ฝูกวงทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง เขาวางเยี่ยเฟิงลงจากหลังและประคองกู้ชูหน่วนให้นั่งลง “แผลของนายท่านเปิดแล้ว ข้าน้อยจะช่วยพันแผลให้ใหม่นะขอรับ”
“เอาสิ” กู้ชูหน่วนโยนขวดยาห้ามเลือดขวดสุดท้ายให้ฝูกวง
ฝูกวงคุกเข่าลงทำแผล ทุกการเคลื่อนไหวของเขาอ่อนโยนราวกับกำลังถือสมบัติล้ำค่าหายากเอาไว้ กลัวว่าถ้าลงแรงหนักเกินไปเพียงนิดจะทำให้นางบาดเจ็บได้
เลือดซึมออกมาจากผ้าพันแผล ฝูกวงพยายามแกะออกอยู่นานแต่แกะไม่ได้เพราะกลัวว่านางจะเจ็บ
กู้ชูหน่วนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “พ่อหนุ่มหล่อ นี่เจ้ากำลังจั๊กจี้ข้าอยู่งั้นเหรอ”
กู้ชูหน่วนดึงผ้าพันแผลออกขณะที่พูด ทันใดนั้นเลือดก็ทะลักออกมาทันที ทว่านางเพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ถ้าไม่ใช่เพราะเหงื่อเย็นๆ ที่ไหลอาบหน้าของนาง คนคงเข้าใจผิดแล้วว่าบาดแผลนั้นไม่ได้เจ็บอะไรเลย
ยิ่งนางอดทนมากเท่าไหร่ ฝูกวงก็ยิ่งทุกข์ใจมากขึ้นเท่านั้น มากจนน้ำตาแวววาวเอ่อคลอที่ขอบตา
“ร้องไห้ทำไมกัน กลัวว่าจะออกไปไม่ได้งั้นหรือ”
บรรยากาศซึมเซาขึ้นเล็กน้อย กู้ชูหน่วนก้มหน้าลง ภายใต้แสงสลัวนั้น นางเห็นฝูกวงคอยเช็ดน้ำตาเป็นครั้งคราว
เมื่อมองดูอีกทีจึงนึกได้ว่าเขาน่าจะอายุเพียงสิบเจ็ดปีเท่านั้น
ในยุคปัจจุบัน อายุสิบเจ็ดปียังเป็นเด็กนักเรียนอยู่เลย ถ้าจะกลัวบ้าง… ก็ถือว่าปกติไม่ใช่เหรอ
“ไม่ต้องกลัว ข้าจะพาเจ้าออกไปอย่างปลอดภัยให้ได้”
“ข้าน้อยมิได้กลัว ได้ติดตามนายท่าน ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟข้าน้อยก็ไม่กลัว ข้าน้อยเกลียดที่ตัวเองไร้ความสามารถและปกป้องนายท่านไม่ได้ ทำให้นายท่านต้องหลั่งเลือดมากมายเช่นนี้”
กู้ชูหน่วนรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ ขณะที่กำลังจะลูบศีรษะของเขา ฝูกวงกลับเงยหน้าขึ้นมาอย่างกะทันหันพร้อมกับเสียงสะอื้นไห้ ดวงตาที่ใสสะอาดคู่นั้นราวกับมีเรื่องราวมากมายซุกซ่อนเอาไว้
“ข้าน้อย… ข้าน้อยเคยมีผู้เป็นนายอยู่คนหนึ่ง ตอนที่ข้าน้อยอยู่ในช่วงแห่งความเป็นความตาย นายท่านก็บอกข้าน้อยว่าอย่ากลัว นางจะพาข้าน้อยออกไปอย่างปลอดภัย”
เมื่อได้ยินดังนั้น หัวใจของกู้ชูหน่วนก็สั่นสะท้าน นางรู้สึกเหมือนคว้าอะไรบางอย่างไว้ได้แต่ก็ดูเหมือนจะคว้าอะไรไม่ได้เลย
“อดีตนายของเจ้างั้นหรือ”
“ขอรับ นางเป็นคนที่ดีมากๆ คนหนึ่ง เป็นคนที่ปฏิบัติต่อลูกน้องทุกคนเหมือนเป็นพี่น้องกันจริงๆ ทว่านางมีชีวิตที่เหน็ดเหนื่อยเพราะภาระของนางหนักเกินไป ชีวิตความเป็นความตายของผู้คนหลายแสนถูกกดลงมาบนไหล่ของนางเพียงคนเดียว พวกเราอยากจะแบ่งเบาภาระของนาง แต่สุดท้ายกลับทำอะไรไม่ได้เลย”
“นางยอมเสี่ยงชีวิตนับครั้งไม่ถ้วนเพื่อครอบครัวของนาง ขณะที่อยู่ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย นางรู้ดีว่ามีความหวังเพียงน้อยนิด แต่นางก็ไม่เคยยอมแพ้ แม้ว่าพวกเราจะบอกให้นางยอมแพ้นางก็ไม่ทำ ทุกครั้งที่นางสร้างบาดแผลให้กับตัวเอง นางทำให้ทุกคนทุกข์ใจ ทุกข์ใจมากๆ…”
ฝูกวงมองกู้ชูหน่วนด้วยแววตาที่เจิดจ้าราวกับมีถ้อยคำนับหมื่นอยู่ในนั้น แล้วน้ำตาก็ค่อยๆ ไหลออกมาจากนัยน์ตาที่แจ่มใสราวกับหินสีนิลอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าทำไมกู้ชูหน่วนจึงรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจขึ้นมา ราวกับเคยเห็นภาพเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนอย่างไรอย่างนั้น
“แล้วต่อมาเป็นอย่างไร อดีตนายของเจ้าหายไปไหน”
ฝูกวงส่ายหน้าอย่างหงอยเหงาเล็กน้อย “ไม่รู้… หลังจากไปที่หุบเขาโลหิตทมิฬนางก็ไม่กลับมาอีกเลย ไม่มีใครรู้ว่านางพบเจอกับอะไรบ้าง ตอนนั้นข้าอยากจะตามไปด้วย แต่นางฝังเข็มสกัดจุดข้าและออกเดินทางคนเดียว ข้ารู้ว่านางกลัวว่าข้าจะเป็นอันตราย ดังนั้นจึงปฏิเสธผู้อารักขาทั้งหมดไม่ให้ตามไป”
“หุบเขาโลหิตทมิฬ? มันคือที่ไหนรึ”
“เป็นสถานที่ที่อันตรายมาก”
“แล้วนางไปทำอะไรที่นั่น”
ดูเหมือนฝูกวงจะไม่อยากพูดอะไรไปมากกว่านี้ เขาเพียงแค่เงยหน้ามองนางด้วยรอยยิ้มที่ทั้งสดใสและเจ็บปวด “ข้าน้อยเชื่อว่านายท่านจะต้องกลับมาในไม่ช้า”
กู้ชูหน่วนลูบคาง
เขาพูดราวกับว่านางเป็นอดีตผู้เป็นนายของเขาอย่างไรอย่างนั้น
ถ้านางเคยเป็นนายของเขาและมีและมีวรยุทธ์ที่แก่กล้าเช่นนี้ เหตุใดนางจึงถูกคนในจวนอัครเสนาบดีข่มเหงรังแกอยู่ตั้งหลายปี
ยิ่งไปกว่านั้น นางไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับพวกเขาเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย