กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ – บทที่ 256

บทที่ 256

“แล้วครอบครัวเจ้ายังมีใครอีก?”

“ข้าเป็นเด็กกำพร้าขอรับ ไร้บิดามารดาแต่เด็ก”

ได้ยินคำว่าเด็กกำพร้า หัวใจอัครมเหสีฉู่คล้ายกับถูกบีบ

“เด็กที่น่าสงสาร แล้วเจ้าเติบโตได้เยี่ยงใด?”

“ข้ามีวาสนาดีได้เจอคนจิตใจงามหลายคน พวกเขาชุบเลี้ยงข้าจนเติบใหญ่ขอรับ ข้ายังมีท่านยายอีกหนึ่งคน ถึงแม้ท่านจะตาบอด แต่ก็เอ็นดูข้าเหมือนหลานแท้ ๆ เลยขอรับ”

เยี่ยเฟิงคลี่ยิ้ม ซึ่งรอยยิ้มระคนคราบน้ำตาไว้นิด ๆ ชวนให้ยิ่งสงสารมากขึ้น

ถ้าวาสนาดี ไหนเลยจึงมีแต่รอยแผลมากมายปานนั้น รอยแผลที่แขนเขามีทั้งเก่าและใหม่ ซึ่งไม่รู้ว่ารอยแผลเก่าจึงเกิดขึ้นปีไหน

เด็กคนนี้……

ต้องลำบากยากเข็ญตั้งแต่วัยเยาว์แน่แท้

“ข้าก็มีบุตรชายหนึ่งคน แต่เสียดาย วันที่คลอดก็ถูกคนอื่นแย่งชิงไปเสียแล้ว ข้า……ข้ายังไม่ทันอุ้มเขาแม้แต่ครั้งเดียว หากเขายังมีชีวิตอยู่ก็น่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้าแหละ” อัครมเหสีฉู่ปาดน้ำตาออก

เยี่ยเฟิงกำหมัดโดยที่ไม่ให้อัครมเหสีฉู่เห็น เขาพยายามข่มอารมณ์ให้สงบ ทว่าฟันก็ยังคงสั่นเทาอยู่ดี

“เหตุใด……เหตุใดจึงถูกแย่งชิง?”

“ไม่รู้”

นี่คือความเจ็บปวดทั้งชีวิตของพระนาง

พระองค์ไม่รู้ว่าคนที่ชิงตัวลูกมีวัตถุประสงค์เพื่ออำนาจของจักรพรรดิ หรือเพื่อแก้แค้นพวกนาง

ถ้าหากแก้แค้นพวกพระองค์ เวลาสิบแปดปีก็น่าจะเพียงพอแล้ว

แต่ถ้าเพื่ออำนาจจักรพรรดิ ของเพียงเขามีฝีมือประคองรัฐฉู่ ขอเพียงคืนบุตรชายให้แก่พระองค์ พวกพระองค์ก็จะพิจารณาเรื่องสละบัลลังก์

แต่ก็ไม่มีเลย…….

ผู้ที่แย่งหลินเอ๋อร์ของพระองค์ สิบแปดปีมานี้ไม่เคยโผล่หน้าให้เห็น ยิ่งไม่เคยเรียกร้องอันใด

“หากบุตรชายของท่านรู้ว่าท่านคิดถึงเขามาก เขาคงปลื้มใจมากขอรับ”

“จริงหรือ?”

“จริงขอรับ ถึงแม้ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดจึงกลายเป็นเด็กกำพร้า แต่ข้ามั่นใจว่า ท่านพ่อท่านแม่ของข้าต้องมีความจำเป็นถึงได้ทอดทิ้งข้า พวกท่านอาจจะตามหาข้าอยู่ก็ได้ขอรับ”

“เจ้าช่างเป็นเด็กดีเหลือเกิน หากเจ้าเป็นบุตรของข้าจะดีมากเลย”

เยี่ยเฟิงก้มหน้า ไม่กล้าให้นางสังเกตเห็นสีหน้า

สวรรค์รู้ว่าเขาอยากเรียกนางว่าท่านแม่เพียงใด

ทว่าเขาทำไม่ได้

อดีตอันโสมมของเขา ไม่คู่ควรกับผู้สูงศักดิ์อย่างอัครมเหสีแห่งรัฐฉู่

“เจ้ารู้ไหม ก่อนที่จะได้ยินเจ้าพูดเช่นนี้ ข้าคิดมาโดยตลอดว่า หลินเอ๋อร์ของข้าต้องไม่ให้อภัยพวกข้าแน่ เขาต้องคิดว่าพวกข้าจงใจทอดทิ้งเขา ไม่เอาเขาแล้ว และ……ไม่ยอมรับพวกข้าเป็นบิดามารดาด้วย”

“ฮูหยินคิดมากไปแล้ว ผู้ให้กำเนิดทั่วใต้หล้าล้วนรักบุตรในอุทรของตนกันทั้งนั้น หากไม่มีความจำเป็นก็ไม่มีใครอยากทอดทิ้งบุตรของตนหรอก บุตรของท่านย่อมเข้าใจท่านแน่ บางครั้งเขาก็อาจตามหาพวกท่านอยู่ก็เป็นได้ และเขาอาจจะอธิษฐานให้พวกท่านมีความสุขเจริญรุ่งเรืองก็ได้”

ตรงที่ไม่ไกลออกไป

กู้ชูหน่วนมองภาพนี้อย่างใช้ความคิด

นางลูบคางอย่างเคยชิน

สตรีผู้นี้ตกลงเป็นผู้ใดกันน่ะ?

ปกติเยี่ยเฟิงเป็นคนเงียบ ไม่ชอบพูดจา ไม่ชอบเข้าใกล้คนแปลกหน้า แล้วเหตุใดจึงทำอาหารให้นางกิน ทั้งยังสมัครใจคุยสัพเพเหระกับนางมากมายอีก?

หรือว่า……

สตรีผู้นี้คือมารดาผู้ให้กำเนิดเยี่ยเฟิง?

กู้ชูหน่วนยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเป็นไปได้

“ฝูกวง เจ้าไปสืบดูว่าสตรีผู้นี้เป็นใคร”

“นายท่าน นางคือพระมเหสีของรัฐฉู่ จักรพรรดิฉู่มีนางเพียงคนเดียว และรักนางมากด้วย พวกเขามีบุตรชายด้วยกันหนึ่งคน แต่พึ่งคลอดออกมาก็ถูกคนแย่งชิงไปเสียแล้ว บัดนี้ยังไม่รู้ว่าบุตรชายจะเป็นตายร้ายดียังไง”

“องค์ชายแห่งรัฐฉู่ถูกแย่งชิงไป อัครมเหสีฉู่ก็วิปลาส แต่ต่อมามีราชครูรักษาอาการจนหายดี จากนั้นนางก็ไปบำเพ็ญศีลภาวนาในวัดไป๋อวิ๋นสิบปี เพราะคิดถึงบุตรเกินเหตุ นางถึงขั้นล้มป่วยเจียมตายหลายครั้ง จักรพรรดิฉู่มีงานรัดตัว ไม่อาจอยู่เป็นเพื่อนตลอด จึงใช้อำนาจบีบบังคับให้อัครมเหสีฉู่กลับรัฐฉู่”

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท