บทที่ 494
บทที่ 496
ห้องพระคลังเล็กไม่ใหญ่ สิ่งของที่อยู่ด้านในมีไม่มาก นางวนหนึ่งรอบ ก็ไม่เห็นดวงตารูปหัวใจ นางขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
พอเห็นนางขมวดคิ้ว องค์หญิงตังตังรู้สึกว่าขายหน้ามาก ภายในใจไร้ความรู้สึกรสชาติอย่างมาก
แต่ทว่าพระพันปีกลับทำเป็นมองไม่เห็น ยิ้มเหมือนเดิมแล้วกล่าวว่า“พระชายาหาน ไม่รู้ว่าเจ้ามีเครื่องประดับที่ชื่นชอบหรือไม่ หากว่ามี ก็หยิบเอาไปได้”
จักรพรรดิเยี่ยก็รู้สึกว่าเสียหน้าไม่น้อยแล้ว เขาเลยเอ่ยปากพูดว่า“หากว่าเจ้าไม่ชอบ เช่นนั้นไปที่ห้องพระคลังของข้า เพื่อเลือกสักชิ้นเถิด”
“ข้าตั้งใจดูอีกหน่อยก็ได้”
กู้ชูหน่วนดูอย่างละเอียด ตรวจสอบทุกกล่องที่วางเครื่องประดับอย่างถี่ถ้วน แม้ว่าเป็นกล่องและชั้นที่ไม่ได้ใส่เครื่องประดับ ก็ได้ตรวจสอบคลำหาอย่างถี่ถ้วนเช่นกัน
ทุกคนไม่เข้าใจ ว่าสรุปแล้วนางต้องการทำอะไร กล่องและชั้นเหล่านั้นไม่ได้มีสิ่งของอะไร
มีเพียงภายในใจของพระพันปีผู้เดียวที่สั่นไหว
เป็นอย่างที่คิด นางแตกต่างจากที่เห็น
กู้ชูหน่วนหาแล้วหาอีกอยู่สามรอบ ก็หาเครื่องประดับที่เกี่ยวกับดวงตารูปหัวใจไม่เจอ นางหดหู่ใจอดผิดหวังไม่ได้เลย
เหมือนว่าห้องพระคลังเล็กถูกเคลื่อนย้ายแล้ว ของสำคัญอย่างนี้ จะทิ้งไว้ได้อย่างไรล่ะ
ทันใดนั้น ขาของนางสัมผัสแตะโดนสิ่งหนึ่ง กู้ชูหน่วนก้มศีรษะลงมองดู แต่ทว่ากลับได้เห็นกล่องไม้และกล่องเล็กๆอยู่ตรงซอกมุม
สภาพของกล่องเหล่านั้นไม่ดีแล้ว มีการแกะสลักไม่ดี ไม่รู้ว่าวางนานเท่าไหร่แล้ว มันผุกร่อนหนักมาก
องค์หญิงตังตังกล่าวอธิบายว่า“ของที่อยู่ในกล่องนั่นเป็นสิ่งที่ไม่มีค่า เป็นของที่ไม่เป็นมงคล ข้าอยากจะทิ้ง แล้วก็ลืมทิ้งไปเลย ก็เลยทิ้งไว้ตรงซอกมุมนั่นตลอดเลย หากเจ้าต้องการล่ะก็ ข้าให้เจ้าหมดเลย”
กู้ชูหน่วนเปิดกล่องหนึ่งออก ด้านในมีปิ่นระย้าที่หัก
เปิดออกอีก ด้านในมีไข่มุกแตกอันหนึ่ง มันไม่มีค่าราคาอะไร
ที่วางอยู่อย่างต่อเนื่องกันล้วนเป็นของที่ได้รับความเสียหาย
จนตอนที่เปิดอันสุดท้าย สิ่งที่ปรากฏอยู่ข้างในคือสร้อยคอดวงตารูปหัวใจ ทุกส่วนของสร้อยคอเป็นสีแดง สีแดงคล้ายกับว่าโลหิตกำลังจะไหลออกมา และขนาดก็เท่ากับที่นางต้องการ
กู้ชูหน่วนปลื้มปิติเป็นอย่างมาก
ดวงตารูปหัวใจ
หรือนี่เป็นอะไหล่อุปกรณ์อย่างหนึ่งบนเข็มทิศ?
พระพันปีมองเห็นสร้อยเส้นนี้ ถึงกับปวดขมับ แทบจะเป็นลมล้มลง
สร้อยเส้นนี้ล้ำค่าขนาดนี้ เหตุใดถึงได้วางอยู่บริเวณซอกมุมล่ะ?ยังกลายเป็นของที่ได้รับความเสียหายมีตำหนิด้วย
ตอนนั้นนางไม่ใช่สั่งกำชับอย่างหนัก ว่าสร้อยเส้นนี้จะต้องเก็บไว้อย่างดีหรือ?
องค์หญิงตังตังเห็นสร้อยเส้นนี้ กล่าวอย่างเหยียดหยามว่า“เจ้าอยากได้สร้อยเส้นนี้ อย่างนั้นก็เอาไปเลย แต่อย่ามาโทษข้าว่าข้าไม่เตือนนะ สร้อยเส้นนี้ไม่ใช่ของดีอะไร เสด็จพ่อของข้าได้มันมาไม่นาน ก็สิ้นพระชนม์ หลังจากที่ข้าใส่มัน ยังพบเจอแต่เรื่องโชคร้าย สร้อยเส้นนี้เป็นของอัปมงคล หากเจ้าสวมใส่แล้ว เกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่ามาโทษข้า”
กู้ชูหน่วนพยายามปรับเปลี่ยนอารมณ์ เพื่อไม่ให้คนอื่นสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของนาง ทำท่าทีเหมือนไม่มีอะไร
พระพันปีร้อนใจอย่างมาก แต่ทว่ากลับไม่กล้าแสดงออกมา เกรงว่าหากกู้ชูหน่วนสัมผัสได้ แล้วจะต้องการสร้อยเส้นนี้ เลยกล่าวขึ้นว่า“ในพระตำหนักของข้ามีเครื่องประดับมีราคามากมาย มิสู้กับเจ้าไปเลือกดูที่พระตำหนักของข้าหรอก เครื่องประดับในจวนขององค์หญิงไม่ค่อยดีหรอก”
“เสด็จแม่…..”
องค์หญิงตังตังร้องตะโกนอย่างไม่พึงพอใจ
คนอื่นจะดูถูกนางอย่างไรก็ช่างเถิด แม้แต่เสด็จแม่ของนางยังว่านางเลย
กู้ชูหน่วนวางดวงตารูปหัวใจลงในกล่องเครื่องประดับ ทอดถอนหายใจกล่าวว่า“ไอ๋หยา ช่างเถิด ลองมาแล้วครึ่งค่อนวัน เหนื่อยเป็นอย่างมาก หม่อมฉันขี้เกียจจะเดินแล้ว ภายในจวนขององค์หญิงไม่มีของที่หม่อมฉันอยากจะได้จริงๆ หม่อมฉันฝืนใจเอาสร้อยเส้นนี้ก็ได้”
ครืน….
พระพันปีแทบจะยืนไม่ไหว
พระพันปียิ้มแต่ปากไม่ไหวติงกล่าวว่า“ตังตังก็บอกแล้ว สร้อยเส้นนี้เป็นสิ่งไม่เป็นมงคล หากเจ้าใส่แล้วเกิดอะไรขึ้น เจ้าแห่งสงครามจะเป็นร้อนใจกับข้า ตามที่ข้ามองข้าว่าเปลี่ยนเครื่องประดับที่ดีกว่านี้เถิด”
“ขอบพระทัยพระพันปีที่เป็นห่วงเพคะ แต่คนนะเพคะ ต้องรู้จักความพอเพียงถึงจะมีความสุข หม่อมฉันมีเส้นนี้ก็พึงพอใจแล้ว”
พระพันปีโมโหมาก
กู้ชูหน่วนเชื่อมั่นในตนเองสูง ชัดเจนมากว่าอยากได้สร้อยเส้นนี้ตั้งแต่แรก ยังแกล้งจงใจทำเป็นสง่าผ่าเผยอยู่ที่นี่ น่าโมโหจริงๆ
นางเกลี้ยกล่อมอยู่หลายครั้ง กู้ชูหน่วนกัดแน่นไม่ปล่อยว่าต้องการเส้นนั้น ยังบอกว่านางดวงแข็ง ทำจนนางทำได้เพียงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เดิมสถานการณ์ก็วุ่นวายแล้ว ยิ่งวุ่นวายกว่าเดิม องค์หญิงตังตังยังกล่าวขึ้นว่า“ไอ๋หยา เสด็จแม่ ในเมื่อนางอยากจะได้ เช่นนั้นก็ให้นางไปเถิด ถึงอย่างไรพวกเราก็เตือนแล้ว นางยึดมั่นในความคิดของนางว่าอยากจะได้มัน ต่อไปเกิดอะไรขึ้น ก็มาโทษพวกเราไม่ได้”
พระพันปีเหลือกตาใส่องค์หญิงตังตัง
นางโมโหลูกสาวที่ไม่มีสมองของตนเองจริงๆ
หยกพระจันทร์เสี้ยวถูกกู้ชูหน่วนกดเอาไว้ละ
แม้แต่ดวงตารูปหัวใจก็จะถูกกู้ชูหน่วนเอาไปหรือ?
นี่เป็นของที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง
แม้แต่ฝ่าบาทนางยังไม่อยากจะให้ เอาไว้ให้แค่ลูกสาวของนาง
นางบอกองค์หญิงตังตังมาโดยตลอดว่าจะต้องดูแลรักษาสร้อยนั่นให้ดี ห้ามสูญหายโดยเด็ดขาด
นางก็ต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง ทิ้งไว้ที่มุมอย่างนั้นหรือ?
ที่นางกลัวที่สุดคือกู้ชูหน่วนจะเอาสร้อยเส้นนั้นไป คิดไม่ถึงเลยว่านางจะหามันเจอจนได้
องค์จักรพรรดิเยี่ยรู้ว่ากู้ชูหน่วนอยากจะได้สร้อยดวงตารูปหัวใจนั้น มองดูสร้อยเส้นนี้ก็ดูธรรมดาไม่มีอะไร จนกระทั่งมันดูไม่ได้ไม่สวยเลย นึกว่าเสด็จแม่จะเป็นห่วงกลัวว่ากู้ชูหน่วนจะเป็นอะไรไป
ก็เลยกล่าวเกลี้ยกล่อมว่า“เสด็จแม่ ช่างเถิด นางอยากได้ก็ให้นางไป ลางเนื้อชอบลางยา ของสิ่งหนึ่งชอบคนหนึ่งกลับไม่ชอบ”
ไม่รอให้พระพันปีกล่าวพูด กู้ชูหน่วนก็น่าจะเอาดวงตารูปหัวใจใส่ไปในวงแหวนอวกาศแล้ว จากนั้นกล่าวเสียงดังฟังชัดสง่างามว่า“ขอบพระทัยพระพันปีเพคะ ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอบพระทัยองค์หญิง เหล่าพระองค์เป็นผู้ที่ซื่อสัตย์และรักษาคำพูดมาก หม่อมฉันนึกว่าเหล่าพระองค์จะกลั่นแกล้งหม่อมฉัน เพียงแค่หม่อมฉันชอบสิ่งไหนพระองค์ก็จะพากันปฏิเสธ ดูเหมือนว่าหม่อมฉันคิดมากเกินไปแล้ว หม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะ”
คำพูดนี้ น้ำเสียงค่อนข้างดัง อย่าพูดว่าคนของห้องพระคลังได้ยินทุกคนเลย แม้แต่คนที่อยู่ด้านนอกทั้งหมดก็ได้ยิน อีกทั้งด้านนอกมีเสนาบดีชั้นผู้ใหญ่มากมาย
พระพันปีโมโหจนจะหายใจไม่ออก
ของล้ำค่าอย่างที่สุดที่จักรพรรดิองค์ก่อนเหลือไว้ ได้ถูกกู้ชูหน่วนเอาไปได้อย่างง่ายดาย และนางทำได้เพียงร้อนใจแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ ทำได้เพียงเบิกโตโพลงและมอง
บนโลกใบนี้ไม่มีเรื่องใดอึดอัดใจเท่านี้แล้ว
องค์จักรพรรดิเยี่ยตามหลังกู้ชูหน่วนออกไป องค์หญิงตังตังเห็นพระพันปีสีหน้าไม่ดีเลยถามว่า“เสด็จแม่ เป็นอะไรหรือเพคะ เหตุใดสีหน้าถึงแย่เพียงนั้น”
“เพี๊ยะ”
พระพันปียกมือขึ้นตบหน้านาง
“เป็นอะไรหรือ เจ้ายังกล้ามาถาม เมื่อก่อนข้าสั่งกำชับเจ้าว่าอย่างไร ข้าพูดกับเจ้าตั้งกี่ครั้ง สร้อยเส้นนั้นไม่ใช่สร้อยธรรมดาทั่วไป เจ้าจะต้องเก็บรักษาไว้ให้ดี อย่าให้ใคร แล้วก็ห้ามทำหาย เจ้าดูสิว่าเจ้าทำเรื่องอะไร เจ้าเอามันไว้ในกล่องขยะทำเป็นของที่ไร้ค่าหมดราคาทิ้งไว้ตรงซอกมุม …..เจ้าอยากให้ข้าโมโหหรือ?”
องค์หญิงตังตังถูกตบจนมึนงง
“เสด็จแม่ เสด็จแม่ตีข้าอีกแล้ว”
“ข้า……ข้า…..”
พระพันปียกมือขึ้น อยากจะตบนางอีกครั้ง
แต่เมื่อเห็นแก้มที่บวมของนาง รอยนิ้วมือห้านิ้วที่ชัดเจน และดวงตาของตังตังที่กำลังจะร้องไห้ มือของพระพันปียังคงสั่นเทาอยู่ ไม่สามารถตบได้แล้ว จึงทำได้เพียงโกรธ รุ่มร้อนใจและโมโหเท่านั้น
“สร้อยเส้นนั้นมีอะไรดี ข้าอยากจะทิ้งมันตั้งนานแล้ว หากไม่ใช่เพราะสร้อยเส้นนั้น เสด็จพ่อจะสิ้นพระชนม์ได้อย่างไร หากไม่ใช่เพราะสร้อยเส้นนั้น ข้าจะพบเจอนักฆ่าลอบสังหารหลายครั้งได้อย่างไร หากไม่ใช่ว่าเพราะสร้อยเส้นนั้น เสด็จพี่หญิงจะเป็นเพราะช่วยข้าเลยถูกคนทำร้ายสิ้นใจตายได้อย่างไร หม่อมฉันเกลียดสร้อยเส้นนั้น เกลียดมากที่สุด”
เรื่องราวความทุกข์ใจที่ผ่านมาประเดประดังเข้ามา พระพันปีเจ็บปวดหัวใจอย่างมาก
“ติ๊ก…..”
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้ร้องไห้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีน้ำตาร่วงหล่นลงมา
องค์หญิงตังตังสับสนกระสับกระส่าย กอดพระพันปีแล้วเช็ดน้ำตาให้ กล่าวด้วยความตระหนกว่า“เสด็จแม่ ท่านเป็นอะไร ลูกผิดไปแล้วลูกไม่ควรพูดถึงเรื่องที่ทำให้เสียใจ เสด็จแม่ท่านอย่าเศร้าได้หรือไม่ ฮือๆ….”