กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 453
ผู้อาวุโสทั้งสามท่านต่างเงียบอึมครึม พวกเขารีบคิดหาข้ออ้างออกไป
กู้ชูหน่วนหยิบกริชออกมาจากวงแหวนอวกาศ กดไว้ที่คอของตนเอง จากนั้นกล่าวว่า“หากวันนี้ไม่บอกความจริงอย่างชัดเจนแก่ข้า ข้าก็จักตายต่อหน้าพวกท่านโดยทันที”
“อย่าๆๆ…..ท่านรีบวางกริชลง หากเกิดอะไรขึ้นมา พวกข้าจะอธิบายแก่ชาวเผ่าหยกของเราอย่างไรกัน”
“เช่นนั้นก็พูดมา หากพวกท่านรู้จักข้า น่าจะรู้ว่า ความอดทนของข้าไม่มาก”
กู้ชูหน่วนท่าทางแน่วแน่ อีกทั้งไม่ยอมแล้วกระชับกริช เพียงแค่นางออกแรงเพียงเล็กน้อย แน่นอนว่านางจะต้องตายอยู่ที่นี่อย่างอนาถ
เหล่าผู้อาวุโสร้อนรน อยากจะไปรายงานแก่ผู้อาวุโสสูง แต่กู้ชูหน่วนไม่ยอมให้พวกเขาไป
สุดท้ายเป็นผู้อาวุโสเจ็ดใจร้อนวู่วามเป็นคนแรกที่อดทนไม่ไหว
“ในเมื่อท่านอยากรู้ เช่นนั้นข้าบอกท่านก็ได้”
“ผู้เฒ่าเจ็ด…..”
“ไอ๋หยา นิสัยของหัวหน้าเผ่าพวกเจ้าไม่ใช่ว่าไม่รู้ หากว่านางเป็นอันใดไป พวกเจ้าเก็บความลับไว้มากมายแล้วมันจะยังไงล่ะ”
“อาหน่วน ท่านคือหัวหน้าเผ่าที่อายุน้อยที่สุดของพวกเราเผ่าหยก ระดับความแข็งแกร่งของท่านอยู่ระดับเจ็ด เพื่อปกปิดฐานะของท่าน ตามหาไข่มุกมังกร ตนเองเลยผนึกวรยุทธ์ของตนเอง ฝากแฝงตัวอยู่จวนอัครเสนาบดี”
“เมื่อไม่นาน ท่านต้องการไข่มุกมังกรเม็ดที่สี่ ไม่รู้ว่าถูกผู้ใดทำร้ายได้รับบาดเจ็บหนัก แทบจะสูญสิ้นชีวิต แม้แต่ความทรงจำยังสูญหาย เพราะฉะนั้นท่านเลยจำพวกข้าไม่ได้เป็นการชั่วคราว”
กู้ชูหน่วนรั้งพวกเขาไว้ กล่าวขึ้นว่า“ช้าก่อน ท่านบอกว่าข้าคือหัวหน้าเผ่าของพวกท่าน เช่นนั้นคุณหนูสามของจวนอัครเสนาบดีที่แท้จริงล่ะ?”
“คุณหนูสามก็คือท่าน ฐานะของเผ่าหยกละเอียดอ่อนมาก เพราะฉะนั้นตอนที่ท่านเพิ่งเกิด ท่านแม่ของท่านเลยเลือกให้ท่านอยู่ที่จวนอัครเสนาบดี ก็นับว่าเป็นฐานะที่ปกปิดความจริงได้”
“เพราะฉะนั้น ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาคุณหนูสามของจวนอัครเสนาบดีไม่ใช่คนที่จะยอมให้กลั่นแกล้งได้ แต่แสร้งเป็นหมูเพื่อหลอกกินเสือ แสร้งทำเป็นอ่อนแอให้ศัตรูมันตายใจหรือ?”
“นี่….ก็นับว่าใช่แหละนะ”
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้วถาม“เช่นนั้นท่านแม่ของข้าล่ะ ท่านแม่ของข้าก็คือคนเผ่าหยกหรือ?เพื่อที่จะปกปิดฐานะนาง ถึงได้จงใจแต่งงานกับอัครเสนาบดีกู้ชายสารเลว?”
“เรื่องนี้….เรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน แต่ท่านพูดเช่นนี้ คล้ายดั่ง…..ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ เดิมทีท่านแม่ของท่านก็ใช้ฐานะฮูหยินของอัครเสนาบดีกู้นั่นปิดปังไว้…..”
