“เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเขาใช้กลิ่นย่างหมูป่านี้เพื่อเป็นการดึงดูดสมบัติล้ำค่าอะไรบางอย่าง?”
“มีความเป็นไปได้ ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะกินหมูป่าจำนวนมากเช่นนั้นหมดได้อย่างไร”
“ไปกันเถอะ เราไปดูกันเถอะ”
นักเรียนทั้งหลายพูดจบก็ลุกขึ้นและจับกลุ่มแอบเดินไปดูกัน เจ๋ออ๋องไม่อยากไปดู แต่ก็อดไม่ได้กับความน่าประหลาดใจนี้ จากนั้นจึงติดตามเดินไปดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
มองจากระยะไกล พวกเขาเห็นว่าพวกเขาได้ก่อไฟเอาไว้หลายกอง เซี่ยวอวี่เซวียนหมกมุ่นอยู่กับการย่างหมู และเหน็ดเหนื่อยจนเหงื่อไหลท่วมตัว
กู้ชูหน่วนพัดพลางและโรยผงเครื่องเทศไปยังบนตัวของหมูป่า
และสิ่งที่กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อยกลับกลายเป็นงูตัวหนึ่ง
เป็นงูตัวเล็ก งูที่มีขนาดเล็กกว่าตะเกียบ แต่กลับกินเยอะอย่างน่าแปลกใจ มันกัดกลืนหมูเข้าไปคำแล้วคำเล่า ราวกับไม่เกรงกลัวว่าจะกินจนพุงแตก
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเห็นว่าพวกเขากำลังแอบดูหรือไม่ งูตัวน้อยก็ยืดหัวของมันขึ้นมาและทำเสียงขู่ใส่พวกเขา
และเมื่อมองไปลงที่พื้น แม้แต่กระดูกเศษซากหรือหัวหมูป่าก็ไม่มีให้เห็นแม้แต่นิดเดียว เพียงชั่วพริบตาเดียว พวกเขาก็ไม่รู้ว่าเนื้อหมูป่าเหล่านั้นหายไปไหนหมด
หลังจากเสียงขู่คำรามของงูตัวน้อยนั้นดังขึ้น งูจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นในระยะไกลๆ งูเหล่านี้มีสีสันและสายพันธุ์ที่หลากหลายและเป้าหมายของพวกมันมุ่งไปที่นักเรียนที่กำลังแอบมอง
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป งูเหล่านั้นส่วนใหญ่แล้วมักมีพิษร้าย หากเมื่อถูกกัดเข้าจะต้องตายอย่างไร้ข้อสงสัยอย่างแน่นอน
ทุกคนต่างหลบหนีกันไปคนละทิศคนละทาง และกลัวว่าหากช้ากว่านี้เพียงก้าวเดียว เช่นนั้นก็จะตกอยู่ในอันตรายของงูพิษเหล่านั้น แม้แต่เจ๋ออ๋องก็วิ่งหนีอย่างสุดชีวิต
กู้ชูหน่วนมองไปที่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์และกลอกตาใส่ “ไร้สาระ”
เรียกเพื่อนๆ งูพิษออกมาเป็นจำนวนมาก เพื่อมาทำให้คนอื่นตกใจและตัวเองจะได้กินต่ออย่างเอร็ดอร่อย ก็มีเพียงเขาเท่านั้นที่คิดทำเช่นนี้ได้
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์หัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจ จากนั้นจึงกินต่อไปโดยไม่กังวลอะไร
เซี่ยวอวี่เซวียนเหน็ดเหนื่อยจนทรุดตัวลงกับพื้นพร้อมกับหอบเหนื่อย “ข้าเหนื่อยเหลือเกิน เจ้าหมอนี่ยังต้องกินต่อไปอีกนานแค่ไหนถึงจะอิ่มน่ะ ข้าย่างหมูป่ามาครึ่งค่อนคืนแล้วนะ”
“ซู่ๆ……”
หางงูสะบัดไปมา บนพื้นมีร่องรอยปรากฏขึ้น หนึ่งร้อย
เซี่ยวอวี่เซวียนลุกขึ้นทันที “หมูป่าหนึ่งร้อยตัว? ทำไมเจ้าไม่ไปหาเองล่ะ ข้าไม่ใช่คนใช้ของเจ้าเสียหน่อย ข้าไม่ทำแล้ว”
กู้ชูหน่วนก็ทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว หมูป่าและกระต่ายมากกว่าสิบตัว พวกเขากลับไม่ได้กินสักคำ ทั้งหมดล้วนเข้าไปในท้องของมันทั้งหมด และเมื่อมองดูมันตอนนี้ก็มีขนาดเท่ากับตะเกียบเท่านั้น ก็ไม่รู้ว่าหมูป่าเป็นสิบๆ ตัวที่มันกินเข้าไปนั้นไปอยู่ตรงไหนหมด?
ทันใดนั้นลมหายใจเย็นๆ ก็ดังขึ้นมาจากระยะไกล
เมื่อปรากฏตัวขึ้นก็ทำให้กู้ชูหน่วนและทุกคนต่างล้อมกันเป็นวงกลม
กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้น เป็นชายวัยกลางคนสองคน ฝีมือความสามารถของพวกเขาทั้งสองคนถึงระดับขั้นสูงสุด พวกเขาดูธรรมดา แต่เต็มไปด้วยรัศมีแห่งความฆ่าสังหาร
มือของกู้ชูหน่วนสั่นสะท้านไม่หยุดและพูดด้วยเสียงเรียบ “มีคนสั่งให้พวกเจ้ามาฆ่าข้าอีกแล้วหรือ?”
“ชีวิตของเจ้าต้องจบลงเพียงเท่านี้”
อ่า……
กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะเย้ยและไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง
ฝีมือขั้นสูงสุด แม้ว่าความสามารถจะสูงมาก แต่โชคร้ายเหลือเกินที่นางมีอสุรกายชั้นสูงสุดระดับสี่ หากต้องการจะสังหารนาง เกรงว่ายังอ่อนหัดเกินไป
ครั้งนี้เซี่ยวอวี่เซวียนไม่กังวลใจเลยและยังคงโบกพักของเขาต่อไป ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาสงบมากเป็นพิเศษ
แน่นอนว่า เมื่อสองคนผู้มีฝีมือขั้นสูงได้แสดงฝีมือการสังหารออกมา ก็กลับถูกเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์บดบี้ขยี้จนแบน พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถูกบดขยี้อย่างไร พวกเขาได้ยินเสียงกรีดร้องเพียงสองครั้งเท่านั้น หลังจากนั้นยอดนักฝีมือขั้นสูงทั้งสองคนก็ตกเข้าไปในท้องของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว “คนบางคนค่อนข้างสกปรก กินเข้าไประวังจะท้องเสียเอาได้ง่ายๆ ต่อไปห้ามกินอะไรโดยพลการเด็ดขาด”
“ซู่ๆ……”
เจ้างูตัวน้อยส่งเสียงตอบรับและตั้งใจกินเนื้อหมูป่าย่างต่อไป
เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า ไม่มีใครอยู่บนภูเขาเลยนอกจากพวกเขาสี่คนและเจ้างูตัวน้อย
กู้ชูหน่วนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “โดยปกติแล้วบนภูเขาลูกนี้มักมีผู้คนจำนวนมากไม่ใช่หรือ? เหตุใดวันนี้ถึงไม่มีคนเลย?
หรือเป็นเพราะถูกเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ทำให้ตกใจไปกันหมดแล้ว?”
“ไม่ได้เป็นเช่นนั้นหรอก ได้ยินมาว่ามีสมบัติล้ำค่าที่หายากอยู่บนภูเขาทางทิศเหนือชิ้นหนึ่ง แต่มีอสุรกายเฝ้าเอาไว้ทำให้ทุกคนเข้าไปไม่ได้ มีคนคิดที่จะออกมา แต่ก็รู้สึกเสียดาย ดังนั้นจึงทำให้ผู้คนจำนวนมากไปเฝ้ากันอยู่ที่นั่น”
“ลูกพี่ ไม่เช่นนั้นเราไม่ดูกันเสียหน่อยดีหรือไม่ วันนี้ก็เป็นวันที่สามแล้ว ตอนนี้เรายังหาขุมทรัพย์ไม่เจอเลยสักชิ้น รู้สึกอับอายและรู้สึกหงุดหงิดเหลือเกิน”
“ได้ ไปกันเถอะ เราไปดูเสียหน่อย” และเพื่อจะได้ดูว่ากู้ชูอวิ๋นอยู่ที่นั่นหรือไม่?
เป็นเวลาสามวันเต็มๆ นางได้เจอคนไม่น้อย ยกเว้นแต่เพียงกู้ชูอวิ๋น
ในส่วนลึกของภูเขาทางตอนเหนือ นักเรียนจำนวนมากของสำนักศึกษาหลวงกำลังวิ่งออกไปข้างนอก ใบหน้าของแต่ละคนล้วนเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกตกใจ ราวกับว่ามีสัตว์ร้ายกำลังไล่ตามพวกเขาอยู่
หลังจากก้าวไปข้างหน้าอีกเล็กน้อย มีนักเรียนจำนวนไม่น้อยที่วิ่งหนีออกมาและได้รับบาดเจ็บ และได้ยินเสียงสิงโตคำรามเป็นระยะๆ จากในระยะไกล
“ฟังจากเสียง ดูเหมือนจะเป็นเสียงของสิงโตเปลวไฟ อย่างน้อยสิงโตเปลวไฟจะอยู่ในระดับสูงสุดอันดับที่สอง เรายังจะไปอยู่หรือไม่?”
“เหตุใดถึงไม่ไปล่ะ ไม่เข้าถ้ำเสือ จะได้ลูกเสือได้อย่างไรล่ะ”
“(เสียงคำราม)……”
เสียงคำรามของสิงโตดังขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่ามันอยู่ตรงหน้า เจ๋ออ๋องก็ได้รับบาดเจ็บและถูกนักเรียนของสำนักศึกษาหลวงคุ้มครองและนำตัวออกไป
อย่างไรก็ตาม ความเร็วของสิงโตเปลวไฟนั้นเร็วมาก เพียงชั่วพริบตาเดียว พวกเขาก็ถูกล้อมเอาไว้ แม้แต่กู้ชูหน่วนก็ถูกล้อมไว้
นักเรียนต่างก็หวาดกลัวและเกร็งตั้งแต่หัวจรดเท้า
พวกเขามาถ้ำสวินหลงซานก็เพื่อล่าขุมทรัพย์สมบัติล้ำค่าเท่านั้น เหตุใดถึงต้องประสบพบเจอกับอสุรกายด้วย
“ซู่ๆ……”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ถ่มน้ำลายออกมาและสิงโตเปลวไฟซึ่งเดิมเป็นราชาแห่งป่าก็อดไม่ได้ที่จะหมอบคลานลง
พวกมันริเริ่มเปิดทางออกหนึ่งทาง และไม่กล้าไล่ล่านักเรียนที่วิ่งหนีกันออกมา
เหล่านักเรียนวิ่งหนีออกมาอย่างเตลิดเปิดเปิงและพลางบ่นประชดประชัน “กู้ชูหน่วนพวกเขาโง่หรืออย่างไร? เหตุใดยังไม่รีบหนีออกมา พวกนางไม่กลัวถูกสิงโตเปลวไฟกินเข้าไปหรือ”