กู้ชูหน่วนพยักหน้า “งั้นก็ไปพักที่วัดไป๋อวิ๋นสักครู่หนึ่งก่อน”
กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าจะปลอบเยี่ยเฟิงอย่างไร
เรื่องเช่นนี้เขาเท่านั้นที่จะต้องเข้าใจด้วยตนเอง
นางก็ไม่ได้ตั้งใจเห็นฉากนั้นซึ่งช่างบังเอิญนัก
แม้ว่าเยี่ยเฟิงจะไม่พูดเลยสักคำแต่นางสามารถรู้สึกได้
เขาถือว่านางเป็นสหายและเนื่องจากเห็นว่าเป็นสหายดังนั้นก็ยิ่งไม่ต้องการให้นางเห็นฉากที่น่าอายที่สุดของเขา”
“ร่างกายของเจ้าไหวหรือไม่? หากไม่ไหวพวกเราก็พักผ่อนอยู่ที่นี่กันก่อนสักครู่”
“ไหว ไปกันเถอะ เพื่อมิให้กองทัพไล่ล่าตามมา”
เยี่ยเฟิงก้าวไปด้านหน้าทีละก้าวๆก่อน ใบหน้าราบเรียบไร้ซึ่งการแสดงออกมากนัก
ฝูกวงอธิบายว่า “วันนั้นที่ป่าไผ่หลังจากแยกจากนายท่านพวกเราได้พบกับหลายๆผู้นำกองธงของเผ่าปีศาจ พวกเรามีจำนวนสู้ศัตรูไม่ได้เยี่ยเฟิงเชื่องช้าจึงได้ถูกจับตัวไป ข้าน้อยหานายท่านไม่พบจึงได้ปะปนเข้าเผ่าปีศาจไปช่วยเยี่ยเฟิงตามลำพัง คิดไม่ถึงว่าจะได้พบกับนายท่านในเผ่าปีศาจ เรื่องราวหลังจากนั้นนายท่านก็รู้หมดแล้ว”
“อืม ไปกันเถอะ”
วัดไป๋อวิ๋นที่นี่เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในวัดชิงหง มีผู้มากราบไหว้พระกันอย่างไม่ขาดสาย สามารถเห็นเณรน้อยได้ทุกหนแห่งในวัด
กู้ชูหน่วนประสานสิบนิ้วแสดงความเคารพ “ท่านอาจารย์ได้ยินมาว่าวัดไป๋อวิ๋นศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก พวกเรามาจากที่ห่างไกลเพื่อมาจุดธูปไหว้พระและเดินมาตลอดทางก็รู้สึกเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้าง ช่วยจัดห้องพักสองสามห้องให้เราพัก หลังจากที่เราอาบน้ำแล้วค่อยไปจุดธูปต่อหน้าองค์พระพุทธรูป นี่เป็นเงินเล็กน้อยที่เราเพิ่มเติมธูปเทียน ยังขอให้ท่านอาจารย์อย่าได้รังเกียจพวกเรา ”
นางมาถึงก็มอบเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงให้พร้อมกับน้ำเสียงจริงใจเช่นนั้น พระรูปน้อยจึงเห็นพ้องด้วยในทันทีและได้จัดห้องพักสามห้องให้กับพวกเขาและมอบอาหารเจบางส่วนให้กับพวกเขา
ในห้องพักแขกกู้ชูหน่วนบิดขี้เกียจแล้วกล่าวอย่างเกียจคร้านว่า “ดูเหมือนว่ากองทัพไล่ล่าของเผ่าปีศาจจะไม่ได้ไล่ตามมา พวกเจ้าก็เหนื่อยแล้วเช่นกัน คืนนี้นอนหลับให้ดี ฝูกวงข้าออกคำสั่งให้เจ้าคืนนี้ไม่ต้องคุ้มครองข้า นอนหลับอยู่ใน ห้องได้ยินหรือไม่”
“ขอรับ……”
ฝูกวงยิ้มหวาน นายท่านดีกับเขายิ่งนัก
ยามค่ำคืนเยี่ยเฟิงอาบน้ำหลายๆครั้งก็ยังรู้สึกว่าร่างกายสกปรก
ทั้งคืนเขาพลิกไปพลิกมานอนไม่หลับ หลับตาลงก็เป็นฉากที่ผู้นำกองธงกล้วยไม้กลั่นแกล้งดูถูกเหยียดหยามเขาเป็นฉากๆ
ความทรงจำที่ผ่านมานั้นหยั่งลึกเกินไป แม้ว่าเขาต้องการจะลืมก็ไม่สามารถลืมได้
เขาลุกขึ้นมาและไปทางพระอุโบสถ
ความตั้งใจเดิมของเขาคือไปกราบไหว้พระพุทธเจ้าขอพรให้คุ้มครองพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด ท่านยาย รวมถึงกู้ชูหน่วนและคนอื่นๆให้ปลอดภัยชั่วชีวิตมีความสุขไร้ซึ่งความทุกข์
แต่ว่าที่ภายนอกพระอุโบสถหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งชนเขาเข้าโดยไม่ได้ระวัง ธูปเทียนนั้นได้กระจัดกระจายไปทั่วพื้น
“ขออภัยด้วยข้าเดินด้วยความเร่งรีบเกินไป คุณชายน้อยเป็นอันใดหรือไม่?”
เยี่ยเฟิงยิ้มเล็กน้อยและก้มลงหยิบธูปเทียนกระดาษเงินให้กับนาง “ไม่เป็นไร ตอนนี้เป็นเวลายามจื่อแล้วก็ยิ่งมีหมอกหนา ฮูหยินต้องการจุดธูปเทียนมาตอนกลางวันจะเป็นการดีกว่า”
“ขอบคุณคุณชายน้อยที่เตือน”
สตรีสวยสง่าหรูหราทั้งกายแม้ว่าจะสวมเสื้อผ้าที่เรียบง่ายแต่ก็ยังรู้สึกถึงกลิ่นไอความสูงศักดิ์ทั่วทั้งร่างกาย เพียงแค่ชำเลืองมองก็มองออกว่านางร่ำรวยสูงส่งนัก
ข้างกายหญิงวัยกลางคนยังมีสาวใช้ตัวน้อยผู้หนึ่งติดตามด้วย
สาวใช้ตัวน้อยด้านหนึ่งช่วยเก็บอีกด้านหนึ่งก็วิงวอนว่า
“ฮูหยิน ท่านดูสิว่าคุณชายท่านนี้ก็ให้ท่านมาในวันพรุ่งนี้ด้วย ท่านว่าท่านยังจะมาจุดธูปในยามค่ำคืนดึกดื่น หากว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ่าวจะอธิบายต่อฝ่า……ต่อนายท่านอย่างไร”
“นี่เจ้าก็นอนไม่หลับไม่ใช่หรือ? เช่นไรก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มาวัดไป๋อวิ๋น ที่นี่ปลอดภัยเจ้าไม่ต้องกังวลแทนข้า ขอบคุณคุณชายน้อยผู้นี้ด้วย”
เยี่ยเฟิงยิ้มเบาๆและคืนธูปให้กับนางโดยที่ตนนั้นได้เข้าไปในพระอุโบสถ จุดธูปหนึ่งดอกและโขกศีรษะคำนับเสียงดังสามครั้ง
“ฮูหยิน นายน้อยหายตัวไปสิบแปดปีแล้ว ท่านมาจุดธูปอธิษฐานต่อพระพุทธรูปที่นี่ทุกปี หากว่าพระพุทธรูปศักสิทธิ์ก็คงทำให้ท่านตามหานายน้อยพบตั้งนานแล้ว”