Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1682 ความแข็งแกร่งของซี

ตอนที่ 1682 ความแข็งแกร่งของซี
หุบเขาตะวันคล้อยอลหม่านปั่นป่วน กลิ่นคาวเลือดอบอวล
เหล่ามกุฎอริยะแท้อย่างพวกเจ้าคางคก อาหลู่ เซ่าเฮ่า รั่วอู่จัดการผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองทั่วไปพวกนั้นได้ราวกับเด็ดผักหั่นแตง ตลอดทางไม่มีอุปสรรคแม้แต่น้อย
ด้านเจ้านกดำยิ่งละทิ้งการสังหารศัตรูไปนานแล้ว เงาร่างราวกับสายลมคลั่ง ตักตวงสมบัติในหุบเขาตะวันคล้อยอย่างลับๆ ล่อๆ
เห็นท่าทางของมันแล้ว เหมือนกับขุนนางทุจริต แทบอยากจะกวาดสมบัติในที่นี้ให้เรียบ
ทันใดนั้นฟ้าดินสั่นสะเทือน กลิ่นอายน่ากลัวสายหนึ่งระเบิดออกมาจากบริเวณที่ต้นเทพฝูซางตั้งอยู่ ทำให้กฎระเบียบของฟ้าดินแถบนี้บิดเบี้ยวไปหมด
“หืม? นี่คือพลังอะไร มีกลิ่นอายที่ทำลายกฎระเบียบของฟ้าดินราวกับจักรพรรดิมาเยือน!”
“บัดซบ เผ่าอีกาทองใช้พลังมรรคจักรพรรดิแล้วหรือ”
พวกเจ้าคางคกต่างขนพองสยองเกล้า จิตวิญญาณเหมือนถูกภูเขาเทพหมื่นกาลกดทับ รู้สึกเพียงฟ้าดินถูกพลังที่น่ากลัวสายหนึ่งอัดแน่น จิตวิญญาณล้วนมีสัญญาณว่าจะสั่นคลอน
“ฆ่า!”
ขณะเดียวกันหน้าต้นเทพฝูซาง อูเหิงเทียนตวาดลั่น
กลางอากาศ ประกาศิตที่ม้วนแผ่ออกมามีประกายสลัวรางไหลวน พลังเจตจำนงของระดับจักรพรรดิแท้อบอวลเหมือนจักรวาลแรกกำเนิด
ตูม!
ในประกาศิตมีอักษรโบราณมรรคจักรพรรดิแถวหนึ่งพุ่งออกมา แต่ละตัวราวหล่อจากทองเทพ เจิดจรัสส่องประกาย กลายเป็นดาบสวรรค์สีทองเล่มหนึ่ง พิฆาตลงไปที่หลินสวิน
หลินสวินพลันมุ่นคิ้ว เหวี่ยงกระบี่อเวจีในมือขึ้นมาทันที ฟาดผ่าลงไปอย่างดุดันเรียบง่าย
เคร้ง!
กระบี่อเวจีและดาบสวรรค์สีทองปะทะกัน ละอองแสงสาดกระจายสะเทือนทั่วทิศ ทำให้แขนของหลินสวินชาไปหมด ร่างพลันซวนเซถอยหลังไปหลายก้าว
“ฮึ ก็แค่เจตจำนงสายหนึ่งเท่านั้น ข้ากลับอยากลองดูว่าเจ้าจะยืนหยัดได้นานแค่ไหน”
หลินสวินแค่นเสียงเย็นชา
เขาโบกสะบัดกระบี่อเวจี ไม่ถอยไม่หลีกกลับพุ่งขึ้นไปรับ กระบี่อเวจีถูกเขาใช้ฟาดฟันอย่างต่อเนื่อง ทุกกระบวนท่าล้วนเรียบง่ายถึงขีดสุด
แต่ปราณกระบี่แต่ละสายต่างมีอานุภาพสะเทือนฟ้าดิน กำจัดเทพผี แม้แต่ตัวกระบี่อเวจียังดำสนิท ส่องประกายยิ่งกว่าเดิม ส่งเสียงดังกึกก้อง สะท้านทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน
ทุกคนต่างอึ้งงันแล้ว
ลูกตาของพวกอูเหิงเทียนแทบถลนออกมา นั่นเป็นถึงประกาศิตที่มหาจักรพรรดิอีกามารเหลือทิ้งไว้ ประทับกลิ่นอายสูงส่งของมรรคจักรพรรดิ สามารถสังหารผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิได้
แต่ตอนนี้หลินสวินกลับประจัญบานกับมัน กำลังปะทะกับเจตจำนงของมหาจักรพรรดิ นี่น่าเหลือเชื่อเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย!
“เจตจำนงของมหาจักรพรรดิใช่สิ่งที่มดปลวกตัวจ้อยอย่างเจ้าต้านทานได้หรือ ฆ่า!”
อูเหิงเทียนตะเบ็งลั่น
จิตวิญญาณของเขาเชื่อมกับประกาศิต ก็เห็นอักษรโบราณมรรคจักรพรรดิมากมายปรากฏออกมา กลายเป็นทวนศึก กระบี่เทพ ประทับใหญ่ เจดีย์เก่าแก่สีทอง…
พุ่งพิฆาตไปที่หลินสวินพร้อมกัน!
เพียงพริบตาฟ้าดินแถบนี้ต่างปั่นป่วน อานุภาพกดดันของมรรคจักรพรรดิที่น่ากลัวโหมกระหน่ำ พูดอย่างไม่เกินจริง เวลานี้ถ้ามีอริยะคนไหนกล้าเข้ามาใกล้ง่ายๆ ก็จะถูกฆ่าทันที
พลังเช่นนี้น่ากลัวเกินไป ถึงขั้นทำให้พลังกฎระเบียบของฟ้าดินแถบนี้มีสัญญาณว่าจะแบกรับไม่อยู่
แต่ยามเผชิญหน้ากับการโจมตีดุเดือดเช่นนี้ การตอบสนองของหลินสวินกลับเรียบง่ายมาก
เงื้อกระบี่อเวจีขึ้นมา
ฟาดฟันอย่างหนักหน่วง!
แต่ละกระบี่ล้วนเรียบง่ายถึงขีดสุด แต่ก็ดุดันน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
ตึง! ตึง! ตึง!
เสียงกัมปนาทอึกทึกสนั่นหูดังก้องขึ้น เสียงปะทะกันแต่ละครั้ง สะเทือนจนในสมองของสัตว์ประหลาดเฒ่าไม่น้อยเหมือนมีเสียงดังหึ่งๆ เบื้องหน้าพร่าเลือน ยากจะรับจนเกือบกระอักเลือด
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาไม่อาจยอมรับ หรือควรบอกว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ตกตะลึงก็คือ หลินสวินในยามนี้ถึงกับไม่ถูกกำจัดทันที กลับกลายเป็นว่าส่องประกายไปทั้งตัว ถือกระบี่ฆ่าฟัน มีท่าทางหยิ่งทะนงที่ชักกระบี่ออกมามองโดยรอบแล้วไร้ผู้ต่อกร
ทุกคนต่างขนพองสยองเกล้า
นี่… ยังใช่คนอยู่ไหม
แม้แต่เจตจำนงของมหาจักรพรรดิยังต้านได้ ใครจะกล้าเชื่อ
ถ้ากึ่งจักรพรรดิบนโลกอยู่ที่นี่ เกรงว่าคงละอายจนก้มหน้า ยอมรับว่าสู้ไม่ได้ ด้วยแม้แต่กึ่งจักรพรรดิก็ถูกลิขิตให้ไม่อาจหลบการโจมตีของเจตจำนงมหาจักรพรรดิได้
แต่มกุฎมหาอริยะคนหนึ่งอย่างหลินสวินกลับกำลังสกัดกั้นอยู่ ทั้งท่าทียังแข็งกร้าว เงื้อกระบี่ขึ้นมาฟาดฟันอย่างหนัก ฝีมือดูหยาบกระด้าง แต่กลับมีอานุภาพกระเทือนใจคน
“หรือคนในที่ลับซึ่งคอยช่วยเจ้าหนุ่มนี่… จะเป็นมหาจักรพรรดิคนหนึ่งจริงๆ”
“ไม่! กฎระเบียบฟ้าดินของดินแดนรกร้างโบราณไม่อาจรองรับพลังของมหาจักรพรรดิได้แน่ บนโลกนี้ไม่มีทางมีระดับจักรพรรดิเช่นกัน!”
“ถ้าเช่นนั้น นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เวลานี้ราชันอริยะอย่างพวกอูเฟิงจื่อ อูหลิงจื่อต่างหน้าเปลี่ยนสี เผยความตกตะลึงให้เห็น ล้วนไม่กล้าเชื่อ
“ฆ่า!”
อูเหิงเทียนตาแทบถลน เกือบจะหลั่งเลือด เหี้ยมเกรียมน่ากลัว
วู้ม!
กลางอากาศประกาศิตมรรคจักรพรรดิซัดโหม อักษรโบราณมรรคจักรพรรดินับไม่ถ้วนแผ่คลุมดั่งแสงเจิดจ้าหลายสาย ปั่นป่วนไปทั่ว ถักทอออกมาเป็นกฎเกณฑ์เจตจำนงมรรคจักรพรรดิ
ในความรางเลือน ราวกับมีร่างสูงตระหง่านผิดธรรมดาร่างหนึ่งปรากฏ นัยน์ตาเยียบเย็นล้ำลึก กลิ่นอายสูงส่งครอบจักรวาล เหมือนนายเหนือหัวผู้ยิ่งใหญ่
มหาจักรพรรดิอีกามาร!
พริบตานี้สัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างอูเฟิงจื่อ อูหลิงจื่อต่างตื่นเต้นจนเกือบหลั่งน้ำตา
กี่ปีแล้วที่ไม่ได้เห็นความน่าเกรงขามของบรรพชน ยามนี้ต่อให้เป็นแค่สิ่งที่พลังเจตจำนงสร้างขึ้น แต่ยังคงทำให้พวกเขาจิตใจปั่นป่วนอยู่เหมือนเดิม
ตูม!
มายาของมหาจักรพรรดิอีกามารยื่นมือออกไป พลังปานฟ้าถล่มดินทลายแผ่ออกมา บดขยี้การโจมตีทุกอย่างของหลินสวินจนแหลกละเอียด ซัดร่างเขาลอยออกไปตรงๆ จนมุมปากกระอักเลือด เกือบจะร่วงคะมำกลางอากาศ
“เยี่ยม!”
สัตว์ประหลาดเฒ่าเผ่าอีกาทองพวกนั้นตื่นเต้นจนตะโกนลั่น นี่ก็คืออานุภาพที่แท้จริงของเจตจำนงจักรพรรดิ แข็งแกร่งจนราวกับนายเหนือหัว!
“อย่างนี้สิค่อยน่าสนใจหน่อย”
ห่างออกไปหลินสวินเอ่ยปาก แววตาเฉยชา
เขาพลันทะยานขึ้นเหนือเมฆ กระบี่อเวจีในมือสร้างนรกใหญ่ดำสนิทหนึ่งออกมาทันใด ร้อยถักขึ้นมาจากปราณกระบี่พันหมื่นสาย สยบพิฆาตลงมา
มองจากไกลๆ ก็เหมือนเปิดทางเข้าขุมนรก!
ตูม…
ฟ้าดินราวกับจะทรุดตัวลง แบกรับพลังชั้นยอดที่กระบี่นี้สำแดงออกมาไม่อยู่ ทั้งหมดล้วนโจมตีไปที่มายาของมหาจักรพรรดิอีกามาร
ที่นั่นฝนกระบี่ราวน้ำตก ปราณกระบี่ดั่งคุกคุมขัง เสียงสะเทือนใต้หล้าเหมือนดวงดาวมากมายระเบิดออก
ปึง!
มายาของมหาจักรพรรดิอีกามารสั่นคลอน ถึงกับไม่อาจทำอะไรนรกกระบี่นี้ได้ในทันที
เขาตวาดเสียงเย็น ร่างกายที่เหมือนภาพมายาแผ่กลิ่นอายราวกับไม่เสื่อมสูญ ส่องประกายต่อเนื่อง ออกหมัดสังหาร แต่ละหมัดล้วนมีอานุภาพแผดเผาโลก
หลินสวินตวัดกระบี่ฟาดฟัน กระบี่อเวจีสร้างขุมนรกออกมาเป็นชั้นๆ เฉียบคม น่ากลัว มืดมิด ทำให้เวิ้งฟ้าต่างสั่นคลอน
เพียงพริบตาบริเวณนั้นก็อลหม่านอย่างสมบูรณ์ ถูกภาพการทำลายล้างเข้ามาเติมเต็ม
ทุกคนในที่นั้นจิตใจสะท้านไหว ดวงตาแสบแปลบ ไม่อาจสังเกตภาพการต่อสู้ได้อย่างสิ้นเชิง ด้วยพลังนั้นสูงส่งเกินไป!
