กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ – บทที่ 461

บทที่ 461

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 461
ณ โรงน้ำชาแห่งหนึ่งบนภูเขาที่ห่างไกลออกไป

กู้ชูหน่วนสวมผ้าปกคลุมใบหน้าเพื่อปกปิดใบหน้าอันน่าทึ่งของนางเอาไว้ และเผยให้เห็นเพียงดวงตาอันชาญฉลาดคู่หนึ่งเท่านั้น

นางสวมชุดสีแดงเพลิงที่คุณภาพของเนื้อผ้าไม่ดีเท่าไรนัก แต่กลับเน้นรูปร่างที่สวยงามของนางออกมาอย่างเด่นชัด

นางนั่งดื่มเหล้าอยู่มุมหนึ่งอย่างเกียจคร้าน ถึงแม้ว่าจะมองไม่เห็นรูปลักษณ์ของนาง แต่ทุกคนที่เดินผ่านไปมาต่างก็ถูกนางดึงดูด

ไม่รู้ว่าเป็นหญิงสาวมาจากที่ไหน เหตุใดถึงมีรูปร่างดีเช่นนี้

ภายในโรงน้ำชา ผู้ที่เดินผ่านไปมาต่างพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์อะไรกัน

“พวกเจ้าได้ยินหรือไม่ว่า รัฐฉู่และเผ่าปีศาจทำสงครามกันแล้ว”

“อ๋า……เพื่ออะไรหรือ รัฐฉู่และเผ่าปีศาจไม่ได้มีเรื่องบาดหมางและไม่เกี่ยวข้องกันไม่ใช่หรือ?”

“พี่ชาย ข่าวของท่านช่างล้าหลังมาก ภายนอกต่างพูดถึงกันไปทั่วแล้ว”

“หลายวันมานี้ข้ามัวแต่ล่าสัตว์อยู่ในป่าลึกและยังไม่ได้กลับบ้านเลย พวกเจ้าเล่าให้ข้าฟังหน่อยสิ เหตุใดรัฐฉู่ต้องทำสงครามกับเผ่าปีศาจด้วยหรือ?”

“เมื่อสิบกว่าปีก่อน อัครมเหสีฉู่ของรัฐฉู่ได้ให้กำเนิดองค์ชายขึ้นหนึ่งองค์ แต่กลับถูกลักพาตัวไป หลายปีมานี้ จักรพรรดิฉู่ไม่ได้มีทายาทผู้สืบทอดสกุลเลย เรื่องนี้เจ้ารู้หรือไม่”

“เรื่องนี้ใครจะไม่รู้ล่ะ รัฐฉู่ออกประกาศตามหาองค์ชายอยู่ทุกเดือนทุกปี ไม่เพียงแค่รัฐฉู่เท่านั้น ทุกคนทุกรัฐต่างก็รู้เรื่องนี้ ข้าจำได้ว่าบนประกาศยังเขียนด้วยว่า ใครหาเจอหรือสามารถให้เบาะแสขององค์ชายได้จะมอบทองคำเป็นรางวัลหมื่นตำลึง และมอบตำแหน่งขุนนางระดับขึ้นที่หนึ่งให้ ฮึฮึ ช่างเป็นเรื่องน่าอิจฉาอย่างมาก แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับเผ่าปีศาจหรือ?”

“องค์ชายของจักรพรรดิฉู่ได้หาเจอแล้ว แต่ถูกผู้นำกองธงกล้วยไม้ของเผ่าปีศาจฆ่าตายไปแล้ว โดยตกลงไปยังทะเลโลหิตจากหน้าผาสูง แม้แต่ศพก็หาไม่พบ จักรพรรดิฉู่และอัครมเหสีฉู่โกรธมากและรวบรวมกองกำลังทั้งหมดเพื่อจู่โจมจัดการกับเผ่าปีศาจ เพียงแค่เห็นคนของเผ่าปีศาจ พวกเขาก็จะฆ่าทิ้ง แถมยังนำทัพใหญ่เข้าไปบุกทำลายกองกำลังเผ่าปีศาจจำนวนมาก”

ตอนที่กู้ชูหน่วนได้ยินว่าองค์ชายของรัฐฉู่ตกลงไปยังทะเลโลหิตจากหน้าผาสูง แม้แต่ศพก็หาไม่พบ มือที่ดื่มเหล้าของนางก็แข็งทื่อและร่องรอยของความเจ็บปวดฉายแววในดวงตาของนางก็ปรากฏขึ้น

“อ๋า……เหตุใดผู้นำกองธงกล้วยไม้ต้องฆ่าองค์ชายของรัฐฉู่ด้วย? นี่เป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนว่าจะเป็นศัตรูของรัฐฉู่ไม่ใช่หรือ?”

