กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ – บทที่ 443

บทที่ 443

บทที่ 443
ผู้อาวุโสไท่ซั่งพละกำลังแข็งแกร่งมากจนผู้อาวุโสฮวาไม่สามารถต้านทานได้และได้รับบาดเจ็บสาหัส พัดเฟิงเสวียนกู่ของน่าหลานหลิงลั่วหมุนหันกลับอาวุธลับหลายสิบอย่างพุ่งออกไปพร้อมกัน จากนั้นก็ถูกพละกำลังอันแข็งแกร่งของผู้อาวุโสฮวาสะบัดปลิวออก แม้แต่อาวุธลับของกู้ชูหน่วนก็บินออกไปด้วย “ชู่ว์……”

แล้วก็ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสไท่ซั่งเคลื่อนไหวอย่างไรและได้ถึงยังบนขอบของแท่นดอกบัวแล้ว กำลังภายในของเขาในมือนั้นได้สลายพลังคุ้มกันของแท่นดอกบัว

น่าหลานหลิงลั่วเห็นเช่นนี้ พัดดูราวกับว่ามีจิตวิญญาณเช่นนั้น คนและพัดรวมเข้าเป็นหนึ่งแล้วพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

“พรึ่บพรึ่บพรึ่บ……”

ทั้งสองคนเคลื่อนไหวเป็นสิบกระบวนท่าในชั่วพริบตา

การเคลื่อนไหวของพวกเขาช่างรวดเร็วยิ่งนัก กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าพวกเขาออกกระบวนท่าชั่วขณะได้รวดเร็วได้เช่นไร เห็นเพียงแค่ผู้อาวุโสไท่ซั่งกดน่าหลานหลิงลั่วเอาไว้ได้อย่างสนิท

“พรึ่บ……”

หลังจากใช้ฝ่ามือปะทะกันทั้งสองคนก็แยกออกจากกัน น่าหลานหลิงลั่วได้รับบาดเจ็บสาหัสพร้อมเกิดเลือดไหลออกมาจากมุมปาก

เขาเลียเลือดจากมุมปากอย่างชั่วร้ายแล้วยังต้องการที่จะเดินหน้าต่อไปอีกครั้งแต่กู้ชูหน่วนขวางเขาเอาไว้ “ผู้อาวุโสผู้นี้วรยุทธ์สูงส่งยิ่งนักฝืนบุกเข้าไปก็เท่ากับเอาชีวิตไปทิ้ง ก็เพียงแค่ไข่มุกมังกรเม็ดหนึ่งหากว่าเขาต้องการก็ให้เขาไป”

กู้ชูหน่วนกระพริบตาดวงโตตรงที่ที่ผู้อาวุโสไท่ซั่งไม่สามารถมองเห็นได้

น่าหลานหลิงลั่วใคร่ครวญในใจ

แม่สาวอัปลักษณ์ผู้นี้กำลังคิดที่จะทำสิ่งใดอีก?

ผู้อาวุโสไท่ซั่งขดยิ้มอย่างอารมณ์ดี “ก็เป็นเจ้าเด็กน้อยที่เข้าใจสถานการณ์ เพียงแค่พวกเจ้าไม่ขวางให้ข้าได้ไข่มุกมังกรมา ข้าก็จะปล่อยพวกเจ้าไป”

“นายน้อย ข้าจะไปแย่งชิงกลับมา” ผู้อาวุโสเจี่ยเดินโซเซด้วยใบหน้าอันซีดเซียวพร้อมกับพยายามดิ้นรนลุกขึ้น

น่าหลานหลิงลั่วประคองเขาลุกขึ้นนั่งให้ดี “แม่นางผู้นี้กล่าวได้ถูกต้อง เพื่อไข่มุกมังกรเม็ดหนึ่งด้วยชีวิตช่างไม่คุ้มค่า ช่างเถอะ ไข่มุกมังกรเม็ดนี้ให้เขาไปก่อนเถอะเช่นไรก็มีไข่มุกมังกรมากมายเช่นนั้น พวกเราค่อยๆค้นหาก็พอ”

“นายน้อย……”

ผู้อาวุโสเจี่ยโมโหจนแทบจะเป็นลมล้มพับไป

นี่เป็นไข่มุกมังกรนะ เหตุใดถึงได้เนื่องด้วยวรยุทธ์ของเขาสูงส่งกว่าก็ไม่กล้าไปแย่งชิง

“เจ้ากล่าวสิ่งใดกับนายน้อยของเรา นายน้อยหญิงผู้นี้ไม่ใช่คนดีอะไร นาง……”

“พรึ่บ……”

น่าหลานหลิงลั่วสะกัดจุดนอนหลับของเขาเพื่อไม่ให้เขาพูดจาจ้อแจ้ต่อจากนั้นจึงได้กล่าวต่อว่า “ท่านกระทำต่อพวกเราจะไม่แย่งชิงกับท่าน”

ผู้อาวุโสไท่ซั่งเพิ่มพูนพละกำลังอันแกร่งกล้าขึ้นอีกครั้ง พยายามฝืนสลายพลังการป้องกันบนแท่นดอกบัว

เขาเอื้อมมือไปชิงไข่มุกมังกรทันใดนั้นไข่มุกมังกรก็เปล่งแสงระยิบระยับออกมา ชั่วขณะนั้นเขาก็ถูกกระทบปลิวไปในทันทีและกระแทกเข้ากับขอบหินอย่างรุนแรงจนกระอักเลือดออกมาติดต่อกันสามคำจนแม้แต่ชีวิตก็ได้หายไปครึ่งชีวิต

“แข็งแกร่งยิ่งนัก……กำลังช่างแข็งแกร่งนัก”

กู้ชูหน่วนก็ไม่ได้คาดคิดว่าผู้อาวุโสไท่ซั่งผู้มีวรยุทธ์ชั้นสูงสุดจะถูกไข่มุกมังกรเล็กๆเม็ดหนึ่งทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส โชคดีที่พวกเขาไม่ได้พุ่งออกไปหยิบไข่มุกมังกรไม่เช่นนั้นด้วยวรยุทธ์ของพวกเขาก็คงจะถูกกระแทกตายไปนานแล้ว

กู้ชูหน่วนหยิบระฆังวิญญานสะบั้นออกมา จากนั้นเดินไปยังขอบของไข่มุกมังกรทีละก้าวๆแล้ววางระฆังวิญญานสะบั้นไว้ใต้ไข่มุกมังกรบนแท่นดอกบัว

ทันใดนั้นแท่นดอกบัวที่ไม่รู้ว่าทำมาจากวัสดุใดก็ได้แปรเปลี่ยนพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินจากดอกบัวจากหินเป็นดอกบัวสีขาวกลิ่นหอมยวนจมูกที่บานสะพรั่งดอกหนึ่ง

ดอกไม้จริงๆ……

ได้กลายเป็นดอกไม้แท้จริง

สิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือไข่มุกมังกรที่อยู่เหนือดอกบัวนั้นได้เกิดประกายแสงระยิบระยับออกมา

ในไข่มุกมังกรดูเหมือนว่ามังกรสีฟ้าจะค่อยๆตื่นขึ้น

ทุกคนสงสัยว่ากู้ชูหน่วนรู้ได้อย่างไรว่าต้องวางระฆังวิญญาณสะบั้นไว้บนแท่นดอกบัว

แม้แต่กู้ชูหน่วนเองก็ยังงุนงง เมื่อครู่นางดูเหมือนถูกมนต์สะกดเอาไว้เพียงแค่ปล่อยผ่านไปด้วยความรู้สึก

เมื่อเห็นว่าความอันตรายของแท่นดอกบัวได้ถูกคลายออกแล้ว กู้ชูหน่วนก็รีบหยิบไข่มุกมังกรออกมากำเอาไว้ในมือแน่น

ในเวลาเดียวกันผู้อาวุโสไท่ซั่งหลายคนของเผ่าเพลิงฟ้าและเผ่าปีศาจ ผู้นำกองธงกล้วยไม้ ผู้นำกองธงโบตั๋นและยังมีผู้อาวุโสส่วนน้อยของตันหุยกู่ต่างก็รีบเร่งกันเข้ามา และพวกเขาทั้งหมดก็เห็นฉากที่นางหยิบไข่มุกมังกรนั้น

“วางไข่มุกมังกรลงซะ”

แทบจะต่างปากแต่เสียงเดียวกัน ทุกคนให้กู้ชูหน่วนวางไข่มุกมังกรลง พร้อมกับออกกระบวนท่าสังหารโดยที่ทุกๆคนนั้นต้องการสังหารกู้ชูหน่วนในทันที

เผ่าพลิงฟ้ามีผู้มาช่วยเหลือมากมายเกินไป เผ่าปีศาจก็มีคนมาช่วย พวกเขาแต่ละคนเป็นยอดฝีมือทั้งสิ้นซึ่งลงมืออย่างไร้ความปรานี กู้ชูหน่วนต้องการจะหนีออกจากที่นี่ทว่าช่างยากเย็นจริงๆ

กู้ชูหน่วนมือหนึ่งกำอาวุธลับเอาไว้ อีกมือหนึ่งทำให้กำลังภายในทั้งร่างขึ้นสู่ชั้นสูงสุดเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับกระบวนท่าสังหารจำนวนมากมายเอาไว้อยู่ตลอด

น่าหลานหลิงลั่วก็ยืนอยู่ข้างกายกู้ชูหน่วนตั้งแต่เริ่มแรกและต่อสู้เคียงข้างกันกับนาง

แต่พวกเขาไม่ได้คิดมาก่อนก็คือกระบวนท่าการสังหารเหล่านั้นยังไม่ทันตกลงที่ตัวนางก็ถูกคนทำให้มลายหายไป

ในสระโลหิตมีผู้คนมาอีกกลุ่มหนึ่ง

กลุ่มคนในชุดสีขาวปิดบังหน้า มีอักษรคำว่าหยกปักอยู่ที่แขนเสื้อ

คนเหล่านี้มัทั้งแก่และเด็กโดยช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก เผ่าเพลิงฟ้าและเผ่าปีศาจร่วมมือกันก็ไม่สามารถได้เปรียบจากตัวพวกเขาได้แม้แต่น้อย

“เผ่าหยก……หายไปนับพันปีในที่สุดพวกเจ้าก็ออกมา” แต่ละคนของเผ่าเพลิงฟ้าอ้าปากสูดลมหายใจอันเย็นเข้าและจ้องมองพวกเขาด้วยเจตนาร้าย

ดังกลิ่นควันดินปืนรุนแรงขึ้นกว่าเก่าซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นการเผชิญหน้ากันของศัตรูและเกิดความอิจฉาริษยาเป็นพิเศษ

“หนี้เลือดนับพันปี วันนี้เป็นเวลาที่เราต้องสะสางกัน”

ผู้อาวุโสผมขาวจากเผ่าหยกแทบกัดฟันกล่าวประโยคหนึ่งออกมาโดยที่ดวงตาของเขาแดงก่ำดังเลือด และอดไม่ได้ที่จะสังหารคนของเผ่าเพลิงฟ้าให้หมดสิ้น

กู้ชูหน่วนกวาดมองไปทางน่าหลานหลิงลั่ว “เผ่าหยกมีพละกำลังอันใด?”

เหตุใดนางค้นหาในสมองก็ไม่พบสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับเผ่าหยก

สีหน้าของน่าหลานหลิงลั่วหมองลงเล็กน้อย “เผ่าโบราณดั้งเดิมเผ่าหนึ่งที่ได้หายตัวไปจากโลกมานานกว่าพันปี ผู้คนทั้งหลายต่างก็คิดว่าพวกเขาตายไปหมดแล้ว คิดไม่ถึงว่า……”

“เผ่าหยกและเผ่าเพลิงฟ้ามีความบาดหมางอันใดกันหรือ?” เป็นเวลากว่าพันปีแล้วก็ยังไม่ได้รับการคลี่คาย

“รายละเอียดนั้นข้าก็ไม่กระจ่าง” น่าหลานหลิงลั่วส่ายศีรษะราวกับว่าไม่ต้องการพูดมากและดูเหมือนว่าเขาก็ไม่รู้สิ่งใดแน่ชัดนักท่ามกลางเรื่องราวเหล่านั้น

เผ่าหยกและเผ่าเพลิงฟ้าไม่พูดจาอันใดกันก็ต่อสู้กันขึ้นโดยตรง ต่อสู้กันอย่างเต็มกำลังจนพื้นดินหุบเขาสั่นสะเทือน

คนของเผ่าปีศาจกดดันอย่างหนักทุกย่างก้าว ผู้นำกองธงกล้วยไม้กล่าวเย้ยว่า “กู้ชูหน่วนอย่าคิดว่ามีตันหุยกู่คุ้มครองเจ้าก็ไม่มีผู้ใดสามารถทำอันใดเจ้าได้ วันนี้เจ้าจะต้องตายอยู่ที่นี่”

กู้ชูหน่วนแคะหูแล้วกล่าวด้วยความรำคาญใจว่า “คำพูดนี้ท่านกล่าวมากี่ครั้งแล้วท่านไม่เหนื่อยข้ายังเกรงว่าหูจะด้านชาหน่ะ มีความสามารถอันใดก็เอาออกมาเถอะ”

“บ้าดีเดือด”

แม้ว่าผู้นำกองธงกล้วยไม้จะบาดเจ็บทั่วร่างแต่นิ้วทั้งห้าได้กลายเป็นกรงเล็บ ร่างกายเป็นราวกับสายลมที่ต้องการคว้าคอกู้ชูหน่วนและบีบนางให้ตายทั้งที่มีชีวิต

กู้ชูหน่วนขดรอยยิ้มอันโหดเหี้ยมขึ้นที่มุมปาก กดมือลงไปยังแท่นดอกบัว

ทันใดนั้นตำแหน่งที่เผ่าปีศาจยืนอยู่ได้เกิดหลุมขนาดใหญ่แตกออกบนพื้น

คนของเผ่าปีศาจไม่ทันได้ระวังและค่อยๆตกลงไปพร้อมกรีดเสียงร้องคร่ำครวญ

ครั้งนี้เดิมทีกู้ชูหน่วนสามารถขังคนของเผ่าปีศาจทั้งหมดเอาไว้ที่นี่

แต่นางไม่ได้คาดคิดว่าเยี่ยเฟิงจะวกกลับมาและพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วคิดที่จะสังหารผู้นำกองธงกล้วยไม้ให้นาง

เนื่องจากเขาค่อนข้างอยู่ใกล้ผู้นำกองธงกล้วยไม้จึงได้ตกลงไปในหลุมพร้อมกัน

ใบหน้าของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไปมากมายและรีบคว้ามือของเยี่ยเฟิงอย่างรวดเร็ว แรงดึงดูดอันทรงพลังด้านใต้หลุมนั้นดูดนางไม่หยุดและได้ลากนางลงมาด้วย

“ชู่ว์……”

ในช่วงเวลาวิกฤตน่าหลานหลิงลั่วดึงเขาไว้เพียงแต่ว่าแรงดูดด้านใต้นั้นแข็งแกร่งเกินไป น่าหลานหลิงลั่วก็ฝืนทนไม่ไหว

“ปล่อยมือ รีบปล่อยมือ” กู้ชูหน่วนตะโกนร้อง

หากไม่ปล่อยมืออีกเขาก็จะตกลงไปด้วย

น่าหลานหลิงลั่วไม่ยอมคลายมือและคิดทุกวิถีทางเพื่อดึงกู้ชูหน่วนกลับมา

น่าเสียดายที่เขาไม่เพียงแต่ไม่สามารถดึงกู้ชูหน่วนกลับมาได้แม้แต่ตัวเองก็ถูกดูดเข้าไปด้วย

“อ๊า……”

เกิดเสียงกรีดร้องขึ้นในหลุม

“อาหน่วน……”

ลมแรงเกินไปจนกู้ชูหน่วนไม่สามารถลืมตาขึ้นได้และก็เกิดเสียงร้อนรนของอี้เฉินเฟยดังขึ้นข้างกาย

นางฝืนลืมตาขึ้นกลับเห็นอี้เฉินเฟยที่เพิ่งฟื้นจากอาการป่วยอันรุนแรงไม่คำนึงถึงความเป็นความตายและก็……กระโดดตามลงมา

ให้ตายสิ เจ้าโง่ผู้นี้……

เขาอยากตายเช่นนั้นเลยหรือ?

…….

เจ็บป่วยเสียแล้วและเจ็บป่วยรุนแรงซะด้วย การปรับปรุงใหม่ไม่เป็นผลโปรดอภัยด้วย เล่มแรกใกล้จะจบแล้ว น่าจะเป็นพรุ่งนี้อย่างช้าสุดก็วันถัดไป

เล่มที่สองก็เป็นการต่อสู้กันระหว่างตัวเอกชายและหญิง อย่าได้รีบร้อนกันนะ

หากว่าพรุ่งนี้ร่างกายดีขึ้นมาบ้างข้าจะเริ่มใหม่อีก ขออภัยที่ทำให้พวกเจ้ารอนานเสียแล้ว

บทที่ 442

บทที่ 444

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท