บทที่ 421
คำโกหกถูกเปิดโปงทว่ากู้ชูหน่วนไม่ได้เขินอายเลยแม้แต่น้อย แต่กลับยิ้มเพิ่มมากขึ้นและจริงใจทุกประโยค
“ด้วยจิตสำนึกแห่งฟ้าดินข้าต้องการให้เยี่ยเฟิงมอบแผนที่ให้กับท่านจริงๆ แต่ว่าในมือของเขาไม่มีแผนที่อยู่ข้าจึงต้องมาขออภัยท่าน”
“ในมือของเขาไม่มีแผนที่งั้นแผนที่ก็ต้องอยู่ในมือของท่านสินะ”
“หากว่าแผนที่อยู่ในมือของข้าข้าก็ไปหาไข่มุกมังกรเองแล้ว ไม่จำเป็นต้องมารอท่านที่นี่”
ดวงตาอันอบอุ่นของเหวินเส่าอี๋ค่อยๆกวาดมองเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มอันบางเบา “เยี่ยจิ่งหานหล่ะ ไม่ได้มาพร้อมกับท่านหรอกหรือ?”
“สถานที่แห่งนี้ทั้งหนาวทั้งเปลี่ยว เขาผู้เป็นท่านอ๋องผู้อ้อนแอ้นจะมาที่นี่ได้อย่างไร”
เหวินเส่าอี้ไม่ได้กล่าวสิ่งใดแต่ในแววตาเขียนเต็มไปด้วยคำว่าไม่เชื่อ
ราวกับว่าเขาไม่ต้องการพูดเรื่องไร้สาระกับกู้ชูหน่วน เหวินเส่าอี๋กล่าวตรงประเด็นโดยตรงว่า “ให้ทางเลือกแก่ท่านสองทาง ทางหนึ่งคือตายอีกทางหนึ่งมอบระฆังวิญญาณสะบั้นออกมา”
“ก็แค่ระฆังแตกหักอันหนึ่งแม้ว่าท่านจะได้ไปแล้วเกี่ยวข้องอันใดกับที่นี่?” กู้ชูหน่วนกางมือออก
“บนภูเขาสวินหลงจู่ๆก็ปรากฏประกายแสงสายรุ้งเจ็ดสีขึ้นบนท้องฟ้า ใต้ท้องฟ้าบังเกิดร่องรอยซึ่งประกายแสงผ่านทะลุระฆังอันหนึ่ง ผู้ที่ตั้งใจมองเพียงเล็กน้อยก็จะรู้ว่านั่นเป็นแสงแห่งจิตวิญญาณที่ปรากฏออกมาจากการรวมตัวกันขึ้นใหม่ของระฆังวิญญาณสะบั้นที่แตกสลาย”
กู้ชูหน่วนแตะคาง
ในประกายแสงสายรุ้งเจ็ดสีมีเงาของระฆังหรือ? เหตุใดนางจึงมองไม่เห็น?
“ความอดทนของข้ามีขีดจำกัด พระชายาหานก็อย่าได้ทดสอบความอดทนของข้าเลย”
เหวินเส่าอี๋เดินไปด้านหน้าทีละก้าวๆ แม้ว่าเขาจะยิ้มแต่รอยยิ้มของเขาปรากฏความเยือกเย็นอยู่เล็กน้อยซึ่งทำให้คนรู้สึกหนาวเย็นอย่างไร้เหตุผล
“เอาเถอะเรื่องมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ข้าบอกท่านอย่างตรงไปตรงมาว่าระฆังวิญญาณสะบั้นถูกผู้นำกองธงกล้วยไม้ของเผ่าปีศาจแย่งชิงไปแล้ว ในตัวข้าก็ไม่มีสิ่งใดอยู่เลย หากท่านไม่เชื่อก็สามารถค้นตัวข้าได้”
นางเงยหน้ายืดอกขึ้นเตรียมพร้อมที่จะถูกค้นตัว
เมื่อได้ยินเช่นนี้สีหน้าของเหวินเส่าอี๋ก็เย็นลงบางส่วน
“ที่น่าเสียดายคือข้าเพิ่งจะพบกับผู้นำกองธงกล้วยไม้ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าท่านอยู่ที่นี่และก็ได้จับตัวเยี่ยเฟิงโดยบังเอิญแล้วระฆังวิญญาณสะบั้นจะมาจากที่ใด?”
“นั่นเป็นเพราะเขาโกหกท่าน”
“ท่านคิดว่าข้าตาบอดหรือ? แม้แต่ถูกผิดดำขาวก็แยกอยะไม่ออกเลยหรือ?”
“ข้าก็บอกไปหมดแล้ว หากท่านไม่เชื่อก็มาค้นตัวเลยสิ”
เหวินเส่าอี๋ก้าวไปอีกสองสามก้าว ความเย็นบนกายนั้นได้ปรากฏขึ้น
กู้ชูหน่วนรู้สึกได้ถึงกลิ่นไอแห่งการสังหารแว๊บผ่าน
หากว่าคำตอบของนางไม่ตรงกับเหวินเส่าอี๋เกรงว่าเขาจะสังหารนางจริงๆ
จู่ๆกู้ชูหน่วนก็ถอยหลังไปสองสามก้าวพร้อมกำหน้าอกตนเองไว้แน่น “ชายหญิงไม่อาจใกล้ชิดท่านคิดจะค้นตัวข้าจริงๆหรือ”
“คนตายไปแล้วก็จะไม่พูดจาไร้สาระมากมายเช่นนี้”
เหวินเส่าอี๋เล่นขลุ่ยหยกขาวอย่างรู้สึกเบื่อหน่าย พร้อมกับเตือนด้วยรอยยิ้มอันหยอกล้อเล็กน้อย
ดวงตาขาวดำแบ่งแยกชัดเจนคู่นั้นของกู้ชูหน่วนหมุนไปมาพร้อมคิดหาวิธีการมากมายนับไม่ถ้วนเพื่อหลบหนี ทว่าทุกความคิดนั้นก็ถูกนางปฏิเสธ
ความสามารถแตกต่างกันมากเกินไปซึ่งนางไม่สามารถหลบหนีไปได้เลย
เพียงแค่นางมีความคิดที่จะวิ่งหนีเหวินเส่าอี๋เพียงแค่ขยับนิ้วมือก็สามารถสังหารนางได้เลย
“ข้ามอบระฆังวิญญาณสะบั้นให้เยี่ยจิ่งหานไปแล้ว หากท่านต้องการระฆังวิญญาณสะบั้นก็ต้องไปถามเอาจากเยี่ยจิ่งหานเอง แต่ว่าแผนที่บนระฆังวิญญาณสะบั้นนั้นข้าเคยเห็น ข้าสามารถพาท่านเข้าไปในปากหูหลูเพื่อค้นหาไข่มุกมังกรได้”
ดวงตาอันอบอุ่นของเหวินเส่าอี๋หรี่ลงในทันที
กู้ชูหน่วนแย่งกล่าวก่อนว่า “ครั้งนี้ข้าไม่ได้โกหกท่าน ระฆังวิญญานสะบั้นที่สำคัญเช่นนั้นข้าจะพกติดตัวได้อย่างไร หากว่าท่านยังไม่เชื่องั้นท่านก็สังหารข้าซะ เช่นไรข้าก็หนีฝ่ามืออรหันต์ของท่านไม่พ้น หากบังเอิญว่าท่านวิปริตเหมือนผู้นำกองธงกล้วยไม้งั้นข้าก็ตายก่อนแล้วไปเกิดใหม่ก่อนจะดีเสียกว่า
“……”