ในขณะที่กู้ชูหน่วนและเยี่ยเฟิงกำลังบอกลากันนั้น มีการเคลื่อนไหวที่แทบจะไม่ได้ยินในพงหญ้าที่อยู่ไม่ไกลนัก
ดวงตาของกู้ชูหน่วนหรี่ลง “ใคร ใครอยู่ตรงนั้น?”
เมื่อพูดจบ ฝูกวงก็ได้รีบเดินไปเพื่อจะนำตัวคนที่พงหญ้าออกมา
“อย่าฆ่าข้า อย่าทุบตีข้า ขอร้องล่ะ ข้าไม่ใช่เยี่ยเฟิง ขอร้องล่ะอย่าทำอะไรข้าเลย”
ทุกคนต่างพากันมองและรู้สึกประหลาดใจ
ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า ไม่ใช่เจียงซวี่หรอกหรือ?
ในอดีตเจียงซวี่นั้นเลือดเย็นและโหดร้าย วิธีการของเขานั้นโหดเหี้ยมและดูเย่อหยิ่งผยอง
แต่เขาในตอนนี้ ผมของเขายุ่งเหยิงเหมือนรังนกและเสื้อผ้าของเขาเลอะเทอะและขาดรุ่งริ่ง เผยให้เห็นรอยแส้และรอยไหม้ไขว้เกี่ยวกันไม่น้อย
ใบหน้าของเขาสกปรกโสโครกไม่เหมือนอดีตที่หล่อเหลา แววตาของเขาขุ่นมัวและอยู่ไม่นิ่ง เขาขยับตัวหดไปมาซ้ายขวาเพื่อทำทีท่าหลบและกอดร่างแน่นบ่นพึมพำกับตัวเอง “อย่าทุบตีข้า ขอร้องพวกเจ้าล่ะ อย่าทำอะไรข้าเลย”
ท่าทางที่น่าอดสูของเขา ทำให้ทุกคนต่างพากันแปลกใจ
กู้ชูหน่วนไม่มีความรู้สึกดีเมื่อเห็นเขา ความเจ็บปวดทุกข์ทรมานตลอดชีวิตของเยี่ยเฟิง เขาไม่อาจหลุดพ้นไปได้อย่างแน่นอน
“คนชั่วช้าเช่นนี้หากไม่ฆ่าทิ้งเสีย จะเก็บเอาไว้ทำไม ฝูกวง จัดการเขาเสีย”
“ขอรับ”
“อย่า อย่าฆ่าข้า อย่าฆ่าข้าเลย ข้าสำนึกผิดแล้ว ข้าไม่กล้าอีกแล้ว ขอร้องพวกเจ้าล่ะ ฮือ……ขอร้องล่ะ”
เจียงซวี่คลานมาที่ข้างกายของเยี่ยเฟิงราวกับคนบ้าคลั่งและกอดขาของเยี่ยเฟิงเอาไว้แน่นด้วยความหวาดกลัว
เยี่ยเฟิงเหลือบมองดูร่องรอยแผลที่ดูคลุมเครือภายใต้เสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งของเขาและรวมไปถึงรอยบาดแผลจากแส้ฟาด เขาขมวดคิ้ว “เขา……ดูเหมือนจะเสียสติไปแล้ว ไม่เช่นนั้นก็ปล่อยเขาไปเถอะ”
อยู่ที่หอคุมขังพญาหงส์มาเป็นเวลาหลายปี ทำให้เขารู้ดีเหลือเกินว่ารอยบาดแผลทั้งหมดนี้แสดงถึงอะไร
วันนั้นที่หอคุมขังพญาหงส์ เจียงซวี่กรอกเหล้าให้เขาดื่มเยอะมาก ถึงแม้ว่าเขาจะเมามายไม่ได้สติ แต่ก็ยังพอมีสติอยู่บ้าง
คืนนั้นเดิมทีแล้วเขาต้องถูกส่งไปที่ยอดเขาหลักของผู้นำเพื่อปรนเปรอความสุขความสนุกให้ผู้นำกองธงกล้วยไม้ แต่จู่ๆ กู้ชูหน่วนและเซี่ยวอวี่เซวียนก็ปรากฏตัวขึ้นเพื่อช่วยชีวิตเขาและใช้แผนการแลกตัว ปลอมตัวเจียงซวี่ให้เป็นเขาและส่งไปที่ผู้นำกองธงกล้วยไม้
หากเขาคาดเดาไม่ผิด เกรงว่าผู้นำกองธงกล้วยไม้คงคิดว่าเจียงซวี่คือเขาและทำ……ทำให้เขาอับอายขายหน้า
หลังจากนั้นจึงรู้ว่าเจียงซวี่ไม่ใช่เขา จากนั้นจึงทำการทรมานเขาอย่างโหดเหี้ยม
คนธรรมดาใครกันจะอดทนต่อความอัปยศอดสูอับอายขายขี้หน้าระดับนี้ได้ โดยเฉพาะชายผู้กำยำและมีพละกำลัง
ตลอดระยะเวลาที่อยู่หอคุมขังพญาหงส์มาสิบสามปี เขาเห็นคนเสียสติเป็นบ้าเพิ่มขึ้นแทบจะทุกวัน
กู้ชูหน่วนเกือบจะคิดว่าตัวเองได้ยินผิดไป “ปล่อยไปเถอะ? เขาทำลายชีวิตของเจ้า เจ้าจะปล่อยเขาไปง่ายๆ เช่นนี้หรือ?”
“เขาได้รับผลกรรมที่ทำเอาไว้แล้ว”
กู้ชูหน่วนรู้สึกโมโหมาก “เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาไม่ได้แสร้งทำ? เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาไม่ได้ทำไปเพื่อให้เจ้ารู้สึกสงสารเขา?”
เยี่ยเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองไปที่เจียงซวี่อีกครั้ง
เห็นเพียงเจียงซวี่หัวเราะและสลับกับร้องไห้ จากนั้นหยิบจับเศษดินโคลนสกปรกและจับเข้าไปในปาก จากนั้นปรบมือและหัวเราะดีใจ “อร่อย อร่อยมาก”
กู้ชูหน่วนเตะเขาออกไป “แสร้งอะไรของเจ้า เจ้าคิดว่าเจ้าทำเช่นนี้ก็สามารถหลุดรอดไปได้อย่างนั้นหรือ?”
“ฮือๆ……ข้าเจ็บ เจ้าเป็นคนไม่ดี ฮือๆ……ข้าไม่ได้ชื่อเยี่ยเฟิง ทำไมเจ้าต้องทำร้ายข้าด้วย”
กู้ชูหน่วนหัวเราะอย่างเยือกเย็น “หากเป็นอย่างที่เจ้าพูด หากคือเยี่ยเฟิง เช่นนั้นก็สมควรถูกทำร้ายอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าไม่ใช่เยี่ยเฟิง พวกเจ้าอย่าทำอะไรข้าเลย อย่าทำร้ายข้าเลย ข้ากลัวแล้ว”
กู้ชูหน่วนยกเท้าขึ้นและต้องการกระทืบเขาให้ตายทั้งเป็น แต่เยี่ยเฟิงกลับเข้ามาขัดขวางเอาไว้ “เขาบาดเจ็บสาหัสอย่างมาก หากเจ้ากระทืบเขาลงไป หากเขาไม่ตายก็คงต้องพิการ”