กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ – บทที่ 325

บทที่ 325

คำพูดของกู้ชูหน่วนในไม่ช้าก็ได้กลายเป็นครอบครัวไปเสียแล้ว ซึ่งทำให้เซี่ยวอวี่เซวียนและแววตาของจอมมารเป็นประกายขึ้นและอดไม่ได้ที่จะแอบชื่นชมอยู่ในใจ

ดูเหมือนว่ากู้ชูหน่วนจะชอบเขาแล้วจริงๆ

“เสี่ยวเซวียนเซวียนยากนักที่เจ้ากับข้าจะได้พบเจอกัน เมื่อครู่ได้ยินมาว่าเจ้ากำลังจะไปดื่มสุราทีหอสุราชุนเฟิงเมืองอวี๋ เช่นนั้นวันนี้ข้าจะเป็นเจ้ามือข้าเลี้ยงพวกเจ้าดื่มสุราเอง”

จอมมารมีท่าทีที่เป็นมิตรพร้อมกับรอยยิ้มในดวงตา

ในใจได้คิดเอาไว้ว่าจะประจบเซี่ยวอวี่เซวียนเพื่อในภายหน้าจะได้แต่งงานกับกู้ชูหน่วนได้ง่าย

เขาเกิดมาจนถึงตอนนี้นอกเหนือจากกู้ชูหน่วนแล้วเป็นครั้งแรกที่พูดคุยกับผู้อื่นอย่างอ่อนโยน

เซี่ยวอวี่เซวียนถูกกู้ชูหน่วนเรียกว่าเสี่ยวเซวียนเซวียนก็ช่างเถอะ

แต่จอมมารก็เรียกว่าเสี่ยวเซวียนเซวียนซึ่งทำให้เขารู้สึกประหลาดใจจริงๆ

แต่เขาก็ไม่สามารถทำให้ชายเสี่ยวจิ้วจื่อน้องชายภรรยาในอนาคตขุ่นเคืองได้จึงทำได้เพียงกล่าวอย่างไพเราะว่า “คือว่า……ไม่เช่นนั้นเจ้าก็เรียกชื่อข้าดีกว่า เสี่ยวเซวียนเซวียนสามคำนี้ จริงๆแล้ว……อืม……ค่อนข้าง……”

“ข้าเข้าใจข้าเข้าใจ ต้องเรียกว่าน้องชาย น้องชายไม่รู้ว่าจะได้รับเกียรติเชิญท่านไปดื่มสุราที่หอสุราชุนเฟิงสองสามจอกได้หรือไม่”

เซี่ยวอวี่เซวียนตามความคิดในสมองของจอมมารไม่ทัน

เรียกเขาว่าน้องชาย?

ไม่ใช่ว่าควรเรียกว่าเสี่ยวจิ้วจื่อหรอกหรือ?

เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเขายังไม่ได้แต่งงานกันดังนั้นจอมมารอายจึงได้เรียกเขาว่าน้องชาย?

ก็ใช่ เช่นไรสถานะตอนนี้ของแม่สาวอัปลักษณ์ก็เป็นถึงพระชายาหานของเทพแห่งสงคราม

ดูเหมือนว่าเขาจะต้องพยายามเป็นอย่างมากเพื่อหาวิธีลบสถานะพระชายาหานนี้ของนางออกถึงจะได้

เซี่ยวอวี่เซวียนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “น้องชายเกรงใจไปแล้ว เหล้าจอกนี้เช่นไรก็ควรเป็นข้าที่เชิญ หากว่าเจ้าไม่รังเกียจพวกเราดื่มกันสามวันสามคืนเป็นเช่นไร?”

คราวนี้จอมมารตกตะลึงไปเลย

เหตุใดเสี่ยวเซวียนเซวียนไม่เรียกเขาว่าเสี่ยวจิ้วจื่อ?

เรียกว่าเสี่ยวจิ้วจื่อนั้นมีช่างพลังอำนาจขนาดไหน

หรือเป็นเพราะว่าเขาไม่ได้สู่ขอพี่หญิงอย่างเป็นทางการ? ดังนั้นเซี่ยวเซวียนซวียนจึงได้อายที่จะเรียกเขาว่าเสี่ยวจิ้วจื่อ?

จอมมารยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้และก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเซี่ยวอวี่เซวียนถึงได้เรียกเขาว่าน้องชาย

จอมมารยิ้มอย่างมีเสน่ห์ “แน่นอนว่าไม่รังเกียจสุราที่เจ้าเลี้ยงข้านั้นวอนขอยังไม่ได้เลย แต่ว่าครั้งแรกที่พบเจอกันต้องให้น้องชายเลี้ยง”

“น้องชายเลี้ยงดีกว่านะ”

“มาน้องชาย”

“……”

ทั้งสองคนพูดคำว่าน้องชายไปมาจนกู้ชูหน่วนนั้นถูกทำให้สับสนงุนงงไปเลย

“พวกเจ้าสองคน ตกลงใครเป็นน้องชายใครเป็นพี่ชายกันแน่”

จอมมาร “ข้าเป็นน้องชาย”

เซี่ยวอวี่เซวียน “ข้าเป็นน้องชาย”

“ไม่ไม่ไม่ ข้าต่างหากที่เป็นน้องชาย”

“ท่านอ่อนน้อมถ่อมตนไปแล้ว ข้าถึงจะเป็นน้องชาย”

“……”

เจ้าสองคนนี้ สมองสับสนงุนงงดังถูกลาหนีบหรือ?

ยังมีคนแย่งกันเป็นน้องชายอีกหรือ?

กู้ชูหน่วนไม่เข้าใจในสถานการณ์จึงทำได้เพียงไปยังหัวข้อสนทนาอื่น จากนั้นถามจอมมารว่า “เจ้ารู้ได้เช่นไรว่าข้าอยู่ที่นี่?”

“ร่างของเจ้ามีเกสรดอกลำโพงของข้า ข้าตามกลิ่นเกสรหาพี่หญิงจนพบ”

เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้จอมมารทำราวกับเด็กที่ไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่ไม่ได้รับความยถติธรรม “พี่หญิงทิ้งอาม่อไว้ตามลำพังในจวนหานอ๋องอาม่อนั้นกลัวแทบตายแล้ว ดูสิอาม่อถูกทุบตีจนเป็นเช่นนี้แล้ว”

อะไรวะ……

หากไม่รู้ว่าเขาเป็นจอมมารนางก็เกือบจะเชื่อแล้ว

ชายผู้นี้ช่างเสแสร้งได้ดีนัก

เขาคิดว่านางตาบอดหรือ? ไม่รู้ว่าเขาต่อสู้กับเทพแห่งสงครามได้อย่างมีกำลังอานุภาพมากเท่าใด ทั่วทั้งท้องฟ้าถูกพวกเขาทำให้สภาพแปรเปลี่ยนไปเลย

กู้ชูหน่วนดมกลิ่นบนร่างกายของเขาแต่ไม่ได้กลิ่นของดอกลำโพงทว่ากลับมีกลิ่นแป้งอยู่บ้าง

นางโมโหเล็กน้อย “เจ้าตามเฝ้าสังเกตข้าหรือ?”

“จะทำได้เช่นไร อาม่อกลัวว่าจะหลงทางและหาพี่หญิงไม่พบจึงได้ทิ้งกลิ่นบางอย่างไว้ในร่างกายของเจ้า”

“รีบลบกลิ่นออกไปเดี๋ยวนี้ เร็วเข้า”

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท