เยี่ยจิ่งหานก็ไม่คิดว่าภรรยาของเขาจะเป็นเช่นนี้……กล้าหาญ……
ยิ่งกว่ากล้าหาญคืออะไร นางจามอีกหลายครั้งและพึมพำ “ใครทาชาดจัดเช่นนี้ ช่างกลิ่นฉุนเสียจริง ในเมื่อกราบไหว้ฟ้าดินแล้ว เช่นนั้นก็เข้าห้องหอเถอะ”
หลังจากที่นางพูดจบ ดูเหมือนนางจะรู้สึกว่าไม่เป็นทางการ จึงตะโกนอีกครั้งว่า “ส่งตัวเข้าห้องหอ”
เงียบสงบ
ทุกอย่างยังคงเงียบสงบ แต่ละคนอ้าปากค้าง และมองกู้ชูหน่วนที่สวมผ้าคลุมหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
รอยยิ้มของกู้ชูหน่วนดูเหยียดหยามและเหน็บแนม
ในวันอภิเษกสมรส นางจามจนผ้าคลุมหน้าสีแดงหลุดร่วงลงมา นี่เท่ากับเป็นการตบหน้าเทพแห่งสงครามอย่างโจ่งแจ้ง
นางชำเลืองมองดูว่าเทพแห่งสงครามโกรธและฆ่านางหรือไม่
ไม่ใช่แค่นาง แต่ผู้คนมากมายที่รอชมความรื่นเริงอยู่ที่นี่ ต่างก็รู้สึกว่ากู้ชูหน่วนต้องแย่แน่ ๆ
แต่……
สิ่งที่พวกเขาเห็นคือเยี่ยจิ่งหานโกรธ
แต่เขาไม่ได้โกรธกู้ชูหน่วน
เขาโกรธหญิงที่มาร่วมงานแล้วทาชาดจัดจนมีกลิ่นฉุน
“ทหาร เอาตัวหญิงที่ทาชาดจัดผู้นี้โยนออกไป พระชายาของข้าไม่ชอบกลิ่นฉุน”
เอ่อ……
นี่มันอะไรกัน?
กู้ชูหน่วนเป็นเช่นนี้ แต่เทพแห่งสงครามก็ยังคงปกป้องนาง?
นี่ยังคงเป็นเทพแห่งสงครามที่โหดเหี้ยมอำมหิต และฆ่าคนอย่างไร้ความปรานีงั้นหรือ?
เมื่อความคิดไม่ตรงกัน หลายคนก็ถูกไล่ออกไป
สิ่งนี้ล้มล้างความคิดเห็นของทุกคนโดยสิ้นเชิง
ชิวเอ๋อร์ตกใจมาก จึงหยิบผ้าคลุมหน้าของนาง แล้วจะเอาไปคลุมให้กู้ชูหน่วน นางยังไม่ทันได้คลุมก็ค้างอยู่กลางอากาศ
กู้ชูหน่วนหาวอีกครั้ง ไม่รู้ว่านางทำอะไรให้ผู้คนตกใจกลัว
“เหนื่อยแทบแย่ มงกุฎหงส์นี้หนักมากจนคอข้าแทบหนัก”
“ใครก็ได้ ถอดมงกุฎหงส์ของพระชายาออกก่อน”
คนรับใช้ยังไม่ทันได้ลงมือ กู้ชูหน่วนก็ถอดมันลงมาด้วยตัวเอง เพียงแต่นางไม่ได้ส่งมอบให้คนรับใช้และถือมันไว้ในอ้อมแขน นางกลัวว่าผู้อื่นจะมาขโมยมงกุฎของนางไป
นางยิ้มและกล่าวว่า “เราทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินเรียบร้อยแล้ว ถือว่าเราเป็นสามีภรรยากันแล้ว เช่นนั้นพิธีหยุมหยิมก็ช่างมันเถอะ”
เยี่ยจิ่งหานยิ้มอย่างสบาย ๆ “ได้สิ”
กู้ชูหน่วนกวาดสายตามองผู้คนที่ตกตะลึง เดิมทีต้องการจะเข้าห้องหอ แต่ยุ่งวุ่นวายมาทั้งวันและปากก็แห้ง นางจึงนั่งลงและหยิบกาน้ำชาขึ้นมารินแล้วดื่ม
กู้ชูหน่วนขยิบตาให้องค์หญิงตังตัง
องค์หญิงตังตังลังเล และรู้สึกกลัวเยี่ยจิ่งหาน
กู้ชูหน่วนขยิบตาหลายครั้งติดต่อกัน และเมื่อนึกถึงความกำเริบเสิบสานของกู้ชูหน่วน และทำให้นางเสียหน้า แม้แต่พระพักตร์ของเสด็จแม่ก็ถูกนางทำลายด้วยเช่นกัน
นางไม่เต็มใจ
ยิ่งไม่เต็มใจมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งกล้าหาญมากขึ้นเท่านั้น
ท่ามกลางความประหลาดใจของทุกคน นางค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนและยิ้ม “เสด็จอาสะใภ้ ก่อนหน้านี้เป็นตังตังที่ไม่รู้ความและมุ่งเป้าไปที่ท่าน ตังตังสำนึกผิดแล้ว ต่อไปเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ได้โปรดอย่าถือสาตังตังเลยเพคะ”
กู้ชูหน่วนเกือบจะสำลักน้ำ
องค์หญิงตังตังเป็นคนอย่างไร เป็นไปได้อย่างไรที่จะผูกมิตรกับนาง เกรงว่าจะมีแผนร้ายอะไรบางอย่าง
เยี่ยจิ่งหานก็ไม่เชื่อว่าจู่ ๆ องค์หญิงตังตังจะเปลี่ยนนิสัย เขากล่าวอย่างเย็นชา “งานแต่งงานเสร็จสิ้นแล้ว เจ้ากลับเข้าไปในวังเถอะ”
“เสด็จอา ไม่ง่ายเลยที่ตังตังจะได้ออกจากในวังสักครั้ง และตังตังก็ตั้งใจมาอวยพรให้พวกท่าน ตังตังเสียใจยิ่งนักที่ท่านไล่ให้ตังตังกลับไปเช่นนี้ ตังตังรู้สึกน้อยใจ”
กู้ชูหน่วนยิ้มเยาะ “ท่านอ๋อง ข้าคิดว่าองค์หญิงตังตังทรงจริงใจ บางทีนางอาจจะอยากเป็นมิตรกับข้าจริง ๆ เช่นนั้นให้นางอยู่ที่นี่เถอะ”
นางก็อยากจะรู้ว่าองค์หญิงตังตังจะมาไม้ไหนกันแน่