ฮ้า……
ผู้คนต่างพากันสูดหายใจเข้าด้วยความตกใจ
ไข่มุกเหวินหยวน ที่แท้ก็คือไข่มุกเหวินหยวน……
ของล้ำค่าชิ้นนี้ หรือว่าจะไม่ใช่ชิ้นก่อนสุดท้ายชิ้น?ทำไมชิ้นที่สองก็เอาออกมาประมูลแล้ว?
ฝูงชนเสียงดังสนั่นขึ้นในทันที
กู้ชูอวิ๋นกล่าวว่า “ท่านพ่อ ไข่มุกเหวินหยวนมีเพียงสองเม็ดในโลก ไม่ว่าของล้ำค่าชิ้นนี้จะใช้เงินเท่าไหร่ก็ต้องเอามันมาให้ได้”
อัครเสนาบดีกู้ใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ เขามองไปที่ไข่มุกเหวินหยวนด้วยแววตาที่เป็นประกายและความปรารถนาที่มิอาจปิดบังได้
ไข่มุกเหวินหยวนเป็นของล้ำค่าในใต้หล้า มีใครบ้างไม่อยากครอบครอง
เจ๋ออ๋องและองค์หญิงตังตังหายใจเร็วขึ้นสองสามจังหวะ และดีใจที่พวกเขาไม่ได้แย่งหญ้าจื่อเยียนกับกู้ชูหน่วนเมื่อครู่ ไข่มุกเหวินหยวนดีกว่าหญ้าจื่อเยียนมากนัก
เสี่ยวลี่ว์ตัวสั่นสะท้าน “องค์หญิง นั่นเป็นไข่มุกเหวินหยวนจริง ๆ หรือเพคะ?”
“เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล หอประมูลเฟิงเซียงเป็นสถานที่ใดกัน พวกเขาสามารถขายของปลอมได้หรือ?”
“เช่นนั้นเราจะประมูลหรือไม่เพคะ?”
“แน่นอน หากมีไข่มุกเหวินหยวนก็เท่ากับเครื่องรางที่สามารถชุบชีวิตได้ ไม่เอาอะไรเลยก็ได้ แต่จะต้องเอาไข่มุกเหวินหยวนมาให้ได้”
“องค์หญิง แต่เงินที่เรานำมานั้น รวมแล้วไม่ถึงสามล้านตำลึง อีกอย่างก่อนหน้านี้เราก็สูญเสียเงินจำนวนมากให้กับพระชายาหาน จึงไม่มีเงินมากนัก”
“ไม่มีเงินก็ต้องไปยืม เจ้ารีบส่งม้าเร็วกลับไปหยิบยืมเงินของเสด็จแม่มา เสด็จแม่ทรงอยากได้ไข่มุกเหวินหยวนมากกว่าผู้ใด พระองค์จะต้องให้เงินมาอย่างแน่นอน”
เสี่ยวลี่ว์ต้องการจะบอกว่าพระพันปีก็ไม่มีเงินมากนัก เพราะเงินส่วนใหญ่ของพระพันปีถูกพระชายาหานเอาไปหมดแล้ว
แต่การประมูลกำลังจะเริ่มแล้ว องค์หญิงตังตังต้องเร่งรีบ นางจึงทำได้เพียงสั่งให้คนรับใช้จัดการอย่างรวดเร็ว
“สี่ล้านห้าแสนตำลึง”
“ห้าล้านตำลึง”
“ห้าล้านสองแสนตำลึง”
“ห้าล้านแปดแสนตำลึง”
“หกล้านตำลึง”
เมื่อไข่มุกเหวินหยวนออกมา ผู้คนก็ครึกครื้น และคนจำนวนไม่น้อยก็แย่งกันเสนอราคา
ในห้องส่วนตัวของเจ๋ออ๋อง
เสี่ยวผิงจื่อคนรับใช้ข้างกายของเจ๋ออ๋องตัวสั่นและกล่าวว่า “ท่านอ๋อง แขกผู้มีเกียรติมากมายในงานส่งคนกลับไปรวบรวมเงินมาเพิ่ม เรา……”
เราต้องรวบรวมเงินเพื่อมาประมูลไข่มุกเหวินหยวนหรือไม่?