ผู้พูดคนนั้นโบกมือไปที่พวกเขาและพูดกระซิบกระซาบ “ตามที่ข้าได้ข่าวมา องค์ชายของรัฐฉู่ที่หายสาบสูญไปนั้นเป็นผู้คอยปรนนิบัติของผู้นำกองธงกล้วยไม้ นั่งก็คือผู้ชายอันเป็นที่โปรดปรานของผู้นำกองธงกล้วยไม้ และถูกผู้นำกองธงกล้วยไม้ทำเช่นนั้นด้วยตั้งแต่ยังเล็ก……”

“เป็นไปไม่ได้หรอก เขาเป็นถึงองค์ชายเลยนะ จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร……”

“ใครจะไปรู้ว่าเขาคือองค์ชายผู้นำกองธงกล้วยไม้ก็ไม่รู้ ทุกคนต่างคิดว่าเขาเป็นผู้คอยปรนนิบัติที่ต่ำต้อยคนหนึ่งเท่านั้น”

“มิน่าล่ะ……มิน่าล่ะที่ผู้นำกองธงกล้วยไม้ต้องการทำให้เขาตายและยังทำให้เขาตายอย่างไร้ศพ หากเป็นข้า ข้าก็ทำเช่นนั้น ทำลายศพและทำลายร่องรอยหลักฐานทั้งหมด”

กู้ชูหน่วนกรอกเหล้าเข้าปากไปหลายจอกด้วยความไม่สบอารมณ์อย่างมาก

“องค์ชายของรัฐฉู่สิ้นพระชนม์ไปแล้ว เช่นนั้นแล้วจักรพรรดิฉู่ก็ไม่มีทายาทสืบทอดราชบัลลังก์แล้วน่ะสิ? ใครจะเป็นคนมาสืบทอดราชบัลลังก์จักรพรรดิในอนาคต”

“เรื่องนี้พวกเราจะรู้ได้อย่างไร ข้ารู้เพียงแค่รัฐฉู่และเผ่าปีศาจทำศึกสงครามกันอย่างดุเดือด ตอนนี้ภายนอกต่างวุ่นวายโกลาหลและทุกคนต่างก็ตกอยู่ในอันตราย หากไม่มีอะไรละก็ควรหลบซ่อนอยู่ในป่าลึกจะปลอดภัยที่สุด เพื่อไม่ถูกฆ่าตายไปเพราะคิดว่าเป็นคนของเผ่าปีศาจ”

“เผ่าปีศาจมีฝีมือเก่งกาจอย่างมากไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงถูกรัฐฉู่ไล่ล่าฆ่าฟันอย่างน่าโหดร้ายเช่นนั้นได้อย่างไร? จอมมารของเผ่าปีศาจล่ะ หรือว่าเขาไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องนี้?”

“ฮึ เจ้าทายถูกแล้ว จอมมารไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องนี้จริงๆ จึงทำให้เผ่าปีศาจเกิดความวุ่นวายโกลาหลเช่นนี้อย่างไรล่ะ”

“เป็นไปไม่ได้หรอก เช่นนั้นแล้วจอมมารไปไหนเสียล่ะ?”

“ไม่มีใครรู้ว่าจอมมารไปอยู่ที่ไหน มีคนบอกว่าเขาไปบำเพ็ญเพียร และมีคนบอกว่าจอมมารไปตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งเข้า จึงได้ไปตามจีบผู้หญิงคนนั้นแล้ว และยังมีคนบอกว่าจอมมารถูกผู้มีฝีมือสูงส่งของรัฐฉู่ทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัสและตายไปแล้ว มีคนออกความเห็นเอาไว้มากมาย”

“เช่นนั้นแล้วองค์ชายของรัฐฉู่ก็ช่างไร้วาสนาเสียเหลือเกิน เดิมทีเขาเป็นถึงองค์ชายผู้สูงส่ง ควรจะได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย กินอยู่อย่างดี แต่กลับกลายเป็นผู้คอยปรนนิบัติคนหนึ่ง กลายเป็นผู้คอยปรนนิบัติก็ว่าแย่แล้ว แถมยังต้องมาจากไปก่อนวัยอันควร หากเขายังมีชีวิตอยู่ ตำแหน่งจักรพรรดิของรัฐฉู่จะต้องเป็นของเขาอย่างแน่นอน”

“จะไม่เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร จักรพรรดิฉู่รักใคร่โปรดปรานอัครมเหสีฉู่มากเช่นนั้น ในชีวิตนอกจากอัครมเหสีฉู่แล้ว พระองค์ก็ไม่แต่งตั้งนางสนมอีกเลย เช่นนั้นแล้วเหตุใดพระองค์จึงจะไม่มอบตำแหน่งจักรพรรดิให้กับองค์ชายที่พระองค์และอัครมเหสีฉู่เป็นผู้ให้กำเนิดออกมาล่ะ เฮ้อ……”

“ดูเหมือนว่าช่วงที่พวกข้าล่าสัตว์อยู่ในป่าลึก ภายนอกจะมีเรื่องเกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน”

“เรื่องแค่นี้เอง ยังมีเรื่องใหญ่กว่านั้นอีก”

“โอ้ เรื่องอะไรหรือ?”

“จักรพรรดิเยี่ยของเราสมรู้ร่วมคิดกับรัฐหวาและตั้งการซุ่มโจมตีอย่างรุนแรง เพื่อต้องการสังหารเทพแห่งสงคราม และทำการยึดอำนาจกองกำลังทหารของเทพแห่งสงครามกลับทั้งหมด แต่สุดท้ายกลับถูกเทพแห่งสงครามปราบปรามแทน”

ดวงตาที่เกียจคร้านของกู้ชูหน่วนเปล่งประกายด้วยความชัดเจน และในไม่ช้าก็กลับมาเป็นปกติ

“จักรพรรดิของพวกเราบ้าไปแล้วหรืออย่างไร? เหตุใดถึงสมรู้ร่วมคิดกับรัฐอื่นและลงมือจัดการเทพแห่งสงคราม? หากรัฐเยี่ยไม่มีเทพแห่งสงคราม เช่นนั้นก็คงถูกรัฐอื่นรุกรานไปนานแล้ว หรือว่าแม้แต่เรื่องนี้จักรพรรดิของเราก็ไม่รู้?”

“ชู่วๆ เบาๆ หน่อย เจ้าอยากตายหรืออย่างไร วิพากษ์วิจารณ์เรื่องจักรพรรดิจะถูกตัดหัวเอาได้”

“ใช่ๆ ข้าตื่นเต้นจนลืมไปเลย”

ภายในโรงน้ำชา ชาวบ้านต่างพากันกวาดสายตาไปรอบๆ และเมื่อแน่ใจว่าไม่มีผู้ต้องสงสัยคอยแอบฟัง จากนั้นจึงกระซิบกระซาบ

“การวางแผนสังหารอย่างต่อเนื่องของจักรพรรดินั้นร้ายกาจเกินไป ไม่เพียงแต่สร้างความโมโหให้กับเทพแห่งสงครามเท่านั้น แต่ยังทำให้รัฐหวาขุ่นเคืองไปด้วย ตอนนี้รัฐหวาและรัฐชางก็ได้ร่วมมือกัน เพื่อที่จะบุกโจมตีรัฐเยี่ยของเรา”

“อ๋า……เจ้ากำลังจะบอกข้าว่าตอนนี้ภายนอกกำลังทำสงครามกันอย่างนั้นหรือ”

“ก็ใช่น่ะสิ ต่อสู้กันอย่างดุเดือดเชียว”

“เช่นนั้นแล้วก็ไม่กลัว รัฐเยี่ยของเรามีเทพแห่งสงคราม ขอเพียงมีเทพแห่งสงครามอยู่ก็ไม่มีใครสามารถสู้พวกเราได้”

“สิ่งที่น่าหดหู่ก็อยู่ตรงนี้ล่ะ ฝ่าบาทดันสร้างความขุ่นเคืองให้กับเทพแห่งสงครามแล้วและเทพแห่งสงครามก็ยืนยันที่จะไม่ทำอะไรทั้งนั้น รัฐเยี่ยของเราไม่มีทางเอาชนะรัฐหวาและรัฐชางได้อย่างแน่นอน และคงต้องพ่ายแพ้ถอยหนี ฮึฮึ ข้าก็อยู่มาจนอายุปูนนี้แล้วกลับไม่เคยเห็นรัฐเยี่ยต้องพ่ายแพ้อย่างรุนแรงเช่นนี้เลย”

“อ๋า……ไม่ใช่กระมัง รัฐเยี่ยเป็นถึงรัฐที่มีขนาดใหญ่ ต่อให้รัฐหวาและรัฐชางจะมีความแข็งแกร่งเพียงใด ก็คงไม่กดดันให้พวกเราทำสงครามหรอก”

“คิดว่าข้าโกหกเจ้าอย่างนั้นหรือ คนเขาแทบจะบุกรุกเข้ามาจนไม่มีแผ่นดินจะอยู่แล้ว”

“รุนแรงเช่นนั้นเลยหรือ แต่……ต่อให้เทพแห่งสงครามไม่ช่วยเหลือ เช่นนั้นแล้วก็ยังมีแม่ทัพใหญ่เซี่ยวอีกไม่ใช่หรือ? หรือว่าแม่ทัพใหญ่เซี่ยวก็สู้พวกเขาไม่ได้?”

“ต่อให้แม่ทัพใหญ่เซี่ยวจะเก่งกาจมากเพียงใด แต่ก็ต้องมีคนกล้าออกคำสั่งเขา แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนไปบอกฝ่าบาทว่าลูกชายคนโตของแม่ทัพใหญ่เซี่ยวได้แต่งงานกับองค์หญิงจวิ้นจู่ของรัฐหวา และเหตุที่รัฐเยี่ยแพ้สงครามทั้งหมดก็เป็นเพราะข่าวที่ออกมาของแม่ทัพใหญ่เซี่ยว ส่วนตอนนี้แม่ทัพใหญ่เซี่ยวก็ได้นำตัวไปคุมขังไว้ในคุกเสียแล้ว”

“เป็นไปได้อย่างไรกัน แม่ทัพใหญ่เซี่ยวเป็นผู้มีความจงรักภักดีเช่นนั้น ข้าเชื่อว่าเขาไม่ทำเรื่องเช่นนั้นเด็ดขาด จะต้องมีคนใส่ร้ายเขาอย่างแน่นอน”

“ข้าก็คิดว่าต้องมีคนใส่ร้ายแม่ทัพใหญ่เซี่ยวอย่างแน่นอน แต่ฝ่าบาทของเราไม่เชื่อนี่นา”

ทันใดนั้นกู้ชูหน่วนก็ลุกขึ้นยืนและเดินเอามือพาดอกมาตรงหน้าของพวกเขา จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เช่นนั้นแล้วลูกชายคนเล็กของแม่ทัพใหญ่เซี่ยว เซี่ยวอวี่เซวียนล่ะ?”

“ทุกคนในตระกูลของแม่ทัพใหญ่เซี่ยวต่างก็ถูกคุมขังในคุก คุณชายน้อยเซี่ยวก็คงจะถูกคุมขังไปด้วย เรื่องนี้พวกข้าก็ไม่รู้อะไรมากนัก แม่นาง เจ้าเป็นอะไรกับแม่ทัพใหญ่เซี่ยวหรือ?”

กู้ชูหน่วนไม่ตอบ แต่กลับพูดตักเตือน “ถึงแม้ว่าที่นี่จะห่างไกลทุรกันดาร แต่ก็ไม่เสมอไปว่าจะไม่มีใครแอบมาได้ยินเข้า หรือมีคนไม่หวังดีจงใจไปรายงานกับเจ้าหน้าที่รัฐ ก่อนที่จะวิพากษ์วิจารณ์เรื่องฝ่าบาทนั้น พวกเจ้าควรคิดให้ดีเสียก่อนว่าตัวเองมีกี่หัว”

คำพูดเพียงคำเดียวนี้ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในนั้นเหงื่อออกอย่างเยือกเย็น

พระเจ้า เมื่อสักครู่พวกเขาพูดอะไรออกไปบ้าง? จะไม่มีคนไปรายงานเจ้าหน้าที่รัฐใช่หรือไม่?

“และยังมีอีก อัครมเหสีฉู่จะต้องตอบโต้อย่างหนักแน่ หากพวกเจ้ายังพูดจาดูหมิ่นลูกชายของพระองค์ ระวังจักรพรรดิฉู่จะตามมาฆ่าพวกเจ้าทิ้งเสียทั้งหมด”

“แม่นาง พวกข้าไม่กล้าแล้ว เมื่อสักครู่พวกข้าเพียงพูดไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น เจ้าอย่าได้ไปรายงานเจ้าหน้าที่รัฐเลยนะ”

“เช่นนั้นก็ระวังปากของพวกเจ้าให้ดี”

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

None

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท