Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1675 หนึ่งดรรชนีกวาดสังหาร

ตอนที่ 1675 หนึ่งดรรชนีกวาดสังหาร
ตูม!
ฟ้าดินสนั่นหวั่นไหว เปลวเพลิงโชติช่วงโหมกระหน่ำนั้น ล้วนถูกหลินสวินเคลื่อนขวางกลางอากาศประหนึ่งหลุมดำกลืนกินจมหาย
ในลานเกิดเสียงร้องอุทานไม่ขาดสาย
คนมากมายต่างหน้าเปลี่ยนสี นี่เป็นวิชามรรคที่น่าสะพรึงปานใด ออกจะเผด็จการเกินไปแล้ว!
“น่าขัน คล้ายวิชายุทธ์ระดับนี้ไม่กลัวระเบิดใส่ตัวเองรึ”
กลางห้วงอากาศสีหน้าอูเหิงไห่เปลี่ยนไป จากนั้นก็หัวเราะเย็นชา กระโจนทะยานเข้าไปอย่างเดือดคลั่ง บุกฆ่าเต็มกำลัง
ทั่วร่างเขาเปลวเพลิงพวยพุ่ง ราวกับจะแผดเผาท้องฟ้า เพลิงเทพสีทองอร่ามกลายเป็นพลังฝ่ามือและหมัดบดขยี้ลงไป
แต่ไม่ว่าจะบุกโจมตีอย่างไรล้วนถูกหุบเหวใหญ่รอบตัวหลินสวินซัดพ่าย กลืนกินจนไม่เหลือ ทอดสายตามองจากไกลๆ เงาร่างของหลินสวินประหนึ่งหลุมไร้จุดสิ้นสุดอย่างไรอย่างนั้น
ภาพเหตุการณ์น่าสยดสยองตะลึงโลกเช่นนี้ ทำให้พวกเจ้าคางคก อาหลู่ล้วนปากอ้าตาค้าง
ช่วงก่อนหน้านี้พวกเขาเองก็เคยเห็นหลินสวินสำแดงมรรคดับดารากลืนกิน แต่นั่นคือกลายร่างเป็นเตาหลอมอันหนึ่ง บรรจุหมื่นมรรค วิวัฒน์หมื่นวิชา ผ่าเผยเที่ยงตรง มีอานุภาพสยบอดีตปัจจุบัน
แต่หลินสวินในตอนนี้กลับเปี่ยมด้วยท่วงท่าเผด็จการ ไม่ว่าเจ้าจะมีวิชาอัศจรรย์นับพัน อภินิหารนับหมื่น ทั้งหมดล้วนหนีไม่พ้นการถูกบดขยี้ ช่วงชิง กลืนกินทั้งสิ้น!
หุบเหวใหญ่แห่งหนึ่ง ครอบฟ้าบดตะวัน กลืนสรรพสิ่งไม่มียกเว้น!
สีหน้าอูเหิงเทียนอึมครึม สื่อจิตกล่าวว่า ‘ทุกคนรู้หรือไม่ นี่เป็นมรดกระดับใด เหตุใดจึงเผด็จการปานนี้’
พวกคนชั้นสูงเผ่าอีกาทองที่อยู่ใกล้เคียงล้วนนิ่งเงียบ พวกเขาก็ใจสะท้านไม่สิ้นเช่นเดียวกัน มองไม่ออกถึงที่มาของวิชาต่อสู้ระดับนี้เลย
แต่มรดกระดับนี้ต้องน่าสะพรึงถึงที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย!
อูเหิงไห่เป็นถึงมหาอริยะคนหนึ่ง เป็นคนร้ายกาจที่เปรียบเสมือนนักเชือด แค่โจมตีออกไปลวกๆ ครั้งเดียวก็เพียงพอจะฆ่าผู้แข็งแกร่งระดับอริยะแท้ได้
แต่ตอนนี้การโจมตีทั้งหมดของเขาล้วนถูกกลืนกิน นี่ออกจะน่าเหลือเชื่อเกินไป ใครบ้างจะไม่ตกใจ
ทันใดนั้น…
อูเหิงไห่ส่งเสียงตวาดลั่นคราหนึ่ง “กลืนกินพลังตั้งมากมายปานนั้น ข้าล่ะอยากเห็นนักว่าเจ้าจะทนได้ถึงเมื่อไหร่!”
สีหน้าเขาเลือดเย็น ร่างมีเพลิงเทพระฟ้าไหลเวียน สำแดงวิชาชั้นยอดของเผ่าอีกาทองวิชาหนึ่ง
เถ้าธุลีผลาญเวิ้งฟ้า!
พริบตานั้นละอองแสงเปลวเพลิงนับไม่ถ้วนประหนึ่งดาวหางร่วงโปรยปรายจากชั้นฟ้า เจิดจ้าลุกโชน กระหน่ำโหมไหม้ ปิดครอบเวิ้งฟ้าแถบนั้น เปลวเพลิงแต่ละเสี้ยวล้วนมีอานุภาพเผาภูเขาต้มสมุทร!
ในลานเหล่าผู้กล้าไม่มีใครไม่หวาดผวา อานุภาพทั้งหมดที่มหาอริยะแท้ระเบิดออกมา สำแดงแจ่มชัดทั้งหมดในเวลานี้อย่างไม่ต้องสงสัย
ตูม!
แต่เมื่อร่างกายหลินสวินเคลื่อนขยับ เวิ้งฟ้าแถบนั้นล้วนพังครืนก้องกระหึ่ม ถูกหลุมดำกลืนกิน ละอองแสงเปลวเพลิงไร้ที่สิ้นสุดนั้นก็พลอยถูกกวาดม้วนหายเกลี้ยงไปด้วย
เมื่อมองดูหลินสวิน ทั่วทั้งตัวไร้ร่องรอยบาดเจ็บ มีเพียงกลิ่นอายที่น่าสะพรึงยิ่งกว่าเมื่อครู่ ราวกับอสูรร้ายโบราณที่กินอิ่มแปล้ แผ่กลิ่นอายเผด็จการที่ปานจะกลืนกินกาลนิรันดร์
“เจ้า…”
นัยน์ตาอูเหิงไห่ขยายกว้าง แทบไม่กล้าเชื่อ นี่ยังเป็นพลังที่ผู้แข็งแกร่งระดับอริยะแท้คนหนึ่งจะมีได้อยู่อีกหรือ
หรือภายในร่างของเจ้าหมอนี่จะมีหลุมดำไร้สิ้นสุดอยู่จริงๆ กันแน่
เปลี่ยนเป็นผู้บำเพ็ญมรรคคนอื่นๆ กล้าใช้กำลังชิงการโจมตีผู้อื่นเช่นนี้ เกรงว่าคงถูกสังหารเหลือแต่ซากตั้งนานแล้ว
แต่หลินสวิน…
ปลอดภัยไร้อันตราย!
ยามนี้ไม่เพียงอูเหิงไห่ ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองพวกนั้นล้วนตะลึงงัน ทั้งกายใจไหวสะท้าน ยากจะเข้าใจได้
“มาอีก”
หลินสวินคล้ายยังไม่สาแก่ใจ นัยน์ตาลุ่มลึกเยียบเย็นจับจ้องอูเหิงไห่
ส่วนภายในกายของเขา พลังโจมตีทั้งหมดที่กลืนกินไปก่อนหน้านี้ล้วนกลายเป็นพลังเดือดพล่านอย่างหนึ่ง โหมกระหน่ำอยู่ในหุบเหวใหญ่ที่วิวัฒน์จากคัมภีร์กลืนกินไร้สิ้นสุด
ความรู้สึกนั้นอัศจรรย์อย่างบอกไม่ถูก
เสมือนหุบเหวใหญ่ไร้สิ้นสุด และกลืนกินพลังทุกอย่างในแถบนี้จนหมด!
นี่ก็คือมรรคที่เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ทิ้งเอาไว้!
กลืนกินฟ้าดิน ช่วงชิงอานุภาพยิ่งใหญ่โดยรอบมาใช้ประโยชน์แก่ตน กายข้าไร้จำกัด วิชาข้าไร้สิ้นสุด!
ก่อนหน้านี้ก็เพราะอาศัยมรรควิถีระดับนี้ ทำให้เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์อาละวาดทั่วหล้า มีชัยเหนือยักษ์ใหญ่อย่างระดับจักพรรดิไม่รู้เท่าไหร่
หลินสวินในยามนี้เพิ่งถือได้ว่าอยู่ในระดับขั้นต้นสำรวจมรรคเท่านั้น หาไม่แค่ความคิดขยับไหวก็สามารถฉีกทึ้งกลืนกินมหาอริยะอย่างอูเหิงไห่นี่ได้ในชั่วพริบตาแล้ว!
“ตาย!”
อูเหิงไห่บันดาลโทสะ ปั้นหน้าไม่อยู่แล้ว ส่งเสียงคำรามสายหนึ่ง เพียงชั่ววูบเท่านั้นก็สำแดงทักษะก้นกรุออกมา
ตูม!
มีรูปจำลองเงามายาอีกาทองขนาดมหึมา ยาวพันจั้งเต็มๆ ตัวหนึ่งปรากฏด้านหลังอูเหิงไห่ ทำให้อานุภาพของเขาพลอยแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้อักโข
เขาพุ่งโจมตีออกไปอีกครั้ง ไม่ได้ออมมือแต่อย่างใด!
เพียงแต่กลับต้องเสียแรงเปล่า
เพียงชั่วครู่สีหน้าเขาก็เกือบเปลี่ยนเป็นแปลกพิลึกหาใดเปรียบ และเคร่งขรึมอย่างที่สุด เพราะไม่ว่าพลังของเขาจะแข็งแกร่งปานใด อานุภาพจะแกล้วกล้าแค่ไหน ล้วนไม่อาจสั่นคลอนหลินสวินได้สักเสี้ยว
ตรงข้ามกลับถูกหลินสวินโคจรหุบเหวใหญ่ กลืนกินพลังโจมตีทั้งหมดของเขาไปสิ้น
ความเผด็จการไร้ทัดเทียมระดับนั้น ทำให้ในลานจมสู่ภวังค์เงียบสงัด ไม่รู้มีคนปากอ้าตาค้าง สูดหายใจเฮือกมากมายแค่ไหน
นี่…
ยังเป็นคนอยู่หรือไม่
“นี่เป็นไปไม่ได้!”
อูเหิงไห่คำราม เขาแทบตาถลน ยากจะทำใจยอมรับ ฝึกปราณจนป่านนี้เขายังไม่เคยเผชิญความคับแค้นใจเช่นนี้มาก่อน ถึงขั้นทำเอาเขาใจสะท้าน
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าอะไรที่เรียกว่ามกุฎ”
ในที่สุดหลินสวินก็เริ่มเป็นฝ่ายลงมือก่อน เหยียบย่างกลางอากาศเดินไปเบื้องหน้า กลิ่นอายน่าสะพรึงดุจหุบเหว ฟ้าดินล้วนสะเทือนตามไปด้วย
อูเหิงไห่สีหน้ามืดทะมึน “ต่อให้เป็นมกุฎอริยะแท้ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีฝีมือระดับนี้!”
“เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ อะไรที่เรียกว่ามกุฎสร้างวิชาไร้ศัตรู”
หลินสวินสงบนิ่งไม่ไหวหวั่น แต่ละก้าวที่เดินออกไป กลิ่นอายรอบตัวก็พุ่งทะยานขึ้นเรื่อยๆ ดูคล้ายเชื่องช้าแต่ความจริงพลังทั้งหมดล้วนแผ่ครอบสี่ทิศแปดทาง กักขังอูเหิงไห่ไว้อย่างแน่นหนาแล้ว
“มกุฎสร้างวิชาไร้ศัตรูหรือ”
อูเหิงไห่อึ้งไป
ถึงเขาจะเป็นมหาอริยะ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่เคยสัมผัสมรรคาแห่งมกุฎสักครั้ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการล่วงรู้นัยเร้นลับของ ‘วิชาไร้ศัตรู’
“เจ้าไม่เข้าใจอะไรแต่ยังแหกปากตะโกนลั่น ไม่รู้สึกว่าตนโง่เง่าเบาปัญญายิ่งยวดหรือ”
เสียงหลินสวินเย็นเยียบ เจือแววเสียดสีไม่มีปิดบัง
ยังมีคำพูดบางอย่างที่เขายังไม่ได้พูด ซึ่งเกี่ยวโยงถึงความลับแห่งตนส่วนหนึ่ง ไม่เช่นนั้นคงสร้างความกระทบกระเทือนให้แก่อูเหิงไห่มากยิ่งขึ้น!
แต่แม้เป็นเช่นนี้ การที่เขาถามย้ำหลายครั้งเช่นนี้ก็ทำให้อูเหิงไห่รู้สึกอัปยศทบทวีแล้ว ถูกคนรุ่นหลังคนหนึ่งสั่งสอน จะให้เขาเอาใบหน้าชรานั่นไปไว้ที่ไหน
“เจ้ารนหาที่ตาย!”
หน้าผากอูเหิงไห่ผุดเส้นเลือดปูดโปน ส่งเสียงคำราม พุ่งโจมตีใส่หลินสวินราวกับไม่คิดชีวิต
หาใช่เขาเดือดดาลขุ่นเคือง หากแต่พร้อมๆ กับการก้าวเข้ามาของหลินสวิน เขาก็รู้สึกถึงอานุภาพบีบคั้นปานจะขาดอากาศหายใจ คล้ายไม่เหลือททางให้หนี ไร้ที่ให้หลบ
ภายใต้แรงกดดันระดับนั้น สิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือเป็นฝ่ายบุกโจมตี ทุบทลายอานุภาพที่พุ่งทะยานไม่ขาดสายนั่นของหลินสวิน
“ดับ!”
และเวลานี้เอง หลินสวินก็ลงมือแล้ว
กดนิ้วหนึ่งออกไป
ตูม!
พลังแห่งหุบเหวใหญ่ที่ไม่รู้กลืนกินพลังไปมากมายเท่าไหร่ เวลานี้ล้วนรวมตัวอยู่ในหนึ่งดรรชนีนี้ทั้งสิ้น ก่อนระเบิดปะทุออกมา
ไม่สามารถบรรยายความน่ากลัวของหนึ่งดรรชนีนี้ได้เลย ก็เห็นทุกทีที่พลังดรรชนีเคลื่อนผ่าน ฟ้าถล่มดินทลาย ห้วงอากาศระเบิดเป็นจุณ ทุกอย่างล้วนส่อเค้ารางของการดับสิ้นครั้งใหญ่
อูเหิงไห่ที่บุกเข้ามาก็ถูกหนึ่งดรรชนีนี้เจาะทะลวงร่าง!
จากนั้น หน้าผาก ลำคอ แขนขา ร่างกายของเขาต่างก็ระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ฝนเลือดและแกนกระดูกล้วนย่อยยับดับสูญภายใต้พลังดรรชนีอันน่าสะพรึงนั้น
ทอดสายตาจากไกลๆ ความรู้สึกที่ชักนำมาสู่ผู้คนก็คือ หลินสวินยื่นหนึ่งนิ้วออกไป ก็สามารถลบระดับมหาอริยะที่น่าสะพรึงอย่างอูเหิงไห่ให้หายไปจากโลกได้!
จิตสังขารล้วนดับสิ้น วิญญาณแตกซ่าน!
โครมครืน…
พลังดรรชนีนั่นบดขยี้ห้วงอากาศเก้าพันจั้งถึงได้มลายหายไป ส่วนห้วงอากาศเก้าพันจั้งนั้นล้วนเต็มไปด้วยภาพการดับสูญ
ทั่วลานเงียบสงัด
พวกเจ้าคางคก อาหลู่ เซ่าเฮ่าไม่มีใครไม่เบิกตากว้าง ถูกพลังทั้งหมดในการโจมตีเดียวนี้ทำให้สะท้านสะเทือน หนังหัวชาหนึบไปพักหนึ่ง
พลังระดับนี้ เผด็จการถึงขั้นน่าสยดสยองชัดๆ!
ส่วนเหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองอย่างอูเหิงเทียน เวลานี้กลับสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ร้องเสียงหลงหวาดผวาออกมา
“นี่เป็นไปได้อย่างไร”
“ไม่…!”
“ขะ ขะ เขา… เหตุใดจึงแข็งแกร่งปานนี้”
อูเหิงไห่ ผู้อาวุโสอริยะแห่งเผ่าอีกาทอง ‘นักเชือดอันดับหนึ่งระดับมหาอริยะในรอบแปดร้อยปี’ คนหนึ่ง ตำแหน่งในเผ่าก็สูงส่งน่าเกรงขามอย่างที่สุดเช่นกัน
แรกเริ่มเดิมทีก่อนที่จะเริ่มต่อสู้ พวกเขายังพากันคิดว่าหัวหน้าเผ่าวางแผนเช่นนี้ออกจะเป็นผู้ใหญ่รังแกผู้น้อยอยู่บ้าง คิดว่าการต่อกรกับมกุฎอริยะแท้คนหนึ่งไม่ควรค่าให้เรียกตัวคนใหญ่คนโตอย่างอูเหิงไห่ออกมา
แต่ใครเลยจะคาดคิด เพียงแค่ชั่วชี้นิ้วเท่านั้น อูเหิงไห่ก็ถูกฆ่าแล้ว!
ภาพเหตุการณ์นองเลือดที่เกิดขึ้นปุบปับนี้ จะให้พวกเขาเหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองรับไหวได้อย่างไร
ในลานฮือฮาไม่สิ้น สายตาทุกคู่ที่มองหลินสวินล้วนเปลี่ยนไป
เจ้าหมอนี่เอาชนะข้ามชั้น หนึ่งดรรชนีพิฆาตหนึ่งมหาอริยะ!
ต่อให้อยู่ในโบราณกาลเวลาไร้ที่สิ้นสุดของดินแดนรกร้างที่ผ่านมา ก็ยังเกิดเรื่องชวนผวาสะท้านโลกเช่นนี้น้อยครั้งยิ่งนัก
“อูเหิงเทียน การต่อสู้ครั้งแรกนี้ข้าผู้แซ่หลินชนะแล้ว”
บนห้วงอากาศ หลินสวินส่งเสียงเรียบเฉย
พร้อมกันนั้น เขากำลังซึมซับประสบการณ์การต่อสู้เมื่อครู่นี้ และในที่สุดก็ตระหนักได้อย่างลึกซึ้งว่า ยามเมื่อใช้คัมภีร์กลืนกินไร้สิ้นสุดในการต่อสู้นั้นจะน่าสะพรึงปานใดกัน!
“เฮอะ!”
อูเหิงเทียนแค่นเสียงเย็น สีหน้าคล้ำเขียว สายตาเปี่ยมด้วยแววเคียดแค้นฝังกระดูก หลินสวินกำชัย ลสู้จนเขารับมือไม่ทัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามเมื่ออูเหิงไห่ถูกฆ่า ราวกับถูกไม้ตะบองหนึกอึ้งฟาดกลางหัวชัดๆ ทำให้อูเหิงเทียนอึ้งงันอยู่ตรงนั้น
เวลานี้ เขาสูดหายใจลึกเต็มแรง กล่าวว่า “เจ้าสวะตัวน้อย เจ้าอย่าได้ใจเร็วเกินไปนัก ต่อไปยังเหลือการต่อสู้อีกสองครั้ง!”
“ไม่จำเป็นต้องพูดพล่ามอีก แค่ลุยเข้ามาก็พอ”
หลินสวินเอามือไพล่หลัง สีหน้าสงบนิ่งไม่ไหวหวั่น
“ไปเรียกผู้อาวุโสเก้าออกมา!”
อูเหิงเทียนตะโกนลั่น
สะเทือนเลื่อนลั่นทั่วเผ่าอีกาทองไปพักหนึ่ง
ผู้อาวุโสเก้าอูเหิงเจิ้น พวกระดับมหาอริยะขั้นสมบูรณ์คนหนึ่ง ในช่วงพันปีมานี้เอาแต่ปิดด่านเรื่อยมา ตั้งจิตพุ่งทะยานสู่ระดับราชันอริยะ
บรรดาผู้อาวุโสอริยะสิบสามคนในเผ่าอีกาทอง อูเหิงเจิ้นเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ต่อให้เป็นพลังต่อสู้ของผู้นำเผ่าอย่างอูเหิงเทียน ก็ยังไม่สู้อูเหิงเจิ้น!
หากไม่ใช่เพราะพลังต่อสู้ที่หลินสวินสำแดงออกมาในครั้งนี้พลิกฟ้าเกินไป อูเหิงเทียนก็คงไม่รบกวนอูเหิงเจิ้น เพราะฝ่ายหลังกำลังอยู่ในช่วงสำคัญของการพุ่งทะยานสู่ระดับราชันอริยะ
“พี่ใหญ่”
จู่ๆ กลางห้วงอากาศก็ผุดระลอกคลื่นขึ้นมา บุรุษสูงล่ำในชุดคลุมสีดำ ท่วงท่าสง่ามาดขรึมคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นในลาน
เมื่อเขาปรากฏตัว อานุภาพน่าสะพรึงไร้รูปวูบหนึ่งก็พลอยแผ่กว้างตามออกมาด้วย อลหม่านปั่นป่วนคลื่นลม
คนๆ นี้ก็คืออูเหิงเจิ้นนั่นเอง!
“บนตัวคนผู้นี้ถึงกับมีกลิ่นอาย ‘เขตแดนแห่งมรรค’ อยู่รำไร เป็นไปได้สูงว่าอาจสัมผัสบานประตูระดับราชันอริยะแล้ว แม้จะยังไม่ได้เลื่อนระดับ แต่พลังต่อสู้ของเขาก็เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดมกุฎในหมู่ระดับมหาอริยะแห่งยุค!”
เจ้านกดำเผยอาการตกใจ
พวกเจ้าคางคก อาหลู่ เซ่าเฮ่าก็พากันหัวใจชาวาบ เผยสีหน้าหนักอึ้งออกมา
ระดับมหาอริยะ แบ่งออกเป็นสามระดับ ได้แก่ ระดับต้น ระดับกลาง และระดับปลาย
เหมือนอย่างอูเหิงไห่ก่อนหน้านี้ ก็เป็นพวกที่อยู่ในมหาอริยะระดับกลาง
แต่เมื่อเทียบกับอูเหิงเจิ้น อูเหิงไห่ก็ไม่ถือเป็นอะไรเลย
เพราะอูเหิงเจิ้นเป็นพวกมกุฎที่เหยียบย่างมหาอริยะขั้นสมบูรณ์แล้ว ขาดเพียงก้าวเดียวก็สามารถย่างสู่ระดับราชันอริยะได้!
อูเหิงเทียนถึงกับส่งพวกน่าสะพรึงเช่นนี้ออกมา เห็นได้ชัดว่าถูกพลังต่อสู้พลิกฟ้าที่หลินสวินสำแดงออกมาก่อนหน้านี้จี้จุดเข้าให้แล้ว
——
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท