กู้ชูหน่วนนอนหลับอย่างสบายตลอดทั้งคืน แต่เยี่ยจิ่งหานไม่ได้นอนเลยทั้งคืน
เทียนสีแดงกะพริบพลิ้วไหวไปมา เยี่ยจิ่งหานมองดูนางที่นอนหลับใหลอย่างสวยงาม และลื่นรถเข้็นเข้าไปเพื่อจะห่มผ้าให้นาง
เป็นเวลานาน เขาถอนหายใจอย่างลำบากใจและผลักประตูออกไปเพื่อให้ลมเย็นๆ ปะทะเข้ามาตรงหน้าของเขา
“นายท่าน”
ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยต่างรีบทำความเคารพ
วันงานแต่งงาน แต่พระชายาดันทิ้งนายท่านและนอนหลับอย่างสุขสบายเพียงลำพัง แถมยังไม่ยอมให้นายท่านร่วมหลับนอนเตียงเดียวกัน หากพูดออกไปก็ไม่มีใครเชื่อ
เยี่ยจิ่งหานยกมือขวาขึ้นมา เพื่อให้พวกเขาเงียบและห้ามรบกวนการนอนหลับของกู้ชูหน่วน
จากนั้นจึงให้ชิงเฟิงเข็นเขาไปที่ห้องตำรา
ภายในห้องตำรา ชิงเฟิงยืนปรนนิบัติอยู่อีกฝั่งและเจี้ยงเสวี่ยก็รายงานว่า “นายท่าน ตัวตนของพระชายานั้นสืบค้นเท่าไรก็หาไม่พบเบาะแสใดๆ ส่วนตัวตนของอี้เฉินเฟยนั้นไม่ชัดเจนและมีคนคอยปกปิดอยู่ตลอดเวลา ทุกครั้งที่ข้าน้อยตรวจสอบได้ความบางส่วน ก็จะถูกคนตัดเส้นทางตรวจค้นเสมอ แต่คาดว่าเขาจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับนิกายเทพอสูรอย่างแน่นอน”
“ส่วนผู้นำนิกายเทพอสูรนั้น ตอนที่นางกำลังแย่งชิงไข่มุกมังกรลูกที่สี่นั้นได้ถูกทำร้ายให้บาดเจ็บสาหัสโดยจอมมาร และกระโดดหน้าผาสูงเพื่อหนีไปด้วยลมหายใจสุดท้าย หน้าผานั้นมีความสูงชันอย่างมาก จอมมารได้สั่งคนจำนวนมากค้นหา แต่ก็ไม่สามารถเจอผู้นำนิกายเทพอสูรได้ คนของนิกายเทพอสูรก็ได้ส่งคนไปค้นหาเป็นจำนวนมากเช่นกันและไม่พบเบาะแสใดๆ เลย”
“ข้าน้อยได้ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วว่าเส้นลมปราณของผู้นำนิกายเทพอสูรได้ถูกตัดขาดจนหมดสิ้นแล้วโดยจอมมารและอวัยวะภายในก็ถูกทำร้ายอย่างหนักสาหัส ก่อนหน้านี้นั้นก็ได้เผชิญกับอาการกำลังภายในบาดเจ็บสาหัสด้วยเช่นกัน”
เยี่ยจิ่งหานฟังอย่างสงบ สองมือของเขาหมุนขลุ่ยหยกขาวอย่างสง่างาม
เขาพูดแทรกขึ้นมา “ฉะนั้น ก่อนที่ผู้นำนิกายเทพอสูรจะมาเผชิญหน้ากับจอมมารก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสมาอยู่ก่อนแล้ว?”
“พ่ะย่ะค่ะ ดูเหมือนว่าจะถูกคนของเผ่าเพลิงฟ้าทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส รายละเอียดนั้นยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบอยู่พ่ะย่ะค่ะ ดูเหมือนว่าผู้นำนิกายเทพอสูรจะมีความบาดหมางกับเผ่าเพลิงฟ้า ดูภายนอกพวกเขาไม่ข้องเกี่ยวซึ่งกันและกันและไม่มีความบาดหมางอะไรกัน แต่ตามรายงานใหม่ที่ได้รับมานั้น พวกเขามีการต่อสู้กันอย่างเปิดเผยและลอบทำร้ายกันมาเป็นเวลานานแล้ว”
“นายท่าน พระชายาไม่มีทางเกี่ยวข้องกับนิกายเทพอสูรอย่างแน่นอน พระชายาไม่เคยออกจากจวนท่านอัครเสนาบดีเลยตั้งแต่เล็กจนโต อีกอย่างนิกายเทพอสูรก็ไม่ได้รับผู้หญิงจากภายนอกง่ายดายเช่นนั้น ทุกการตรวจสอบของข้าน้อยนั้น นอกจากการประสบอันตรายครั้งนั้นของพระชายาที่ผู้นำนิกายเทพอสูรได้เข้ามาช่วยเหลือเอาไว้ เรื่องอื่นก็ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับนิกายเทพอสูรอีกเลยพ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยจิ่งหานมองไปที่พระจันทร์ที่อยู่นอกหน้าต่างและไม่มีปฏิกิริยาทางสีหน้าใดๆ บนใบหน้าที่หม่นมัวของเขา
“แต่……ข้าน้อยมีอยู่เรื่องหนึ่ง ไม่ทราบว่าควรหรือไม่ควรพูดออกมา”
“พูด”
“นายท่าน ท่านแม่ของพระชายา ดูเหมือนว่าไม่ได้ตายเพราะโรคซึมเศร้าพ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยจิ่งหานดูเกิดความสนใจขึ้นมาเล็กน้อย
ตามข่าวที่ร่ำลือกันมา ท่านแม่ของกู้ชูหน่วนเกิดความรักความชอบในอัครเสนาบดีกู้ จักรพรรดิองค์ก่อนทนไม่ได้ที่เห็นว่านางต้องทนทุกข์ทรมานกับการแอบรักข้างเดียวในครั้งนี้ ดังนั้นจึงออกราชโองการขึ้นสองฉบับ ฉบับหนึ่งพระราชทานงานแต่งงานให้นางแต่งงานกับท่านพ่อของกู้ชูหน่วน
อีกหนึ่งฉบับนั้นเป็นราชโองการสั่งสังหารคู่รักในวัยเด็กของท่านพ่อของนาง
ฉะนั้นท่านพ่อของนางจึงได้จงเกลียดจงชังท่านแม่ของนาง จึงทำให้ท่านแม่ของนางเป็นโรคซึมเศร้า
“หลังจากที่ท่านแม่ของพระชายาเสียชีวิตก็ได้ทำการเผาร่างอันไร้วิญญาณ ข้าน้อยได้ตรวจสอบกระดูกที่เหลืออยู่ของท่านแม่ของนาง และพบว่ากระดูกที่หลงเหลืออยู่ของนางมีรูเล็กๆ อีกทั้งกระดูกของนางนั้นนิ่มเบาะมาก กล่าวว่าในอดีตกระดูกของท่านแม่ของพระชายานั้นได้สึกกร่อนทุกตารางนิ้วและเจ็บปวดอย่างรุนแรงก่อนที่นางจะเสียชีวิตลง”
ดวงตาที่เย็นเฉียบของเยี่ยจิ่งหานเปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันใด
“เจ้าว่าอย่างไรนะ?”
“ขุนนางผู้ทำการชันสูตรศพกล่าวว่า อาจจะเป็นเพราะท่านแม่ของพระชายาโดนยาพิษตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ และพิษก็แทรกซึมลึกเข้าไปในไขกระดูก ทำให้เกิดสภาพอากาศเลวร้ายและการกัดกร่อนของกระดูก คาดว่าท่านแม่ของพระชายาคงแทบมีชีวิตอยู่ต่อไปก็ไม่ดีไปกว่าการตายเลย ทำให้ร่างกายค่อยๆ เน่าเฟะและตายไปอย่างช้าๆ”
เยี่ยจิ่งหานบีบขลุ่ยหยกขาวเอาไว้แน่น แววตาของเขาเย็นชาจนน่าหวาดกลัว
ร่างกายเริ่มเน่าจากอวัยวะภายในไปจนถึงไขกระดูก แม้จะไม่ได้จากไปในทันที แต่ทุกวันที่มีชีวิตอยู่กลับไม่ต่างกับการตายเลยสักนิด ซึ่งสาเหตุมาจากความเสื่อมของร่างกายจากภายในสู่ภายนอกทีละน้อย
วิธีการตายเช่นนี้ ก็เป็นเหมือนกับเสด็จแม่ของเขาเลยไม่ใช่หรือ?