตัวกัน ดื่มเหล้าพูดคุยอย่างเริงร่ามีความสุข
อ๋าวเจิ้นเทียนและอิ๋นฮวนเล่าเรื่องบนทางเดินโบราณฟ้าดาราหลายเรื่อง ทำให้หลินสวินอดคาดหวังไม่ได้
อย่างเช่นบนทางเดินโบราณฟ้าดารามีสิบเผ่านักรบใหญ่ ทุกเผ่าล้วนมีประวัติศาสตร์การต่อสู้ที่รุ่งเรืองอย่างที่สุด รากฐานพลังเก่าแก่และยาวนาน
มีหกเรือนมรรคใหญ่ที่ครองอิทธิพลในอาณาเขตมากมาย!
มีขุมอำนาจ ‘ดินแดนพันธมิตรสงคราม’ ที่ซับซ้อน แต่ละพันธมิตรสงครามล้วนมีระดับจักรพรรดิมากมายรวมตัว อิทธิพลดูถูกไม่ได้
อย่างเช่นพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณ รวมตัวโดยผู้ยิ่งใหญ่ระดับจักรพรรดิที่มาจากดินแดนรกร้างโบราณ
หรืออย่างพันธมิตรสงครามที่รวมตัวจากอีกแปดดินแดนเป็นต้น
สำหรับเรื่องนี้หลินสวินเคยได้ยินชายหนุ่มจักจั่นทองพูดถึง ตอนที่บุคคลระดับจักรพรรดิทุกคนเข้าร่วมพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณ สามารถพากึ่งจักรพรรดิสามถึงห้าคนติดตามไปด้วยได้
แม้จะบอกว่าติดตาม ความเป็นจริงหากสามารถเข้าร่วมพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณได้ ติดตามฝึกปราณอยู่ข้างกายบุคคลระดับจักรพรรดิ โอกาสที่จะข้ามด่านเคราะห์บรรลุระดับจักรพรรดิในอนาคตก็ง่ายขึ้นมาก
นอกจากสิ่งเหล่านี้ บนทางเดินโบราณฟ้าดารายังมีอาณาเขตฟ้าดารา โลกหลากหลาย แผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลอีกนับไม่ถ้วน…
ค่ำคืนนี้หลินสวินดื่มไปเยอะมาก
เขารู้ว่าจิ่งเซวียนกำลังจะจากไปแล้ว หลังจากนี้อาจจะไม่มีโอกาสได้พบกันอีกเป็นเวลานาน
ณ ตอนนี้ แม้หลินสวินจะใจกล้างแค่ไหน ในใจก็ไม่วายจะอาลัยอาวรณ์
จ้าวจิ่งเซวียนอยู่เคียงข้างหลินสวินเงียบๆ ดื่มกับเขาเงียบๆ ความจริงในใจก็หลากอารมณ์ ทรมานใจยิ่งนัก
“จริงสิ เจ้าไปงานชุมนุมเซียนหมื่นมังกรครั้งนี้ จะมีโอกาสเข้าไปในแหล่งสถานคุนหลุนหรือไม่”
จู่ๆ หลินสวินก็ถามขึ้น
จ้าวจิ่งเซวียนชะงัก หลังกลับจากสมรภูมิเก้าดินแดน หลินสวินก็ได้เตรียมป้ายคำสั่งเซียนเหินให้นาง เจ้าคางคก อาหลู่ เสี่ยวอิ๋นและเสี่ยวเทียนคนละอันแล้ว เท่ากับว่ามีสิทธิ์เข้าสู่แหล่งสถานคุนหลุนแล้ว
“เจ้าจะไปแหล่งสถานคุนหลุนหรือ นั่นเป็นถึงหนึ่งในจตุโบราณสถานบรรพกาลเชียวนะ บนทางเดินโบราณฟ้าดารา แม้เป็นผู้สืบทอดขุมนาจชั้นยอดเหล่านั้น คนที่สามารถครอบครองสิทธิ์ไปเยือนแหล่งสถานคุนหลุนก็น้อยมาก”
อ๋าวเจิ้นเทียนพูดอย่างประหลาดใจ “เท่าที่ข้ารู้ อย่างน้อยต้องมีพลังระดับมกุฎมหาอริยะ จึงจะมีรากฐานพลังแสวงหาวาสนาภายในนั้น แต่สุดท้ายคนที่สามารถเดินออกจากแหล่งสถานคุนหลุนกลับไม่ถึงหนึ่งในสิบ”
อิ๋นฮวนเองก็พูดขึ้น “ตอนที่มาเยือนดินแดนรกร้างโบราณ ข้าก็เคยได้ยินว่าเส้นทางโบราณนภสินธุ์ที่มุ่งหน้าไปยังแหล่งสถานคุนหลุนกำลังจะปรากฏอีกครั้งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า บุคคลพลิกฟ้าที่อยู่ในกระดานมหาอริยะฟ้าดารามากมายต่างเตรียมความพร้อมเพื่อการนี้”
พูดถึงตรงนี้นางมองหลินสวินแล้วเตือนด้วยความหวังดี “พี่หลิน ด้วยพลังปราณและระดับของเจ้าในตอนนี้ อาจจะสามารถเบียดตัวบนกระดานอริยะแท้ฟ้าดาราได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้าไปยังแหล่งสถานคุนหลุน คงสู้พวกร้ายกาจที่ถูกจัดอันดับบนกระดานมหาอริยะฟ้าดาราไม่ได้”
กระดานอริยะแท้ฟ้าดารา กระดานมหาอริยะฟ้าดารา ต่างกันคำเดียว ความหมายที่สื่อกลับต่างกันราวฟ้ากับเหว ไม่ได้ระดับเดียวกันอย่างสิ้นเชิง
อย่างอ๋าวเจิ้นเทียน เป็นถึงมกุฎอริยะแท้ที่สร้างวิชาแห่งตนออกมาแล้ว ทว่าจนตอนนี้ก็ยังไม่สามารถเบียดตัวบนกระดานอริยะแท้ฟ้าดาราได้
จากเรื่องนี้แค่คิดก็รู้ว่าการจัดอันดับของกระดานอริยะแท้ฟ้าดาราเข้มงวดและวิปริตเพียงใด และคนที่สามารถอยู่บนนั้นได้ ล้วนต้องเป็นบุคคลพลิกฟ้าที่โดดเด่นยิ่งยวด!
ทว่าเมื่อเทียบกันแล้ว บุคคลบน ‘กระดานมหาอริยะฟ้าดารา’ ย่อมน่ากลัวและแข็งแกร่งกว่า!
หลินสวินขมวดคิ้ว จากนั้นจึงกลับสู่ความสงบ
กว่าเขาจะคว้าโอกาสเข้าสู่แหล่งสถานคุนหลุนได้ไม่ง่ายเลย ย่อมไม่มีทางตกใจกับคำพูดไม่กี่คำจนถอยหนี
อีกทั้งระยะห่างจากระดับมกุฎมหาอริยะของเขาก็ขาดแค่จุดเปลี่ยนที่เพื่อการบรรลุเท่านั้น ย่อมไม่กลัวที่จะไปแข่งกับคนอื่น
“แหล่งสถานคุนหลุนถูกพวกเราเผ่าเจินหลงมองว่าเป็น ‘สุสานมังกร’ เป็นสถานที่อันตราย โดยเฉพาะลูกหลานของเผ่าเจินหลง หากเข้าไปจะประสบเคราะห์น่ากลัวเหนือจินตนาการ”
อ๋าวเจิ้นเทียนสูดหายใจลึกคราหนึ่งก่อนจะพูดเสียงขรึมว่า “เพราะฉะนั้นตั้งแต่อดีตกาลบรรพบุรุษของเผ่าเราก็ได้ตั้งกฎไว้ว่า ลูกหลานเผ่าเจินหลงห้ามเข้าไปในคุนหลุน!”
หลินสวินเลิกคิ้ว มองเจ้าหมอนั่นอย่างประหลาดใจแวบหนึ่ง
อ๋าวเจิ้นเทียนพูดอย่างเดือดดาลทันที “เจ้าคิดว่าข้าโกหก กังวลว่าญาติผู้น้องจะไม่ไปกับข้า แล้วไปแหล่งสถานคุนหลุนกับเจ้าหรือ นั่นเป็นการใช้ความคิดเห็นที่เลวมาคาดเดาคนที่มีคุณธรรมสูงส่งเช่นข้าแล้ว!”
“จะบอกเจ้าให้ เมื่อนานมาแล้วพี่สามของข้าเคยแอบคนในเผ่าเข้าไปยังแหล่งสถานคุนหลุนโดยพลการ ผลลัพธ์คือผ่านไปสามหมื่นแปดพันปีแล้ว จนตอนนี้พี่สามก็ยังไม่ออกมาจากแหล่งสถานคุนหลุน!”
องค์ชายสามแห่งเผ่าเจินหลง อ๋าวเย่
อิ๋นฮวนสลดใจ เมื่อนานมาแล้วองค์ชายสามอ๋าวเย่คนนี้ เป็นถึงมกุฎมหาอริยะที่อยู่ในอันดับสามของกระดานมหาอริยะฟ้าดาราเชียว!
จนตอนนี้บนทางเดินโบราณฟ้าดารายังมีคนเฒ่าไม่น้อยเสียดาย ว่าหากองค์ชายสามอ๋าวเย่รอดออกจากแหล่งสถานคุนหลุน ตอนนี้อย่างน้อยก็คงจะเป็นบุคคลที่อยู่ระดับกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง มีความหวังบรรลุจักรพรรดิ
หลินสวินสีหน้าซับซ้อน ครู่หนึ่งจึงถอนหายใจ “จิ่งเซวียน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้เจ้าไปเผ่าเจินหลงกับเจ้าหมอนี่ดีกว่า”
จ้าวจิ่งเซวียนขานรับว่าอืม
นางรู้ดีว่าหลินสวินพิจารณาถึงความปลอดภัยของตนทั้งสิ้น
อ๋าวเจิ้นเทียนไม่พอใจแล้ว “เจ้านี่ เรียก ‘เจ้าหมอนี่’ อะไรกัน เรียกข้าว่าพี่ภรรยาสักคำจะตายหรือ”
หลินสวินเหลือบมองอ๋าวเจิ้นเทียนแวบหนึ่ง อีกฝ่ายสีหน้าอึมครึมไม่สงบ สุดท้ายก็พ่ายแพ้ ไม่กล้าแสดงความไม่พอใจอีก
นี่คือ ‘ความน่าเกรงขาม’ ที่หลินสวินสร้างขึ้นหลังจากซัดพี่ภรรยาคนนี้จนร่วง เบื้องต้นผลลัพธ์ดูเหมือนจะไม่เลวเลย
……
หนึ่งวันหลังจากนั้น
พวกอ๋าวเจิ้นเทียนและอิ๋นฮวนจะจากไปวันนี้แล้ว
แน่นอนว่าจ้าวจิ่งเซวียนก็จะไปกับพวกเขาด้วย
“น้องชายทั้งสอง พวกเจ้าไม่คิดจะไปกับข้าจริงหรือ นั่นคือทางเดินโบราณฟ้าดาราเชียวนะ เป็น ‘โลกชั้นบน’ ที่ผู้ฝึกปราณทั่วหล้าต่างวาดฝัน หากพลาดโอกาสครั้งนี้ไป ต่อไปหากพวกเราอยากพบหน้ากันก็ยากแล้ว”
ก่อนไปอ๋าวเจิ้นเทียนเชิญชวนเจ้าคางคกและอาหลู่ไปด้วยกันจากใจจริง สุดท้ายกลับถูกพวกเจ้าคางคกปฏิเสธอย่างไม่ลังเล
นี่ทำให้อ๋าวเจิ้นเทียนถอนหายใจอย่างเสียดาย
และตอนนี้หลินสวินที่เงียบมาโดยตลอด จู่ๆ ก็เคลื่อนสายตาไปมองอ๋าวเจิ้นเทียนแล้วพูดอย่างจริงจัง
“ไปเยือนเผ่าเจินหลงครั้งนี้ หากเกิดอะไรขึ้นกับจิ่งเซวียนแม้แต่น้อย ข้าหลินสวิน… ไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”
——
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท