บทที่ 415
เยี่ยเฟิงหัวเราะอย่างไร้เสียง
หากครั้งนี้เขาสามารถมีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ สิ่งที่พวกเขาทำกับเขาไว้ทั้งหมดนี้ เขาจะเอาคืนร้อยเท่าพันเท่า
“พวกเจ้าต้องการอะไรก็ทำกับข้า ปล่อยเขาไป”
หัวใจของอัครมเหสีฉู่นั้นเจ็บปวดจนแทบทนไม่ได้
เยี่ยเฟิงเป็นคนจิตใจดีเช่นนี้ แต่ทำไมคนเหล่านี้ต้องคอยทรมานเขาเช่นนี้ด้วย
เขาสมบูรณ์แบบเช่นนั้น เขามีความภาคภูมิใจและมีศักดิ์ศรี พระองค์ไม่กล้าที่จะคิดเลยว่า การจะเป็นผู้คอยปรนนิบัติคนหนึ่งให้ผู้นำกองธงกล้วยไม้ทรมานอย่างไรก็ได้เช่นนี้ หัวใจของเขาจะเจ็บปวดมากเพียงใด
เยี่ยเฟิงยิ้มอย่างเยือกเย็น “ฮูหยิน ชีวิตของเยี่ยเฟิงนี้ไม่มีค่าพอให้ท่านต้องทำเช่นนี้……ขอโทษด้วย……ที่ความสามารถของข้ามีจำกัดและไม่สามารถปกป้องคุ้มครองท่านได้”
“เด็กน้อย……”
“สิ่งเหล่านี้ข้าคุ้นเคยกับมันตั้งนานแล้ว ไม่ตายง่ายๆ หรอก อย่างมากก็แค่เป็นแผลบาดเจ็บ พักรักษาตัวไม่กี่วันก็หาย ฮูหยินไม่ต้องเป็นกังวลหรอกขอรับ”
เขาพูดออกมาอย่างเรียบเฉย แต่กลับทำให้อัครมเหสีฉู่ยิ่งรู้สึกสงสาร
เมื่อมองไปที่ถังเหล็กนั่น เยี่ยเฟิงกวาดสายตาไปที่ทุกคนที่อยู่ที่นั่นและสุดท้ายก็พยายามดิ้นรนที่จะหลุดพ้นจากพันธนาการของมหาราชาผู้พิทักษ์ จากนั้นค่อยๆ เดินไปที่ถังเหล็ก
ยังมีเลือดสดติดอยู่ที่เหล็กแหลม โดยไม่รู้ว่าเคยมีคนถูกกระทำเช่นนี้ไปแล้วกี่คน
เยี่ยเฟิงเก็บกลั้นความขมขื่นเอาไว้และสูดหายใจลึกก่อนที่จะเดินเข้าไปด้วยตัวเอง
“ไม่……ไม่ได้……”
อัครมเหสีฉู่พยายามที่จะคลานเข้าไป
เหล็กแหลมคมเหล่านั้น บาดลึกเข้าไปยังดวงตาของพระองค์อย่างเจ็บปวด
ผู้นำกองธงกล้วยไม้และผู้นำกองธงโบตั๋นคิดไม่ถึงว่าเยี่ยเฟิงจะริเริ่มเดินเข้าไปเองได้ง่ายดายเช่นนี้
แต่ความเป็นจริง ต่อให้เขาต่อต้าน เขาก็ไม่อาจหลุดพ้นจากชะตากรรมนี้ไปได้
“อ่า……ในเมื่อเจ้าอยากลองเช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็จะตอบสนองเจ้า สั่งคนมาที่นี่ ปิดประตู”
ประตูเหล็กขนาดใหญ่ถูกปิดลง ภายในมีเสียงคร่ำครวญเล็ดลอดออกมา และภายใต้ถังเหล็กก็มีหยดเลือดย้อยลงมาเป็นทาง
อัครมเหสีฉู่แทบจะเป็นลมหมดสติไป
ช่วงครึ่งหุบเขาข้างบน กู้ชูหน่วนเดินวนไปมาด้วยความกังวล เจ้าคนของเผ่าเพลิงฟ้าเหล่านั้น เหตุใดยังไม่รีบมาอีก
ผู้นำกองธงโบตั๋นกล่าว “เปิดระดับที่สอง”
เสียงคำสั่งเปล่งออกไป ผู้ถือธงต่างก็กดผนึกประตูเหล็กด้วยของหนักอีกชั้นหนึ่ง เลือดที่อยู่ภายในก็หยดย้อยออกมาในทันใด
ผู้นำกองธงกล้วยไม้อดไม่ได้ที่จะปรบมือให้กับความสนุกที่เกิดขึ้น
“ที่แท้แล้ว ยิ่งประตูปิดแน่นมากเท่าไร เหล็กแหลมก็จะทิ่มแทงเข้าไปลึกมากเท่านั้น ช่างน่าสนใจมาก แต่เหตุใดข้างในถึงไม่มีเสียงอะไรเลย หรือว่าเสี่ยวเฟิงเอ๋อร์จะตายอยู่ข้างในเสียแล้ว?”
“พี่ผู้นำกองธงกล้วยไม้ เจ้าเพิ่งจะมอบเขาให้กับข้าเมื่อสักครู่เอง เหตุใดถึงยังเป็นห่วงเป็นใยเขาอยู่? หรือว่าเจ้ายังไม่สามารถปล่อยวางจากเขาได้?”
“ข้าเพียงกลัวว่าจะเล่นเขาจนตาย เช่นนั้นก็คงหมดสนุกนะสิ” แววตาของผู้นำกองธงกล้วยไม้ไม่อาจคาดเดาได้ว่าสิ่งที่เขาพูดออกมานั้นเท็จจริงมากเพียงใด
ผู้นำกองธงโบตั๋นกำลังหัวเราะ แต่รอยยิ้มนั้นกลับดูไม่จริงใจ
“ไม่ต้องกังวลไป เยี่ยเฟิงหล่อเหลาเช่นนั้น ข้าจะให้เขาตายไปได้อย่างไร เขาไม่ตายหรอก เพียงแต่ผู้นำกองธงกล้วยไม้อย่าลืมไปว่า ในเมื่อเจ้ามอบเยี่ยเฟิงให้กับข้าแล้ว เจ้าก็อย่าได้เสียใจไป”
“เปิดระดับที่สาม”
“อืม……”
เยี่ยเฟิงกำลังเจ็บปวดทรมาน ไม่ว่าเขาจะกัดฟันเพื่ออดทนเท่าไรก็ยังคงมีเสียงโอดครวญเล็ดลอดออกมา
เจ็บปวด……
เจ็บปวดเหลือเกิน
ทั้งร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้า นอกจากหัวใจแล้ว ทุกส่วนของร่างกายต่างถูกเหล็กแหลมคมทิ่มแทง
และไม่รู้ว่าเหล็กแหลมเหล่านี้อาบยาชนิดใดมาก่อน แต่ละซี่ที่ทิ่มแทงเข้ามานั้นเจ็บปวดยิ่งกว่าเอาเกลือมาโรย
ข้างในนั้นมืดสนิท เหล็กแหลมยังคงทิ่มแทงเข้าไปไม่หยุด ราวกับจะทิ่มแทงให้ทะลุร่างกายของเขาเสียให้ได้
เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตลอยเข้ามาในหัวของเขา
เยี่ยเฟิงกัดริมฝีปากของเขาเพื่ออดทนไม่ส่งเสียงออกไปให้อัครมเหสีฉู่เป็นกังวลใจ
“ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้……หากพวกเจ้าไม่ปล่อยเขา รัฐเยี่ยของข้าจะเปิดศึกกับพวกเจ้าอย่างไม่มีวันยอมเลยคอยดู”
“เฮอะ……เจ้าคิดว่า เจ้าจะมีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่อย่างนั้นหรือ?”
เยี่ยเฟิงรู้สึกเป็นห่วงอย่างมาก
หากอัครมเหสีฉู่เป็นอะไรไป……
เขาแทบไม่กล้านึกถึงผลที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้
ความเกลียดแค้น……กำเนิดต้นกล้าขึ้นในหัวใจของเขา ค่อยๆ แตกหน่อและเติบโต และในที่สุดก็ล้อมรอบร่างกายของเขา ค่อยๆ เติบโตขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