กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ ตอนที่ 499
ผู้ที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับท่านอาจารย์ซั่งกวนล้วนคาดเดาได้ว่าท่านอาจารย์ซั่งกวนนั้นน่าจะชื่นชอบนิทานเรื่องนี้ถึงอยู่ต่อเป็นพิเศษ
นอกจากพวกเขาแล้ว อาจารย์และศิษย์ทุกคนในสำนักศึกษาต่างก็ถูกดึงดูดเข้าไป
ต้นฉบับก็ถูกส่งไปถึงหานอ๋อง จักรพรรดิเยี่ยและคนอื่น ๆ โดยปริยาย
จักรพรรดิเยี่ยดูต้นฉบับแล้วถามเสี่ยวหลี่จือ
“เสี่ยวหลี่จือ เจ้าคิดว่า กู้ชูหน่วนขุ่นเคืองข้าและจงใจทำให้ข้าเสื่อมเสียเพราะว่าข้าพระราชทานนางให้แต่งงานกับหานอ๋องใช่หรือไม่”
“ฝ่าบาท เหตุใดพระองค์จึงคิดเช่นนั้นล่ะพ่ะย่ะค่ะ การได้รับพระราชทานงานแต่งงานจากพระองค์ได้นั้น เป็นโชคดีทั้งสามชาติของนางพ่ะย่ะค่ะ ความโชคดีเพียงนี้พระชายาเยี่ยจักรู้สึกขอบพระทัยพระองค์สิท่า จักเกลียดแค้นพระองค์ไว้ในใจได้อย่างไรกันพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าดูทรราชเซวียนหยวนจิ่นเจ๋อที่นางเขียนสิ นางกำลังบอกข้าว่าข้าก็เป็นทรราชคนหนึ่งเช่นเดียวกัน หากมิใช้เพราะข้า นางก็จะมิทะเลาะกับอัครเสนาบดีกู้ถึงขั้นตัดขาดความสัมพันธ์พ่อลูกเช่นนี้ สุดท้ายก็แต่งงานกับหานอ๋องอย่างโดดเดี่ยว”
เสี่ยวหลี่จือลนลานแล้วรีบกล่าวต่อ “ฝ่าบาท พระองค์ทรงปราดเปรื่องและใจดี เซวียนหยวนจิ่นเจ๋อจักเทียบเทียมพระองค์ได้อย่างไรกัน”
“เช่นนั้นเจ้าคิดว่าในนิทานของนางนั้น ตัวละครตัวไหนที่เป็นข้าล่ะ?”
“เรื่องนี้…”
เสี่ยวหลี่จือเหงื่อตก
เขาอ่านจนถึงตอนนี้ ก็ยังมิพบว่าตัวละครใดที่คล้ายฝ่าบาทเลย เช่นนี้จักให้เขาทูลตอบอย่างไรกันล่ะ
“ฝ่าบาท นิทานที่พระชายาเขียนนั้นดียิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ บ่าวร่ำเรียนมาร้อย จึงอ่านมิเข้าใจจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”
“ช่างเถิด ความรู้แค่นี้ ให้ตายก็มิอาจเข้าใจได้หรอก”
จักรพรรดิเยี่ยดูต้นฉบับด้วยความเพลิดเพลิน มิอาจรู้ได้ว่าพระองค์ทรงดูซ้ำกี่รอบในคืนเดียว หากมิใช่ว่าเพราะฐานะของตน พระองค์เองก็ทรงอยากไปที่สำนักศึกษาวังหลวง เพื่อคอยดูนางเขียนเลยล่ะ
หลังจากทรงเปรียบเทียบอยู่นาน พระองค์ก็ยังคงรู้สึกว่ากู้ชูหน่วนนั้นเกลียดแค้นตนอยู่ในใจ ถึงได้ทำให้พระองค์เสื่อมเสีย โดยการเขียนเซวียนหยวนจิ่นเจ๋อเป็นพระองค์
ที่ทำให้พระองค์รู้สึกผิดคือ
กู้ชูหน่วนสัมผัสได้แล้วว่าพระองค์รู้สึกสนใจในตัวนาง เพราะเช่นนี้ถึงได้จงใจเขียนให้เซวียนหยวนจิ่นเจ๋อชื่นชอบพี่สาวของหยางฉู่รั่ว
หากเป็นเช่นนี้จริงแล้วนางต้องการสื่อถึงอะไรกันล่ะ?
รู้สึกสนใจในตัวพระองค์หรือว่าไม่สนใจกัน?
ในจวนหานอ๋อง
เยี่ยจิ่งหานดูต้นฉบับและถูกดึงดูดเข้าไปอย่างลึกซึ้ง
รวมทั้งชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยที่อยู่ข้างกายต่างก็ถูกดึงดูดเข้าไปด้วย
เยี่ยจิ่งหานถาม “ชิงเฟิง เจี้ยงเสวี่ย พวกเจ้าคิดว่า ตัวละครตัวใดในนิทานที่พระชายาเขียน ตัวไหนเป็นข้ากัน?”
ชิงเฟิงตอบโดยไม่ต้องคิด “ยังต้องพูดอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ ต้องเป็นพระเอกฉู่อวี่เฉินอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ เขาทั้งวางกลยุทธ์เก่งและทำนายล่วงหน้าได้ ทั้งยังรู้สึกรักใคร่ในตัวนางเอกอีกด้วย เหมือนกับที่ท่านปฏิบัติต่อพระชายาเลยพ่ะย่ะค่ะ”
เจี้ยงเสวี่ยรู้ถึงสถานการณ์จนมิกล้าพูดอันใดออกมา
หากนายท่านเป็นฉู่อวี่เฉิน เช่นนั้นหมวกเขียวบนหัวนายท่านก็มีมากเหลือเกิน
ต้องทราบเสียก่อนว่านางเอกหยางฉู่รั่วนั้นไม่เพียงแต่มีความสัมพันธ์ต่อเซวียนหยวนจิ่นเจ๋อ แต่ยังมีความสัมพันธ์ต่อพระรองเฟิงหลิงอีกด้วย ที่สำคัญยังมีความสัมพันธ์กันกับเฟิงหลิงบนเตียงนอนของฉู่อวี่เฉินอีก เขียนให้ฉู่อวี่เฉินนั้นไร้ประโยชน์สิ้นดี นายท่านของพวกเขาเป็นคนอย่างไร ฉู่อวี่เฉินจักไปเทียบเทียมได้อย่างไรกัน
ฉู่อวี่เฉินรู้สึกว่าคำพูดของชิงเฟิงนั้นถูกต้อง แต่ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดไปเช่นกัน
ดูต้นฉบับ เยี่ยจิ่งหานพึมพำกับตนเองว่า “นางเขียนหยางฉู่รั่วให้เป็นตนเองและจงใจให้ข้าเห็นนิทานฉบับนี้ ทำให้ข้ารู้ว่านางลำบากมากเพียงใด ให้ข้าดูแลรักใคร่นางดี ๆ อย่างนั้นรึ?”
มุมปากของชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยกระตุก
หยางฉู่รั่วโดดเดี่ยวเดียวดายไม่มีคนให้พักพิงและยังดูอ่อนแออีก
พระชายาของพวกเขาเป็นคนอ่อนแอบริสุทธิ์ที่ยอมให้ผู้อื่นรังแกโดยง่ายอย่างนั้นรึ?
มีเพียงพระชายารังแกผู้อื่นเท่านั้นล่ะ ยังมิเคยพบเคยเห็นคนไหนที่สามารถทำให้พระชายาเสียเปรียบได้
แม้กระทั่งนายท่านของพวกเขาเองก็ตกอยู่ในมือพระชายานับครั้งไม่ถ้วน มิสามารถจัดการกับพระชายาได้เลย
“พวกเจ้าคิดว่า เฟิงหลิงในนิทานของพระชายาเป็นใครกัน? จอมมารหรือว่าเซี่ยวอวี่เซวียนกัน?”
“เรื่องนี้…นายท่านมิว่าจักเป็นจอมมารหรือเซี่ยวอวี่เซวียนก็มิคล้ายนัก”
หัวใจเยี่ยจิ่งหานเต้น “หรือว่าข้างกายนางยังมีชายหนุ่มที่ข้ามิรู้อีกงั้นรึ?”
ชิงเฟิง “…”
เจี้ยงหลิง “…”
พระชายาเพียงแค่เขียนนิทานเท่านั้น นายท่านจักคิดมากไปหรือไม่?
“สืบหา สืบหาให้ดีว่านอกจากเซี่ยวอวี่เซวียนกับจอมมาร รวมถึงอี้เฉินเฟยแล้ว ข้างกายกู้ชูหน่วนยังมีชายหนุ่มคนใดอีกที่ยังพัวพันกับนางอยู่”
ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยปาดเหงื่ออย่างพร้อมเพรียงกัน
พระชายาได้โปรดอย่าเขียนต่ออีกเป็นอันขาด
หากเขียนต่อไป มิอาจรู้ได้ว่าจักมีหนุ่มงามออกมาในนิทานอีกมากเพียงใด
หากออกมาหนึ่งคน นายท่านก็จักสงสัยว่าคนคนนั้นมีความสัมพันธ์คลุมเครือต่อพระชายาอีก
เช่นนั้นพวกเขาคงต้องสืบหาจนตายไปข้าง
เปิดไปอีกหน้าหนึ่ง เยี่ยจิ่งหานโกรธขึ้นมากะทันหัน “ผู้หญิงคนนี้ช่างบังอาจนักถึงได้เขียนให้หยางฉู่รั่วตั้งครรภ์อยู่ และเด็กในครรภ์ก็มิรู้ว่าเป็นของฉู่อวี่เฉินหรือของเฟิงหลิงกันแน่”
ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยตกใจ
สีหน้าเยี่ยจิ่งหานเย็นชาและความเย็นชาก็แพร่ไปทั้งตัวจริง ๆ ด้วย แม้กระทั่งห้องนอนก็ยังคงหนาวเหน็บจนตัวสั่น
“เหตุใดนางจึงเขียนเช่นนี้หรือว่าเด็กในท้องของพระชายาจักมิใช่ของข้าอย่างนั้นหรือ?”
“นาย…นายท่าน นี่เป็นเพียงนิทานเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”เจี้ยงเสวี่ยพูดเตือนอย่างระมัดระวัง
“ความคิดที่แสดงออกมาจากใจ หากมิใช่ว่าเรื่องเหล่านี้เคยเกิดขึ้นจริง นางจักเขียนออกมาได้อย่างไรกัน พวกเจ้าพูดเองมิใช่หรือว่าพระชายาเขียนอย่างไม่หยุดไม่พักเลยมิใช่หรือ? แสดงว่ามีเรื่องปิดบังอยู่มาก”
“…”
เพียงคำพูดเดียวก็ทำให้ชิงเฟิงกับเจี้ยงเสวี่ยมิรู้ว่าจักตอบอย่างไรดี
จริงที่ว่า ไม่ว่าจักเป็นนักเล่านิทานก็ตาม ก่อนเล่านักเล่าก็ต้องคิดก่อนว่าจักเล่าอย่างไรดี
แต่ทว่าพระชายามิต้องคิดเลยแม้แต่น้อยและเขียนอย่างหัวปักหัวปำ ในช่วงเวลาสั้นเพียงนี้ เหตุใดนางจึงเขียนนิทานได้อย่าง…ไร้ที่ติเพียงนี้กันล่ะ?
ชิงเฟิงกลืนน้ำลายตัวเอง “พระชายาน่าจะไม่มีความกล้าเพียงนั้นหรอกพ่ะย่ะค่ะ”
ไม่มีความกล้าเพียงนั้นงั้นรึ?
พูดเช่นนี้ออกไป ใครจักไปเชื่อกัน?
ความกล้าของพระชายานั้นสามารถพูดได้ว่ากล้าหาญสุดขีดเลยล่ะ
“สั่งการหอเทียนหวั่ง ให้คนของหอเทียนหวั่งสืบหาให้แน่ชัดว่าเด็กในท้องของพระชายาเป็นของใครกันแน่”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ชิงเฟิง เจ้าไปทูลพระชายาว่าใครเปลี่ยนบทนี้เสีย หยางฉู่รั่วต้องไม่มีความสัมพันธ์ต่อเฟิงหลิง เด็กในท้องของนางต้องเป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว ต้องมิใช่ของคนอื่น”
“นายท่าน นายท่านรู้นิสัยใจคอของพระชายาดี หากนางตั้งใจจักเขียนเช่นนี้แล้ว ข้าน้อย…ข้าน้อย…อีกอย่างหลังจากพระชายาเขียนจบ ต้นฉบับก็ถูกส่งออกไปทันที บัดนี้ จะห้ามอย่างไรก็มิทันแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“หากพระชายายังเขียนนิทานตามต้นฉบับนี้และนิทานยังถูกแพร่ออกไปอีก เช่นนั้น ต่อไปเจ้าก็มิต้องกลับมาที่จวนหานอ๋องอีกแล้วกัน”
“พ่ะย่ะค่ะ…”
ชิงเฟิงรับคำสั่งอย่างมิเต็มใจนัก
ตั้งแต่ที่พระชายาเข้ามาในจวนอ๋อง เขาก็มิเคยได้ใช้ชีวิตอย่างดีงามอีกเลย