เสี่ยวผิงจื่อไม่กล้าพูดประโยคหลังออกมา เพราะพวกเขาไม่มีเงินที่จะไปรวบรวมแล้ว
แต่จุดประสงค์หลักที่ท่านอ๋องมาที่หอประมูลเฟิงเซียง ก็เพื่อไข่มุกเหวินหยวน……
เขาไม่ค่อยมาที่หอประมูล จึงไม่รู้ว่าคนเหล่านี้เสนอราคาได้อย่างบ้าคลั่งขนาดนี้
เจ๋ออ๋องกำมือแน่น “ไปพบฝ่าบาท แล้วขอยืมเงินจากฝ่าบาท”
“หา……” ยืมเงินฝ่าบาท?
เช่นนี้จะมากเกินไปหรือไม่?
เคยได้ยินมาว่าฝ่าบาทกับขุนนางกำลังหาลู่ทางทำเงิน และไม่เคยมีใครกล้าขอยืมเงินจากฝ่าบาทมาก่อน?
“จักรพรรดิของรัฐหวาป่วยหนัก หากรัฐหวาได้ไข่มุกเหวินหยวนไป จักรพรรดิของรัฐหวาก็อาจจะใช้ไข่มุกเหวินหยวนรักษาอาการป่วยของเขาให้หายได้”
“แล้วเกี่ยวอะไรกับเราพ่ะย่ะค่ะ”
“ฝ่าบาททรงต้องการจะกำจัดเทพแห่งสงคราม แต่พระองค์ไม่มีปีก หากฝ่าบาทของเราส่งไข่มุกเหวินหยวนไปให้จักรพรรดิของรัฐหวา เจ้าคิดว่าจักรพรรดิของรัฐหวาจะซาบซึ้งในบุญคุณของฝ่าบาทหรือไม่ และจะส่งกองกำลังเสริมมาช่วยฝ่าบาทขุนรากถอนโคนเทพแห่งสงคราม”
เสี่ยวผิงจื่อตระหนักได้ในทันที “บ่าวเข้าใจแล้ว ท่านอ๋องโปรดวางพระทัย บ่าวจะรีบส่งคนเข้าไปในวังเพื่อขอยืมเงินจากฝ่าบาทในทันทีพ่ะย่ะค่ะ”
เจ๋ออ๋องกำหมัดแน่นทั้งสองข้าง นัยน์ตาของเขามุ่งมั่นที่จะเอาชนะ
อัครเสนาบดีกู้กัดฟันและกล่าวว่า “เจ็ดล้านตำลึง”
รวมจวนอัครเสนาบดีทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้วก็ยังได้เงินไม่มากนัก เงินเจ็ดล้านตำลึง คงเป็นเงินทั้งหมดที่เขารวบรวมมาได้ แล้วนำมารวมกับเงินที่หยิบยืมมา
เขาหวังว่าจะไม่มีใครเสนอราคาอีก มิเช่นนั้น เขาก็ไม่รู้ว่าจะไปยืมเงินมาจากไหนแล้ว
กู้ชูหน่วนยกป้ายขึ้นและกล่าวอย่างเฉื่อยชา “สิบล้านตำลึง”
ฮ้า……
ผู้คนต่างพากันสูดหายใจเข้าด้วยความตกใจอีกครั้ง
เป็นหญิงสาวที่สวมผ้าคลุมหน้าอีกแล้ว
นางมีเงินมากมายใช่หรือไม่?
ผู้อื่นเพิ่มราคาเพียงหลักแสน แต่นี่เป็นหลักล้าน นางเพิ่มราคาอีกสามล้านตำลึง แล้วจะประมูลได้อย่างไร?