ผู้อาวุโสไป๋เฉ่ากับผู้อาวุโสห้าต่างพากันจ้องมองผู้อาวุโสเจ็ด ผู้อาวุโสเจ็ดลูบริมฝีปากตนเอง รู้จักเอาตัวรอดโดยการเงียบ
เขาพูดเช่นนี้ ไม่ได้มีความผิดปกติจริงๆนี่
สถานการณ์เมื่อตอนนั้นซับซ้อน ยืมฐานะฮูหยินของอัครเสนาบดีมาปิดบังฐานะ มันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว
กู้ชูหน่วนอดหัวเราะเยาะตนเองไม่ได้
คิดไม่ถึง ว่านางอาศัยอยู่ในอวนขนาดใหญ่ที่คนอื่นถักทอไว้มาตลอด
ระดับเจ็ด….
พละกำลังความสามารถนี่แข็งแกร่งพอแล้ว เมื่อเทียบกับเผ่าปีศาจ เหวินเส่าอี๋ เยี่ยจิ่งหานบางทีอาจจะแข็งแกร่งกว่าด้วย
ตามหาไข่มุกมังกร ขจัดพิษคำสาปโลหิต…..
นี่คือภารกิจที่หนักอึ้งของเจ้าของร่างเดิม มันไม่ใช่ภารกิจที่หนักอึ้งของนางเลย
กู้ชูหน่วนไม่มีภารกิจที่หนักอึ้ง ต่อให้มีก็ต้องดูอารมณ์ของนาง
“อาหน่วน ท่านไม่ต้องรีบร้อน ตอนนี้พวกเราหาไข่มุกมังกรเม็ดที่ห้าเจอแล้ว เพียงแค่หาอีกสองเม็ดก็สามารถช่วยเผ่าหยกของพวกเราได้ ตอนนี้หาไม่เจอก็มิเป็นไร อย่ากดดันตนเองมากมาย”
กู้ชูหน่วนกรอกตาขาว กล่าวว่า“ข้าต้องการหาไข่มุกมังกร แต่ข้าหาไข่มุกมังกร เพียงเพื่ออี้เฉินเฟย ไม่ได้ทำเพื่อคนอื่น”
ผู้คนมากมายต่างมองหน้ากัน
ทำเพียงเพื่ออี้เฉินเฟย ไม่ใช่เพื่อคนอื่น?
นางตามหาไข่มุกมังกร หรือว่าไม่ใช่เพื่อเหล่าคนมากมายของเผ่าหยกหรอกหรือ?
“รายงาน…..ผู้อาวุโสห้า ผู้อาวุโสเจ็ด ผู้อาวุโสไป๋เฉ่า อาการของคุณชายชิงไม่ดี ผู้อาวุโสสูงบอกว่าหากไม่สามารถหาไข่มุกมังกรมาครบเจ็ดเม็ดได้ อย่างมากคุณชายชิงจะอยู่ได้สองเดือน”
“ไป ไปดูอี้เฉินเฟยกัน”
ภายในห้องนอนอันโออ่า
ใบหน้าของอี้เฉินเฟยซีดเผือด ดวงตาของเขาปิดสนิทอย่างไร้เรี่ยวแรง ลมหายใจโรยรา ผมสีขาวของเขาสะดุดตา อีกทั้งทำให้คนสงสารจับใจมาก
มองด้านข้างอี้เฉินเฟย มีผู้อาวุโสผมขาวโพลนนั่งอยู่จำนวนหนึ่ง
เหล่าผู้อาวุโสไม่รู้ว่าใช่หรือไม่ว่าใช้กำลังภายในไปมากเกิน หายใจไม่ราบรื่น ใบหน้าก็ค่อนข้างดูไม่ได้
กู้ชูหน่วนเพิ่งจะเข้ามาในห้อง หัวหน้าผู้อาวุโสสูง และผู้อาวุโสทั้งหมดต่างทำความเคารพว่า“ทำความเคารพท่านหัวหน้าเผ่า เคารพท่านหัวหน้าเผ่า”
“รีบลุกขึ้นเถิด”
กู้ชูหน่วนไม่คุ้นชิน ในหัวสมองของนางมีความทรงจำของเผ่าหยกไม่มาก อยู่ดีๆได้ถูกเหล่าผู้อาวุโสเรียกว่าท่านหัวหน้าเผ่า นางเลยรู้สึกแปลกประหลาด
ตอรเอื้อมมือออกไปประคองพวกเขา กู้ชูหน่วนไม่ระวังเลยจับได้ถึงชีพจรของผู้อาวุโสใหญ่
ผู้อาวุโสใหญ่มีความแข็งแกร่งภายในมากมาย และไม่รู้ว่าเขาจะบรรลุได้มากแค่ไหน แต่เขาได้ใช้พละกำลังชี่แท้ไปอย่างมาก ตอนนี้ลมหายใจเลยไม่แน่นิ่ง อีกทั้งชีพจรเขาคล้ายกับของอี้เฉินเฟยมาก ดูเหมือนว่ามีพลังกัดกร่อนที่กลืนพลังชีวิตของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง .
แม้ว่าพลังชีวิตของเขาจะไม่สูญเสียมากเท่ากับอี้เฉินเฟย แต่เขาก็สูญเสียพลังไปอย่างช้าๆได้
หรือว่าคนที่ถูกคำสาปโลหิต ชีพจรล้วนจะเป็นเช่นนี้?
นางยังต้องการตรวจสอบชีพจรของผู้อาวุโสสูงอย่างละเอียด แต่ผู้อาวุโสดึงมันออกไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับว่าเขาไม่ต้องการให้ตรวจชีพจร
ผู้อาวุโสหกกล่าวว่า“อาหน่วน ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว ข้ารอเหล้าชั้นดีของท่านตั้งนานจนผมขาวหงอกโพลน เหล้าของข้าล่ะ ไม่ใช่ว่าเจ้าแอบซ่อนไว้ทีไหนอีกหรอกนะ?”
“ผู้เฒ่าหก”ผู้อาวุโสสูงกล่าวอย่างเคร่งขรึม
ผู้อาวุโสหกกระแอมไอเล็กน้อย ยืดตัวตรง ยื่นด้วยความเคารพอยู่ด้านหนึ่ง
ผู้อาวุโสคนอื่นก็คล้ายดั่งว่ากลัวผู้อาวุโสสูงเช่นกัน แต่ละคนแม้ว่าจะตื่นเต้น แต่ทว่ากลับไม่กล้ากล่าวพูดอะไร
“อี้เฉินเฟยเป็นอย่างไรบ้าง?”
กู้ชูหน่วนเดินผ่านพวกเขา แล้วมาด้านหน้าเตียง จับแมะชีพจรของเขา คล้ายดั่งว่าชีพจรของเขาดีกว่าเมื่อก่อนมาก น่าจะมีคนใช้พละกำลังช่วยเขาควบคุมอาการบาดเจ็บ แต่ว่าพลังชีวิตไม่หยุดที่จะลดหายไป จนกระทั่งพลังภายในอวัยวะกลวงอวัยวะตัน เส้นลมปราณพิเศษทั้งเจ็ด ส่วนเลือดเนื้อไขกระดูกไม่หยุดที่เน่าเปื่อย
เป็นอย่างนี้ต่อไป เขาต้องตายแน่นอน
พวกเขาบอกสองเดือน พูดมากไปแล้ว
สามารถอยู่ทนได้สองเดือน น่าจะเป็นขีดจำกัดของอี้เฉินเฟยแล้ว
“เรียนหัวหน้าเผ่า อาการของเฉินเฟยนับว่าสงบนิ่งชั่วคราวแล้ว พวกข้าแก่ๆจำนวนหนึ่ง อย่างมากก็ทำได้เพียงให้เขาปกป้องรักษาชีวิตได้สองเดือน ไม่รู้ว่าหัวหน้าเผ่ามีที่อยู่ไข่มุกมังกรเม็ดที่หกหรือไม่ หากว่ามี ข้าจะเร่งสั่งคนออกไปหาทันที”
กู้ชูหน่วนแสยะริมฝีปากขึ้น
พวกเขาไม่มีที่อยู่ไข่มุกมังกร นางจะมีได้อย่างไร
นางข้ามพบมาอยู่ที่นี่ ไม่ได้นานมาก
ผู้อาวุโสสามทอดถอนหายใจออกมา กล่าวว่า“วันนี้สถานการณ์ในเผ่ายิ่งแย่วุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ หากไม่รีบรวบรวมไข่มุกมังกรเจ็ดเม็ด เกรงว่า….”
“ผู้อาวุโสสาม”
ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวเสียงดัง
ผู้อาวุโสสามตกใจ รีบเงียบทันที
จากนั้นผู้อาวุโสใหญ่กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลขึ้นว่า“ท่านหัวหน้าเผ่าวางใจ ในเผ่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ท่านไม่ต้องเป็นกังวลใจ แบะก็ไม่ต้องรีบร้อนมาก”
“ใช่ ภายในเผ่าเรียบร้อยดี อาหน่วน….ไม่ หัวหน้าเผ่า ท่านไม่ต้องฟังผู้อาวุโสสามพูดจาเลอะเทอะหรอก เมื่อวานเขาต้องดื่มมามากอย่างแน่นอน วันนี้เลยกล่าววาจาเลอะเทอะ”