กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 447
“เจ้าตายซะเถอะ”
ใบหน้าอันหล่อเหลาของเยี่ยเฟิงเยือกเย็น และเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่ท่วมท้น ทันใดนั้นเขาก็ชักดาบออกมา เลือดของผู้นำกองธงกล้วยไม้กระเซ็นออกมาราวกับสายฝน ที่โปรยปราย อีกทั้งเลือดยังกระเซ็นไปโดนใบหน้าที่ซีดเซียวของเยี่ยเฟิง และทำให้การมองเห็นของเขาพร่ามัว
แต่ในเวลานี้เยี่ยเฟิงกระปรี้กระเปร่ามากกว่าใคร ๆ นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่สะท้อนใบหน้าอันน่าตกตะลึงของผู้นำกองธงกล้วยไม้
“ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะกล้าฆ่าข้า……ข้าเลี้ยงเจ้ามาตั้งแต่เด็กจนโต เจ้ากล้าดีอย่างไรมาฆ่าข้า พู……”
คำตอบที่ผู้นำกองธงกล้วยไม้ได้รับ คือการที่เยี่ยเฟิงแทงเขาอีกครั้งอย่างไร้ความปรานี
ผู้นำกองธงกล้วยไม้ถูกแทงสองครั้งติดต่อกัน ร่างกายของเขาเจ็บปวดทุกข์ทรมาน แต่เขาไม่สนใจ และจ้องมองไปที่เยี่ยเฟิงอย่างโกรธแค้น
จากความไม่อยากจะเชื่อในตอนแรกว่าความขมขื่นนำไปสู่ความโกรธแค้น
เยี่ยเฟิงหัวเราะเยาะ “ข้าเป็นคนที่เจ้าเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กจนโต?เลี้ยงมางั้นหรือ?เหอะ……การเลี้ยงดูของเจ้าก็คือการข่มเหงรังแกข้ามาโดยตลอด ในฤดูหนาวเจ้าให้ข้าเปลือยกายและคุกเข่าท่ามกลางหิมะอย่างทุกข์ทรมาน ในฤดูร้อนเจ้าขึงข้าไว้กลางแดดทั้งวันทั้งคืน โดยไม่ให้กินไม่ให้ดื่ม และทารุณอย่างโหดเหี้ยม เจ้าลองถามตัวเองดูว่าเจ้าเลี้ยงข้ามาจนโตจริง ๆ หรือไม่?ในสายตาของเจ้า ข้าเทียบไม่ได้เลยกับสุนัขตัวหนึ่ง สุนัขยังเลือกที่จะตายได้ และมีเศษอาหารให้กิน แล้วข้าล่ะ ข้ามีอะไร……”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้ารอดมาได้อย่างไร?ตอนที่ข้าถูกขังอยู่ที่หอคุมขังพญาหงส์ ข้าอาศัยน้ำฝนเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังชีวิต ตอนที่ข้าหิวจนทนไม่ไหว ข้าต้องกัดกินเลือดเนื้อของตัวเองทั้งเป็นแทนข้าว ข้าต้องโขกศีรษะซ้ำแล้วซ้ำเล่า กว่าจะได้เศษอาหารสักคำ”
“เมื่อเจ้ามีความสุขก็เฆี่ยนตี ไม่มีความสุขก็เฆี่ยนตี เจ้าเคยสนใจความรู้สึกของข้าหรือไม่?”
ผู้นำกองธงกล้วยไม้กล่าวอย่างโกรธเคือง “ข้าให้เกียรติเจ้าอย่างที่สุด และให้เจ้าเป็นผู้ปรนนิบัติที่สูงส่งของหุบเขาพิศวิญญาณ”
เยี่ยเฟิงตอบอย่างไม่ใส่ใจ “นั่นเป็นเพราะข้าอาศัยเลือดเนื้อของตัวเอง ตอนเด็ก ๆ ข้าเกลียดเจ้า ตอนโตข้าก็เกลียดเจ้า และตอนนี้ข้าก็เกลียดเจ้ามากยิ่งขึ้นไปอีก ร่างกายของข้า หัวใจของข้า และแม้กระทั่งเนื้อหนัง ไขกระดูก และจิตวิญญาณของข้าก็เกลียดเจ้าเข้ากระดูก กินเลือดของเจ้า เลาะผิวหนังของเจ้า และดึงเส้นเอ็นของเจ้า”
ผู้นำกองธงกล้วยไม้ได้ยินทุกคำ และรู้สึกหนาวในหัวใจมากยิ่งขึ้น
คำพูดเหล่านี้ เยี่ยเฟิงเคยบอกเขาแล้วครั้งหนึ่ง เขาเพียงแค่รู้สึกโกรธ แต่ในตอนนี้เขากลับรู้สึกโศกเศร้า
ในอดีตเขาสนุกกับการทรมาน แต่ความรู้สึกของเขาที่มีต่อเยี่ยเฟิงนั้น เทียบไม่ได้กับผู้ปรนนิบัติคนอื่น ๆ
เขาบอกว่าว่าจะมอบเยี่ยเฟิงให้กับผู้นำกองธงโบตั๋น หรือมอบให้ผู้อื่น เป็นเพียงคำพูดว่าพล่อย ๆ เขาไม่สามารถมอบเยี่ยเฟิงให้กับผู้อื่นได้จริง ๆ
ส่วนเรื่องที่จะฆ่าเยี่ยเฟิง เขาสามารถฆ่าได้ แต่ผู้อื่นไม่สามารถทำร้ายเขาได้แม้แต่น้อย
เขาไม่รู้ว่าเขามีความรู้สึกอย่างไรต่อเยี่ยเฟิง แต่เยี่ยเฟิงแทงเขาสองครั้ง และทั้งสองครั้งก็เป็นการแทงที่หมายเอาชีวิต
เยี่ยเฟิง……ไม่ต้องการให้เขามีชีวิตอยู่
เขาจะไม่รู้สึกผิดหวังและเจ็บปวดได้อย่างไร
“หากข้าไม่โหดเหี้ยมกับเจ้า แล้วเจ้าจะจำข้าได้อย่างไร หากเจ้าไม่ชอบให้ข้าเอาอกเอาใจเจ้าเช่นนี้ ข้าเปลี่ยนวิธีก็ได้……ฉึก……”
ดาบในมือของเยี่ยเฟิงแทงลึกเข้าไปอีกสองสามนิ้ว เขาพูดออกมาจากระหว่างฟันว่า “ท่านช่างทำให้คนสะอิดสะเอียนยิ่งนัก ข้าเยี่ยเฟิงไม่ใช่ผู้ปรนนิบัติที่เจ้าเรียกก็มา พอโบกมือก็ไปอีกต่อไปแล้ว”
“เจ้าจะฆ่าข้าจริง ๆ หรือ?”
เยี่ยเฟิงไม่ตอบ แต่ออกแรงเพิ่มมากขึ้น และแทบอยากจะให้ดาบทั้งเล่มจมมิดเข้าไปในร่างกายของเขา เยี่ยเฟิงแทบอยากจะฆ่าเขาในทันที
ผู้นำกองธงกล้วยไม้รู้สึกฮึกเหิม
เขาเอามือข้างหนึ่งกำดาบไว้แน่น เพื่อยับยั้งไม่ให้ดาบแทงลึกเข้าไปอีก ฝ่ามือใหญ่ ๆ ของเขาเกือบถูกตัดขาดด้วยดาบ และเลือดก็ไหลออกมา
“ในเมื่อเจ้าต้องการให้ข้าตายมากขนาดนั้น เช่นนั้นเราก็ตายไปด้วยกันเถอะ”
ในขณะที่ผู้นำกองธงกล้วยไม้พูด จู่ ๆ เขาก็ปล่อยมือในทันที และปล่อยให้ดาบทั้งเล่มแทงเข้าไปในร่างกายของเขา เขาพลิกมือขวาของตัวเอง และกริชอันแวววับก็อยู่ในมือของเขา
รอยยิ้มอันชั่วร้ายปรากฏขึ้นมาที่มุมปากของเขา และทันใดนั้นเขาก็กำลังจะแทงกริชเข้าไปที่หัวใจของเยี่ยเฟิง
ในเวลาเดียวกัน กูู้หน่วนก็คลายสายคาดเอวออก และรวบรวมกำลังภายในไปที่สายคาดเอว ราวกับกับงูที่มีชีวิต จากนั้นก็พันรอบเอวของเยี่ยเฟิง แล้วดึงเยี่ยเฟิงไปข้าง ๆ ตัวเอง เพื่อหลบกริชของผู้นำกองธงกล้วยไม้
ผู้นำกองธงกล้วยไม้พลาดการโจมตีและโจมตีอีกครั้ง เขารวบรวมพลังลูกไฟ ที่แต่ละลูกมีพลังในการเผาไหม้และกัดกร่อน
เมื่อใดก็ตามที่ถูกลูกไฟนี้ ย่อมต้องกลายเป็นกองไฟที่ลุกโชน เผาไหม้จนสิ้นซาก หรือเน่าเปื่อยเป็นศพอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
เยี่ยเฟิงหยิบขลุ่ยหยกครามของอี้เฉินเฟยขึ้นมา จากนั้นก็วางไว้ที่ริมฝีปากและเป่า
วรยุทธของเขาธรรมดา แต่การโจมตีด้วยเสียงนั้นทรงพลังมาก เสียงขลุ่ยกลายเป็นม่านกำบัง และป้องกันลูกไฟเหล่านั้นออกไป ไม่ว่าลูกไฟจะเข้ามาปะทะอย่างไร ก็ไม่สามารถเข้ามาได้
กู้ชูหน่วนพยายามที่จะรักษาอาการบาดเจ็บของอี้เฉินเฟยให้คงที่ และอดไม่ได้ที่จะพูดแช่ง “ถูกแทงที่หัวใจสองครั้งแล้ว ทำไมถึงยังไม่ตาย” และอีกอย่างฝีมือก็แข็งแกร่งขนาดนี้
ผู้นำกองธงกล้วยไม้มองดูเหมือนพวกเขาเป็นมด “ลืมบอกพวกเจ้าไปว่า หัวใจของข้าไม่ได้อยู่ข้างซ้าย แต่อยู่ข้างขวา ดังนั้นดาบที่แทงเข้ามาสองครั้งอาจจะเอาชีวิตผู้อื่นได้ แต่ไม่ใช่สำหรับข้า”
ในขณะที่ผู้นำกองธงกล้วยไม้กล่าว ไม่รู้ว่าเขาทำได้อย่างไร บาดแผลทั้งสองแผลทางด้านซ้ายสมานอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของกู้ชูหน่วนและคนอื่น ๆ ทรุดลง
อี้เฉินเฟยกล่าวว่า “เขา……เขาฝึกวิชา……วิชาต้องห้าม ต้องหาจุดอ่อนของเขา มิเช่นนั้น……บาดแผลของเขาจะ……จะสมานอีกครั้ง”
อี้เฉินเฟยขมวดคิ้ว
เพียงแค่ไม่กี่วัน ผู้นำกองธงกล้วยไม้ก็ฝึกพลังปีศาจสำเร็จ
และเมื่อครู่…..
หากไม่เผชิญกับความเป็นความตาย เขาก็คงจะไม่ยอมเปิดเผยพลังปีศาจ
หากเดาไม่ผิด เขาน่าจะซ่อนความแข็งแกร่งของตัวเองมาโดยตลอด เขาต้องการจะแทนที่จอมมาร และกลายเป็นผู้นำของเผ่าปีศาจ
คนพวกนี้เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว
หากเยี่ยเฟิงไม่ได้จะฆ่าเขา และบีบบังคับเขา ก็ไม่รู้ว่าเขาจะเปิดเผยฝีมือที่ซ่อนไว้ไปจนถึงเมื่อไหร่
ลูกไฟใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เสียงขลุ่ยเริ่มเบาลงเรื่อย ๆ และแผ่วเบามากเสียจนไม่สามารถรับมือได้อีกต่อไป
กู้ชูหน่วนกล่าวว่า “รีบไป รีบออกไปจากที่นี่”
เยี่ยเฟิงเหวี่ยงขลุ่ยไปข้างหน้าในแนวนอน และพร้อมที่จะสู้ตาย เพื่อฆ่าผู้นำกองธงกล้วยไม้
เขาไม่เหลือทางรอดใด ๆ ขอเพียงแค่ได้ฆ่าศัตรู ไม่ใช่เพื่อปกป้องตัวเอง ผู้นำกองธงกล้วยไม้ทำอะไรเขาไม่ได้ชั่วขณะหนึ่ง
แต่ก็ผิดพลาดจนทำให้เยี่ยเฟิงต้องติดกับ และฝ่ามือก็ย้อนกลับเข้ามาหาตัวเอง
“อัก……” เยี่ยเฟิงได้รับบาดเจ็บ
แต่เขาไม่สนใจ แค่กระบวนท่าเดียวก็โหดเหี้ยมและรวดเร็วมาก
กู้ชูหน่วนกดจุดให้อี้เฉินเฟย และพูดด้วยเสียงต่ำ “ท่านควบคุมการหายใจของท่านไปก่อน ข้าจะไปช่วยเยี่ยเฟิง แล้วเดี๋ยวข้าจะกลับมา”
อี้เฉินเฟยยังไม่ทันได้ตอบ กู้ชูหน่วนก็เข้าไปในสนามรบแล้ว
แม้ว่านางจะวรยุทธเพียงแค่ระดับหนึ่ง แต่ฝีมือของนางนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าระดับสอง อีกอย่างวิชาตัวเบาของนางก็รวดเร็วมาก มือไม้ว่องไว และร่างกายลื่นไหลเหมือนปลาไหล ลื่นมากเสียจนผู้นำกองธงกล้วยไม้ไม่สามารถจับนางได้ แต่กลับถูกนางทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
กู้ชูหน่วนและเยี่ยเฟิงร่วมมือกัน ผู้นำกองธงกล้วยไม้ต้องการที่จะฆ่าพวกเขา แต่เขายังทำไม่ได้ในขณะนี้
“ตูม……”
ระหว่างการต่อสู้ ดอกไม้ที่กำลังผลิบานสั่นสะเทือนจนไข่มุกมังกรกลิ้งตกลงมาที่ขอบหน้าผา และหล่นลงไปในทะเลโลหิต