ตู้ม ครืน…
เงาร่างของมหาจักรพรรดิอีกามารกำลังโอนเอนไปมา แต่ยังคงความแข็งแกร่งของอานุภาพจักรพรรดิอยู่เหมือนเดิม ทุกการโจมตีทำให้ฟ้าดินม้วนตลบ สรรพสิ่งกลายเป็นจุณ
หุบเขาตะวันคล้อยที่กว้างใหญ่สั่นสะเทือนรุนแรง สิ่งปลูกสร้างเก่าแก่ไม่รู้เท่าไรพังทลาย ทั้งไม่รู้ว่ามีภูเขาต้นไม้มากเท่าไรกลายเป็นฝุ่นผง
เดิมที่นี่เป็นอาณาเขตของเผ่าอีกาทอง เป็นแดนพิสุทธิ์เร้นอริยะแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงของดินแดนรกร้างโบราณ แต่ตอนนี้ทุกหนแห่งล้วนเป็นภาพพังทลาย มลายล้าง!
สีหน้าหลินสวินเยียบเย็นยิ่งกว่าเดิมแล้ว ตวัดกระบี่อย่างต่อเนื่อง เนื่องด้วยเร็วเกินไปกระบี่อเวจีจึงซัดเงากระบี่ขึ้นมาไม่รู้กี่ชั้น กลิ่นอายที่แผ่ออกมากลายเป็นทะเลกระบี่นรกที่เหมือนไม่เสื่อมสูญ
ในที่สุดเมื่อเสียงกัมปนาทดังขึ้น เงาร่างของมหาจักรพรรดิอีกามารก็เซถอยหลัง ร่างกายสลัวจางไปไม่น้อย
หลินสวินฟาดฟันอย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดพัก ราวกับนรกขุมแล้วขุมเล่าปรากฏขึ้นบนโลก หมายจะกำราบทุกสรรพสิ่ง
ในการต่อสู้ทั้งสองต่างไหวสะท้านไม่หยุด ปะทะกันอย่างต่อเนื่อง เสียงที่ระเบิดออกมาราวกับทวยเทพกำลังท่องสวด ทำให้ผู้คนหวั่นหวาด
มายามหาจักรพรรดิอีกามารเลือนรางยิ่งกว่าเดิมแล้ว แสงประกายสลัวลงยิ่งกว่าเดิม มีแนวโน้มว่าใกล้จะดับมอดพังทลายอยู่รางๆ
พวกอูเฟิงจื่อต่างมุมปากสั่นเทิ้ม พลังนี้ต้องน่ากลัวแค่ไหนถึงต้านเจตจำนงของจักรพรรดิได้
ตูม!
ทันใดนั้นบนตัวหลินสวินพลันเปล่งแสงที่เหมือนไม่เสื่อมสูญออกมา ส่องท้องนภาสว่างไสว กลิ่นอายแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมแล้ว เขาเก็บกระบี่อเวจีลงไปทันใด ก่อนยกมือขึ้นบิดนิ้ว
การเคลื่อนไหวผ่อนคลายสบายๆ แต่กลับมีประกายวาววามหมื่นชั้นปรากฏ วิวัฒน์เป็นแท่นมรรคเก่าแก่แท่นหนึ่งที่เหมือนกำราบปวงสวรรค์ไว้ ด้วยส่องประกายเจิดจ้าเกินไปทำเอาผู้คนไม่อาจมองตรงๆ
“ทลาย!”
คำพูดหนึ่งดังขึ้นเบาๆ จากนั้นแสงเจิดจ้าไร้สิ้นสุดก็พุ่งขึ้นมาจากแท่นมรรคนั่น เข้าปกคลุมไปที่มหาจักรพรรดิอีกามาร
เสียงปะทะดังขึ้น ยามนี้ฟ้าดินเหมือนอลหม่าน ตกอยู่ในสภาพยุ่งเหยิง มองอะไรไม่เห็น และสัมผัสไม่ได้
ทุกคนต่างใจสั่นระรัว เบื้องหน้าพร่าเลือน ถูกกลิ่นอายน่ากลัวกระตุ้นจนขวัญหนีดีฝ่อ ราวตกสู่หุบเหวลึก
เมื่อทุกอย่างสลายหายไปทั่วสารทิศก็เงียบสงัด
ในที่นั้นไม่เห็นเงาร่างของมหาจักรพรรดิอีกามารแล้ว และไม่เห็นประกาศิตจักรพรรดิสายนั้นแล้วเช่นกัน
ในบรรยากาศที่เงียบสงัด ร่างของหลินสวินยืนตระหง่าน ณ ที่นั้นราวกับคงอยู่มาแต่โบราณ เยียบเย็นหยิ่งทะนง มีมาดสง่างามหยิ่งผยอง
“เจตจำนงจักรพรรดิ… ถูกทำลายแล้วรึ”
มีคนอึ้งงันตื่นตระหนก พึมพำเสียงหลง
“ไม่…!”
ไม่นานในที่นั้นก็มีเสียงตะโกนโหยหวนของอูเฟิงจื่อดังขึ้น ทั้งตัวราวกับคลุ้มคลั่ง
“เป็นไปได้อย่างไร เป็นไปได้อย่างไร…”
สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นก็เกือบจะพังทลาย แบกรับการโจมตีเช่นนี้ไม่อยู่ แต่ละคนว้าวุ่นไปหมด ราวสูญพ่อสิ้นแม่
เจตจำนงจักรพรรดิสายนี้เป็นไพ่ตายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหุบเขาตะวันคล้อย และเป็นพลังที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งเผ่าอีกาทองมีด้วย
แต่ตอนนี้กลับถูกทำลายจนสิ้นซากแล้ว นี่ก็เหมือนกับฟ้าถล่ม!
‘หลังจากนี้ถึงตาเจ้าลงมือแล้ว’
หลินสวินหันกลับมาทันใด มองไปที่ใต้ต้นเทพฝูซางแล้วสื่อจิตออกไป
น้ำเสียงเพิ่งแผ่วลง ก็เห็นพลังเร้นลับยากหยั่งถึงบนร่างหลินสวินนั้นพลันหายไป ท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่เดิมเยียบเย็นหยิ่งทะนงก็จางหายไปด้วย
เวลานี้ในที่สุดหลินสวินก็กลับมาควบคุมร่างกายได้แล้ว เพียงแต่จิตใจของเขายังมึนงงไปพักหนึ่ง
ก่อนหน้านี้แม้ว่าหญิงลึกลับ ‘ซี’ จะแบ่งพลังส่วนหนึ่งมาช่วยเขาต่อสู้ แต่ทุกรายละเอียดของการต่อสู้ล้วนถูกหลินสวินรับรู้ได้อย่างชัดเจน
ประสบการณ์ที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้หยั่งถึงนัยเร้นลับของการต่อสู้ระดับจักรพรรดิล่วงหน้า น่าเหลือเชื่อเป็นอย่างยิ่ง
นี่ต้องเป็นประสบการณ์ล้ำค่าอย่างหนึ่งที่หาได้ยากยิ่ง มอบประโยชน์อเนกอนันต์ในหนทางฝึกปราณภายหน้าของเขา
พวกอูเฟิงจื่อที่กำลังโศกเศร้า เดือดดาล ตื่นตระหนกล้วนสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของกลิ่นอายหลินสวินได้ตั้งแต่พริบตาแรก พวกเขาชะงักไปก่อน พลังที่คอยช่วยเจ้าหมอนี่หายไปแล้วหรือ
จากนั้นพวกเขาต่างก็เผยไอสังหารมืดทะมึนน่ากลัวออกมา!
เจตจำนงจักรพรรดิไม่อยู่แล้ว แต่เช่นเดียวกัน พลังซึ่งเป็นที่พึ่งของเจ้าหนุ่มนี่ก็หายไปด้วย นี่คือโอกาสหาได้ยากอย่างไม่ต้องสงสัย
เพียงแต่ยังไม่รอให้พวกเขาลงมือ ต้นเทพฝูซางพลันส่งเสียงกัมปนาท พื้นดินตรงนั้นระเบิดทันที เงาร่างหนึ่งพุ่งทะยานออกมา
“ฮ่าๆๆ ผ่านกาลเวลามาชั่วกัปกัลป์ ในที่สุดตอนนี้ข้าก็ได้เจอแสงตะวันอีกครั้ง!”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะร่า ไอพลังอำมหิตที่ร้ายกาจน่ากลัวสายหนึ่งก็แผ่กระจายตามมา
เงาร่างนั้นราวกับเทพดุร้ายดึกดำบรรพ์ แหงนมองฟ้าหัวเราะร่า เสียงสะท้านจักรวาล บ้าระห่ำไม่ด้อยไปกว่าเมื่อปีนั้นเลย!
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท