บทที่ 442
ห่างจากแท่นดอกบัวหลายร้อยเมตร จะไปได้อย่างไรหล่ะ?
แม้ว่าจะให้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์มาช่วยแต่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์นั้นร่างกายมีความยาวร้อยกว่าเมตร ในสถานการณ์ที่ไม่มีสถานที่ให้ยืมใช้กำลังได้ก็ไม่สามารถเข้าถึงแท่นดอกบัวได้
กู้ชูหน่วนคิดหาวิธีการนับไม่ถ้วนแต่ก็คิดไม่ออก
แม้ว่าจะเป็นผู้ที่มีวรยุทธ์สูงกว่าก็ไม่สามารถหยิบเอาสิ่งของที่ห่างเป็นระยะหลายร้อยเมตรได้ และสระโลหิตก็เป็นหินหนืดไหลเชี่ยว เพียงแค่อุณหภูมิอย่างเดียวก็สามารถทำให้คนร้อนจนตายได้
กู้ชูหน่วนเช็ดเหงื่อ มีแกนผลึกหิมะอยู่ในมือมากมายเช่นนี้นางก็ยังรู้สึกร้อน
เมื่อมองไปยังน่าหลานหลิงลั่วอีกครั้งซึ่งสะบัดพัดอย่างงามสง่าพร้อมกับมองดูนางด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยท่ามกลางระหว่างคิ้วราวกับว่ากำลังรอให้นางคิดวิธีการดีๆให้ออก
กู้ชูหน่วนนั้นกลับงุนงง
คนรับใช้ผู้นี้ไม่รีบร้อนเลยแม้แต่น้อยจริงๆ นางไม่เชื่อว่าเขาจะไม่อยากได้ไข่มุกมังกร
ความคิดหมุนไปมาแล้วจู่ๆกู้ชูหน่วนก็บังเกิดประกายความคิดขึ้น มุมปากของนางได้เผยรอยยิ้มอันสดใสขึ้น
ไข่มุกมังกรที่สำคัญเช่นนี้ ตอนนั้นผู้ที่วางไว้ก็คงจะต้องการให้คนรุ่นหลังไร้ซึ่งวิธีการที่จะได้ไปหล่ะมั้ง
หากว่าไม่ต้องการให้คนรุ่นหลังได้ไปจริงๆก็คงจะไม่ทิ้งหยกจันทร์เสี้ยวและระฆังวิญญาณสะบั้นไว้ แล้วยังแกะสลักแผนที่บนระฆังวิญญาณสะบั้นด้วยความอุตสาหะและสร้างตาข่ายดักขนาดใหญ่ไว้ที่หุบเขาโลหิตหูหลู
ที่นี่ต้องมีกลไกที่สามารถผันน้ำจากสระโลหิตออกเป็นแน่
เมื่อคิดเช่นนี้กู้ชูหน่วนก็เริ่มมองหาที่กลไกเปิดโดยรอบ
ดวงตาชื่นชมของน่าหลานหลิงลั่วก็เพิ่มมากขึ้นหลายส่วน “แม่สาวน้อยสมองของเจ้าช่างหลักแหลมยิ่งนัก”
“พูดได้ดี เจ้าก็สังเกตเห็นแล้วไม่ใช่หรือไม่เช่นนั้นเจ้าจะมีความมั่นใจที่จะสนทนาอย่างครึกครื้นอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
กู้ชูหน่วนหมุนตัวรอบหนึ่งแต่ก็ไม่พบกลไกใดๆที่สามารถควบคุมหินหนืดได้
น่าหลานหลิงลั่วนำใบหน้าที่สวมหน้ากากเอาไว้เข้ามาใกล้แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ทำไม…… หาไม่เจอหรือ”
“หากข้าเดาไม่ผิด สิ่งสำคัญที่จะได้ไข่มุกมังกรก็คงจะเป็นระฆังวิญญาณสะบั้นสินะ”
กู้ชูหน่วนมองไปยังชายหนุ่มอย่างแน่วแน่ด้วยแววตาดำขาวแบ่งแยกกันชัดเจนที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้
นางหากลไกเปิดไม่เจอว่าอยู่ที่ใด
แต่นางรู้ว่าระฆังวิญญานสะบั้นไม่มีทางเป็นเพียงแค่แผนที่เท่านั้น
มุมปากของชายหนุ่มยิ้มอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็กางพัดออกอย่างสง่าแล้วหัวเราะอย่างเกียจคร้านต่อไป “ท่านหลักแหลมยิ่งนัก หากว่าเป็นสหายก็ไม่เป็นไร หากว่าเป็นศัตรูจะเป็นคู่ต่อสู้ผู้น่ากลัวนัก”
“งั้นพวกเราก็มาเป็นสหายกันเถอะนะ ครั้งหน้าพี่หญิงจะปกป้องเจ้าเอง”
ชายหนุ่มขดริมฝีปากยิ้มรู้สึกมีความสุขยิ่งนัก “ดีสิ”
“คนเหล่านั้นที่เจ้านำมาด้วยสามารถเอาชนะคนของเผ่าเพลิงฟ้าและเผ่าปีศาจได้หรือไม่?”
“หากว่าเป็นเมื่อก่อนเอาชนะไม่ได้ แต่ตอนนี้พวกเขาแต่ละคนได้รับบาดเจ็บสาหัสจึงไม่มีสิ่งใดต้องหวาดกลัว”
“เยี่ยมยอด”
“หากท่านต้องการไข่มุกมังกรจริงๆข้าจะไปเอามันมามอบให้กับท่านด้วยตนเองก็ไม่เป็นอันใด”
“พูดจาได้ง่ายดายเช่นนี้เลยหรือ?” กู้ชูหน่วนรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง
“ได้ แต่ว่ามอบมันให้เป็นของหมั้นแก่ท่านนะ” น่าหลานหลิงลั่วกำลังยิ้ม ดวงตาสดใสคู่นั้นมองไปยังกู้ชูหน่วนโดยไม่ยอมปล่อยอารมณ์ความรู้สึกที่มีต่อนางไปเลยแม้แต่น้อย
กู้ชูหน่วนเบะปาก “สายเกินไปแล้ว ข้าได้แต่งงานเสียแล้ว”
“ข้าไม่ถือสา”
“ข้ากลัวว่าเจ้าจะถูกตีจนตาย”
“ตันหุยกู่ไม่กลัวเทพแห่งสงคราม”
“พวกเจ้าไม่กลัวแต่ข้ากลัว”
“งั้นข้าจะปกป้องท่าน”
“ข้ายินยอมที่จะเชื่อว่ามีภูตผีอยู่ในโลกมากกว่าปากเสียๆของเจ้า”
“……”
ในขณะนี้ผู้อาวุโสผู้หนึ่งจากตันหุยกู่มาโดยที่ได้รับบาดเจ็บ พวกเขาถือระฆังวิญญาณสะบั้นอยู่ในมือพร้อมท่าทางตื่นเต้น “นายน้อยแย่งชิงระฆังวิญญาณสะบั้นมาอยู่ในมือได้แล้ว”
“เหตุใดถึงได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้?”
“เผ่าเพลิงฟ้ามีกำลังคนมาช่วยมากมายและตอนนี้ที่ด้านนอกยังต่อสู้กันอยู่ ผู้อาวุโสสองสามคนคุ้มกันข้ากลับมาก่อน”
ผู้อาวุโสผู้นั้นมองไปยังกู้ชูหน่วนอย่างระมัดระวังพร้อมเจตนาแห่งการสังหารแว๊บผ่านแววตาไป
น่าหลานหลิงลั่วกล่าวว่า “คนกันเอง ไม่ต้องเป็นกังวล”
กู้ชูหน่วนงงงวย
นางคุ้นเคยกับเขาหรือ
คนกันเอง?
ผู้ใดเป็นคนกันเองกับเขา?
น่าหลานหลิงลั่วมายังด้านข้างของหินสีแดงเพลิง มืออันเรียวยาวราวกับหยกลูบไล้ค่ายกลตารางเก้าช่องบนก้อนหินอย่างมีหลักการ
ทุกครั้งที่เขาลูบไล้แผนผังทั้งถ้ำโลหิตก็เปลี่ยนแปลงไป
“เป็นกลในกลจริงๆ” กู้ชูหน่วนแตะคาง
นางกลับดูไม่ออกว่าที่นี่ยังมีค่ายกลอันร้ายกาจเช่นนี้แอบซ่อนอยู่ด้วย
เขาไม่เคยเห็นระฆังวิญญาณสะบั้นแล้วรู้ได้เช่นไรกัน?
น่าหลานหลิงลั่วหน้าตาจริงจัง ทุกครั้งที่เขาลูบไล้บนใบหน้าก็จะปรากฏเหงื่อเส้นบางขึ้น
ค่ายกลผิดพลาดได้ยาก เมื่อผิดพลาดแล้วทะเลโลหิตที่นี่จะห้อยกลับหัวและกระจายไปทั่วถ้ำโลหิต แม้ว่าพวกเขาจะรวดเร็วเพียงใดก็ไม่สามารถหนีออกจากถ้ำโลหิตในระยะเวลาอันสั้นเช่นนั้นได้และไข่มุกมังกรสีครามก็จะถูกทำลายลงด้วยเช่นกัน
เสียงการต่อสู้ด้านนอกยิ่งอยู่ก็ยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนฟังออกได้ พวกเขาได้ถึงรอบนอกแล้วและสามารถบุกเข้ามาได้ทุกเมื่อ
ผู้อาวุโสฮวาแห่งตันหุยกู่ปาดเหงื่ออันร้อนและกล่าวเร่งเร้าว่า “นายน้อย พวกเขาใกล้จะโจมตีเข้ามาแล้ว”
“ข้าได้ยินแล้ว”
น่าหลานหลิงลั่วไม่แม่แต่จะเงยหน้าขึ้นและทลายตารางเก้าช่องอย่างใจเย็น เขาก็ต้องการใช้ระยะเวลาอันสั้นนำเอาไข่มุกมังกรมาไว้ในมือ
“ครึมโครม……
”
ธรณีสัณฐานกำลังเปลี่ยนไปอีก หินหนืดในสระโลหิตยิ่งอยู่ก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ กำแพงหินบรรจบไขว้กันและเปลี่ยนแปลงไปจนไม่สาสารถมองเห็นลักษณะเดิมเลย
กู้ชูหน่วนเข้ามาใกล้และชี้ไปยังตารางเก้าช่องบนหินสีแดงเพลิง “ไปที่นี่แล้วไปที่นี่อีก จากนั้นเลี้ยวซ้าย”
“เชื่อถือได้หรือไม่?”
“ตารางเก้าช่องนี้ซับซ้อนยิ่งนัก ก่อนที่เจ้าจะศึกษาค้นคว้าออกด้วยตนเอง พวกเขาคงโจมตีเข้ามานานแล้ว”
ผู้อาวุโสฮวากล่าวอย่างอย่างร้อนรนว่า “นายน้อยเรื่องนี้สำคัญยิ่งนักไม่สามารถฟังคำพูดข้างเดียวของนางได้ ท่านวางใจในการทำลายค่ายกลเถอะ ต่อให้ข้าต้องสู้ด้วยชีวิตนี้ก็จะขวางพวกเขาเอาไว้”
กู้ชูหน่วนโมโหกลับอย่างไม่เกรงใจ “พอได้แล้วกระมัง หากว่าพวกเขาไม่สามารถขวางเอาไว้ได้ ด้วยตัวท่านเพียงผู้เดียวก็ยิ่งไม่สามารถขวางเสือสิงห์กระทิงแรดมากมายเช่นนั้นได้ ข้าเห็นว่าวรยุทธ์ของเผ่าเพลิงฟ้าไม่ใช่คำคุยโม้นะ”
“เหตุใด ท่านดูถูกตันหุยกู่ของพวกเราหรือ”
“พอแล้วพอแล้ว ท่านอาฮวา ข้ารู้ว่าตนเองกำลังทำสิ่งใดอยู่ ท่านเพียงแค่คอยดูก็พอแล้ว”
น่าหลานหลิงลั่วด้านหนึ่งเกลี้ยกล่อม อีกด้านหนึ่งทำตามที่กู้ชูหน่วนบอกจนทำให้ผู้อาวุโสฮวาตกใจแทบตาย
โชคดีที่ทำตามคำบอกของกู้ชูหน่วน ตารางเก้าช่องสามารถแก้ออกได้ทีละช่องๆ หินหนืดทะเลโลหิตก็ยิ่งหดตัวเล็กลงเรื่อยๆ หากว่าหดตัวเช่นนี้ต่อไปอีกรอให้หินหนืดสลายไปพวกเขาก็จะสามารถได้ระฆังวิญญาณสะบั้นมา
“ทางซ้ายอีก ไปทางซ้ายอีกหน่อย ก้าวไปด้านหน้าสองก้าว ขยับไปทางขวาสามก้าว หยุดแล้วหันหลังกลับห้าก้าว”
กู้ชูหน่วนแทบจะไม่ได้คิดในปากก็ได้กล่าวขึ้นมาโดยที่น่าหลานหลิงลั่วและผู้อาวุโสฮวารู้สึกงุนงงไม่สิ้นสุด
ไม่ใช่ว่านางทะลายค่ายกลนี้ได้แล้วหรือไม่เช่นนั้นเหตุใดถึงได้คุ้นเคยเช่นนั้น? และก็ช่างแม่นยำเช่นนั้น
ค่ายกลเก้าช่องนั้นไม่ได้ทำลายได้ง่ายดายเช่นนั้น
ผู้อาวุโสฮวาออกไปรอบหนึ่งจากนั้นก็วกกลับมาอีกครั้งด้วยสีหน้าตื่นตระหนกมากขึ้น “นายน้อย สายเกินไปเล็กน้อยแล้วเหลือเพียงแค่ประตูหินชั้นเดียวเท่านั้นพวกเขาก็จะสามารถบุกเข้ามาได้แล้ว ตอนนี้พวกเขากำลังรวมพลังกันเพื่อทะลวงประตูหิน”
“เดินตรงนี้”
ทั้งสองคนเพิกเฉยต่อคำพูดของผู้อาวุโสฮวา มืออันเรียวยาวของกู้ชูหน่วนชี้ไปยังกลางใจหินด้วยประกายแห่งความมั่นใจตรงมุมปาก
มือเรียวของน่าหลานหลิงลั่วโบกขึ้นอีกครั้งธรณีสัณฐานก็เปลี่ยนไปอีก
ทะเลโลหิตหินหนืดที่ไหลอยู่นี้ไม่รู้ว่าเนื่องด้วยเหตุใดราวกับน้ำท่วมกระหน่ำดุร้ายไหลลงใต้หน้าผาไม่หยุดหย่อนโดยไม่เหลือหินหนืดแม้แต่หยดสุดท้ายเลย
ทุกคนดีใจในที่สุดก็ไร้ซึ่งหินหนืดแล้ว
พวกเขากำลังไปหยิบไข่มุกมังกรสีครามบนแท่นดอกบัว โดยไม่ได้คาดคิดพละกำลังอันทรงพลังได้สั่นสะเทือนพวกเขาทั้งหมดออกเสียแล้ว
ผู้อาวุโสไท่ซ่างที่พละกำลังแข็งแกร่งหลายคนของเผ่าเพลิงฟ้าได้บุกเข้ามาและกล่าวเยาะเย้ยว่า “ไข่มุกมังกรสีครามเป็นของเผ่าเพลิงฟ้าของเรา พวกเจ้าอย่าได้คิดที่จะแตะต้อง”
บทที่ 441
บทที่ 443