กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ ตอนที่ 484
เป็นอย่างที่คาดไว้ หลังจากที่ยาอายุวัฒนะขึ้นประมูล เหล่าผู้ประมูลต่างก็ตื่นเต้นขึ้นมา
มินึกเลยว่าจะมียาล้างไขกระดูกด้วย แถมยังมีมากมายหลายขวดและเปิดประมูลพร้อมกันครั้งละสามขวดอีก
เหล่าผู้มูลต่างแย่งชิงกันประมูล รวมทั้งบุคคลสำคัญจากตระกูลขุนนางก็มาพร้อมกับเงินมหาศาล จากนั้นก็ใช้เงินจำนวนมากประมูลยาล้างไขกระดูกไปแทบจะหมดสิ้น เอาไว้เพิ่มทักษะฝีมือให้กับศิษย์ในเผ่าได้ง่าย
หอประมูลที่ผู้คนล้นหลามอย่างมือฟ้ามัวดินเต็มไปด้วยผู้คนอีกครั้ง แม้กระทั่งตำแหน่งที่ยืนก็ยังเบียด
กู้ชูหน่วนนั่งมองผู้คนด้านล่างอยู่ในห้องส่วนตัวชั้นสามและตะลึงงันกับการแย่งชิงเพื่อประมูลของผู้คน
ยาล้างไขกระดูกเป็นเพียงยาที่นางกลั่นมาอย่างไม่ตั้งใจเท่านั้น เดิมทีคิดจะทิ้งมันเสียด้วยซ้ำ แต่มิอาจคาดถึงว่าจะขายดีเพียงนี้ แถมยังได้ราคางามและหมดภายในพริบตาอีกด้วย
บางคนก็สู้กันเพียงเพราะยาล้างไขกระดูกนี้
กู้ชูหน่วนกัดฟัน “หากรู้เช่นนี้ ข้าทำให้มากกว่านี้ก็คงดี”
เสี่ยวลู่ไปเป็นเจ้าภาพงานประมูลแล้ว ในห้องส่วนตอนนี้มีเพียงแค่กู้ชูหน่วนและเยี่ยจิ่งหานสองคน เยี่ยจิ่งหานถาม “เจ้าไปเอายาอายุวัฒนะมากเพียงนี้มาแต่ใดกัน?”
“จะมาจากไหนได้กันเล่า ก็กลั่นเองน่ะสิ”
“กลั่นเองงั้นรึ?”
“มิเช่นนั้น ท่านช่วยข้ากลั่นอย่างนั้นรึ?”
เยี่ยจิ่งหานจ้องนางเขม็ง ในสายตายังคงมิเชื่อนาง
แต่ทว่าในจวนอ๋อง นอกจากนางแล้วก็ไม่มีผู้ใดเข้ามาอีกเลย
ยาอายุวัฒนะในแหวนเก็บสะสมของนางนั้น เป็นไปมิได้ที่นางจะนำกลับมาจากเผ่าหยก
สายตาของเขาจ้องเขม็งจนกู้ชูหน่วนรู้สึกไม่สบาย กู้ชูหน่วนจึงอธิบาย “ก่อนหน้านี้ข้าได้รับม้วนตำราหนังแกะโบราณมา ข้าเลยกลั่นตามตำรา หากท่านไม่เชื่อก็ตรวจสอบดูได้”
“เพียงแค่ม้วนตำราหนังแกะโบราณและสมุนไพรพวกนั้นที่เจ้าสั่งให้คนไปซื้องั้นรึ?”
“ใช่แล้วล่ะ”เพียงแค่สมุนไพรพวกนั้นจะไปเพียงพอได้อย่างไรกัน เพราะว่านางได้สมุนไพรชั้นดีมาจากภูเขาสวินหลงอย่างไม่คาดคิดยังไงล่ะ มิเช่นนั้นจะสามารถกลั่นยาอายุวัฒนะพวกนั้นออกมาได้อย่างไรกัน
เยี่ยจิ่งหานมิรู้จะพูดเช่นไรต่อไปดี
ภรรยาของเขา มีเรื่องแตกต่างจากคนอื่นมากจริง ๆ
หากสิ่งที่นางพูดเป็นความจริง เช่นนั้น นางจะทำให้ทั้งแผ่นดินตะลึงแน่ ๆ
บรรลุด้วยตนเอง แถมยังกลั่นยาอายุวัฒนะระดับสี่ออกมาได้ แม้แต่นักกลั่นยาที่มีพรสวรรค์ ก็มิอาจกลั่นยาอายุวัฒนะระดับสี่ออกมาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ได้
หลังจากที่ยาล้างไขกระดูกขายหมดแล้วก็เปิดประมูลยาเสริมลมปราณต่อเลย หอประมูลครึกคริ้นขึ้นมาอีกครั้ง คนชั้นสูงในเมืองหลวงก็เข้าร่วมด้วยแทบทุกคน
เมื่อมีการประมูลยาขั้นเทพแล้ว หอประมูลก็เริ่มคัดแยกผู้คน เพราะว่าคนเบียดเต็มแล้วและเหลือไว้เพียงคนชั้นสูงที่ร่ำรวยและมีอำนาจไว้เท่านั้น
การประมูลเริ่มขึ้นอย่างดุเดือด
มุมปากกู้ชูหน่วนเฟยรอยยิ้มออกมา
ถึงตอนนั้นนางจะให้ฝูกวงนำเงินพวกนี้กลับเผ่าหยกให้หมด
ในช่วงที่ยังหาไข่มุกมังกรไม่พบนั้น นางทำได้เพียงใช้ความสามารถของตนอย่างที่สุด เพื่อให้เผ่าหยกใช้ชีวิตได้ดีขึ้น แม้นว่าเผ่าหยกจะมิขาดตกบกพร่องเรื่องเงินก็ตาม…
มิรู้ว่าเจี้ยงเสวี่ยเข้ามาในห้องส่วนตัวตั้งแต่เมื่อใดกัน เขากระซิบอยู่ข้างหูเยี่ยจิ่งหายไปครู่หนึ่ง
สีหน้าเยี่ยจิ่งหานเปลี่ยนเล็กน้อย “ข้าจะออกไปข้างนอก และจะกลับมารับเจ้าโดยไว หากข้ายังมิกลับมา เจ้าก็คอยอยู่ในหอประมูลเสียก่อน ชิงเฟิงเจ้าอยู่คุ้มครองพระชายาไว้”
“พ่ะย่ะค่ะ…”พระชายาทำหน้าเศร้าใจ
สิ่งที่เขาไม่ชอบที่สุดคือการอยู่กับพระชายา
กู้ชูหน่วนโบกมือให้เขาไปจัดการธุระเสียก่อน ส่วนตนเองจะดูการประมูงข้างล่างต่อและคิดแผนว่าจะหนีจากชิงเฟิงได้อย่างไร จากนั้นก็ไปสืบหาเรื่องไข่มุกมังกรที่เผ่าปีศาจ
“ตู้ม…”
ชิงเฟิงล้มลงกะทันหัน
กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้นอย่างระวัง
ก็เห็นเสี่ยวลู่ที่มิรู้ว่าเข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อใดกัน
และมีหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่และแข็งแรงเข้ามาพร้อมกับเสี่ยวลู่
“ถวายบังคมนายท่านเพคะ”
น้ำเสียงเสี่ยวลู่ตื่นเต้นและไม่สวยงามเรียบร้อยเหมือนปกติ มีเพียงความเคารพที่ตื่นเต้นเท่านั้น
กู้ชูหน่วนแทบจะซวนเซ
นายท่านงั้นรึ…?
“เจ้าเรียกข้างั้นรึ?”
“นายท่าน พวกข้ารอท่านมาแสนนาน ในที่สุดก็ได้เจอท่านแล้ว”
เสี่ยวลู่และคนอื่น ๆ ตื่นเต้นราวกับว่ามีคำพูดนับไม่ถ้วนที่อยากจะพูดคุยกับนาง
กู้ชูหน่วนแสดงท่าทางหยุดพวกเขาไว้ นางยังไม่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ “รอเดี๋ยว เจ้าบอกว่าข้าเป็นนายท่านของพวกเจ้าอย่างนั้นหรือ? นายท่านแห่งหอประมูลเฟิงเซียงรึ? พวกเจ้าคงมิได้จำคนผิดหรอกนะ”
“นายท่านล้อเล่นอีกแล้วนะเพคะ นอกเสียจากท่านแล้วผู้ใดบนโลกนี้จะเป็นนายท่านแห่งหอประมูลเฟิงเซียงได้อีกเพคะ ข้าน้อยติดตามท่านมาหลายปี จะจำผิดคนได้อย่างไรเพคะ”
“คุณหนูผู้ไร้ความสามาถและไม่เป็นที่รักของจวนอัครเสนาบดีเป็นนายท่านของพวกเจ้างั้นรึ?”
จินเฉียงที่อยู่ข้าง ๆ เสี่ยวลู่กล่าวหัวเราะ “นายท่าน ใครบังอาจเรียกท่านว่าคนไร้ความสามารถกัน ข้าจะบีบคอมันให้ตายคนแรกเลย ท่านเป็นถึงคนชั้นสูงที่งดงามไร้ที่ติและปราดเปรื่องด้านการวางกลยุทธ์ ทั้งยังทำนายการณ์ล่วงหน้าได้ ตำแหน่งคุณหนูสามแห่งจวนอัครเสนาบดีนั่นเป็นเพียงเกราะที่ท่านมิใยดีเท่านั้นแหละพ่ะย่ะค่ะ”
ให้ตายเถิด
พวกเขารู้ว่านางเป็นนายท่านของพวกเขาตั้งนานแล้วอย่างนั้นหรือ?
เช่นนั้น ก่อนหน้านั้นนางยังต่อรองกับพวกเขาไม่หยุด?
ต่อรองไปไร้ประโยชน์อย่างนั้นรึ?
เงินที่ได้มาก็เข้ากระเป๋านางหมดมิใช่หรือ?
“พวกเจ้าพูดว่า ตำแหน่งคุณหนูสามแห่งจวนอัครเสนาบดีเป็นเพียงเกราะของข้า เช่นนั้น ข้ายังมีเกราะอะไรอีก พวกเจ้าบอกข้ามาให้หมด?”
“ท่านเป็นหัวหน้าเผ่าของเผ่าหยกและเป็นผู้นำนิกายเทพอสูร ยิ่งไปกว่านั้นท่านยังเป็นเถ้าแก่เนี้ยแห่งหออันดับหนึ่งในใต้หล้าอีกด้วย ส่วนเกราะอื่น ๆ นั้น ข้าน้อยยังไม่ทราบดีพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยมีหน้าที่ดูแลหอประมูลเฟิงเซียงเท่านั้น”
กู้ชูหน่วนแทบจะถูกลิ้นของตนกัดเข้า
เถ้าแก่เนี้ยแห่งหออันดับหนึ่งในใต้หล้างั้นร?
นั่นมันหน่วยข่าวกรองอันดับหนึ่งในใต้หล้าที่มีชื่อเสียงเรียงนามเหมือนกับหอเทียนหวั่งเลยมิใช่หรือ?
หอหนึ่งติดกับอีกหอหนึ่ง ผีสางวิญญาณเห็นเข้าก็เป็นกังวลใจ
เพียงแค่เป็นเรื่องที่พวกเขาต้องการสืบหา ก็ไม่มีเรื่องที่สืบหามามิได้
กู้ชูหน่วนมิอาจเชื่อ เป็นแค่จวนอัครเสนาบดียังมีเกราะที่ยอดเยี่ยมได้เพียงนี้ และนางเองก็ยังมิรู้ว่ายังมีเกราะอีกมากเพียงใดที่นางยังไม่ทราบอีก
“พวกเจ้าลุกขึ้นก่อนเถิด ให้ข้าได้รวบรวมสติครู่หนึ่ง”
เสี่ยวลู่และคนอื่น ๆ ลุกขึ้นและพูดอย่างตื่นเต้นทีละคนๆ
“นายท่าน ท่านไม่มาที่หอประมูลเฟิงเซียงนานแล้ว คราวที่แล้วที่ท่านมา พวกข้าก็ตื่นเต้นกันยกใหญ่ คิดว่าท่านมีคำสั่งอะไรจะมอบหมายให้พวกข้าไปทำ แต่ทว่าพวกข้ารอเป็นเวลาก็มิได้รับคำสั่งจากท่านเสียที”
“ข้า…ข้าเสียความทรงจำน่ะ พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่? ข้าจำเรื่องต่าง ๆ ของหอประมูลเฟิงเซียงมิได้เลยแม้แต่น้อย”
“ข้าน้อยทราบดีเพคะ เพราะว่าเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นกับนายท่าน ทำให้ท่านบาดเจ็บหนัก หลังจากฟื้นขึ้นมาความทรงจำหลาย ๆ อย่างก็หายไป แต่ยังโชคดีที่นายท่านปลอดภัยเพคะ”
“เรื่องนี้พวกเจ้าก็รู้อย่างนั้นหรือ?”กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว
ดูเหมือนว่าจะมีแค่นางที่โง่เขลา คิดว่าพวกเขามิรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนางบ้าง
“เบื้องหลังของหอประมูลเฟิงเซียงคือหออันดับหนึ่งในใต้หล้าเพคะ เพราะเช่นนี้ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับนายท่าน พวกข้าก็รู้ดีหมดเพคะ”
“อย่างนั้นหรือ เช่นนั้น พวกเจ้าลองบอกข้าทีว่าเหตุใดข้าจึงเสียความทรงจำได้และใครเป็นคนทำให้ข้าเจ็บหนักเพียงนี้กัน”
ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของเสี่ยวลู่และคนอื่น ๆ ก็แย่ลง
เสี่ยวลู่กล่าวเสียงต่ำ “เหล่านักสืบสืบหาอยู่นานถึงได้พบว่า ในวันนั้น เพราะเพื่อตามหาไข่มุกมังกรลูกที่สี่ นายท่านจึงถูกอสุรกายระดับเจ็ดทำร้ายจนบาดเจ็บหนักแทบจะสิ้นลมหายใจ หลังจากนั้น ท่านก็เผชิญหน้ากับจอมมารเข้าและถูกจอมมารใช้ท่าไม้ตายโจมตีจนท่านบาดเจ็บสาหัส ทั้งยังโจมตีท่านจนตกหน้าผาไป ในช่วงที่ท่านบาดเจ็บเจียนตาย ท่านก็ได้พบกับคุณหนูอีกท่านหนึ่งแห่งจวนอัครเสนาบดีเข้า”
“นางใช้โอกาสช่วงที่ท่านกำลังจะสิ้นลมหายใจแล้วป้อนเหล้าเมาพันวันให้ท่านดื่ม ไม่นานนัก ท่านก็ฟื้นขึ้น หลังจากที่ท่านฟื้น ข้าน้อยก็สืบเจอว่าท่านเสียความทรงจำไปหมด ข้าน้อยจึงมิกล้าผลีผลามไปพบท่าน เกรงว่าท่านจะแกล้งเสียความทรงจำ และเพิ่งรู้ในภายหลังว่าท่าน…”
“เพิ่งจะรู้ว่าข้าเสียความทรงจำไปจริง ๆ สินะ”
บทที่ 483
บทที่ 485