กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 504
แขนเสื้อของเขาเปื้อนน้ำมูกและน้ำตา เห็นเช่นนี้ซั่งกวนฉู่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เขาทนการออดอ้อนของกู้ชูหน่วนไม่ไหวยิ่งทนน้ำตาของนางไม่ได้จึงทำได้เพียงเสียงอ่อนลง “ช่างเถอะปิ่นระย้าหยกขาวสามารถให้ท่านก่อนได้ แต่ว่า ท่านต้องสัญญาว่าตอนจบของนิทานจะต้องเขียนให้ดี”
โดยเฉพาะโครงเรื่องของเฟิงหลิงต้องเขียนให้ดี
ทางที่ดีควรจัดให้เฟิงหลิงและนางเอกหยางฉู่รั่วอยู่ด้วยกัน
กู้ชูหน่วนปลื้มปิติ “ได้ รับรองว่าจะจัดการให้เรียบร้อยท่านอาจารย์วางใจได้ ข้าจะเขียนให้ดีจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังอย่างแน่นอนและจะไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังเป็นแน่ ท่านอาจารย์สามารถให้ปิ่นระย้าแก่ข้าก่อนได้หรือไม่”
ซั่งกวนฉู่หยิบปิ่นระย้าออกจากอก ยังไม่ทันจะมอบให้กู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนก็แย่งไปและวางเอาไว้ในฝ่ามือโดยที่เล่นไม่หยุด
ดูรอยยิ้มในดวงตาของนางและแววตาที่ชื่นชอบยิ่งนัก
ซั่งกวนฉู่ก็มีความสุขไปด้วยอย่างอธิบายไม่ได้
แต่ไม่รู้ด้วยเหตุผลใดในใจของเขามีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
เกรงว่านิยายเรื่องนี้จะขาดตอนลง
ด้วยนิสัยของนางยังจะเขียนต่ออยู่หรือเปล่า?
ไม่เพียงแค่เขาที่มีลางสังหรณ์นี้ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็มีลางสังหรณ์นี้ด้วยเช่นกัน
กู้ชูหน่วนยิ้มและกล่าวว่า “ขอบคุณท่านอาจารย์ซั่งกวน”
“นี่เป็นสิ่งที่เจ้าสมควรได้รับเพียงแค่หวังว่าคุณหนูสามกู้จะไม่ลืมเรื่องที่ตนเองรับปากไว้”
กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ไม่ลืมหรอก ไม่ลืมหรอก แต่ว่าท่านอาจารย์ข้าขอถามท่านหน่อยได้หรือไม่ว่าปิ่นระย้าหยกขาวรูปผีเสื้อนี้ท่านได้มาจากที่ใดข้ามองดูฝีมือช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก หากเป็นไปได้ข้าต้องการให้อาจารย์ผู้ทำปิ่นระย้าหยกขาวชิ้นนี้ทำเครื่องประดับอีกสองสามชิ้น”
ซั่งกวนฉู่ย่อมไม่บอกว่าอยู่แล้วว่านี่เป็นของที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของเขา
ยิ่งไม่สามารถบอกว่านี่เป็นของสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นและจะมอบให้เพียงแค่สะใภ้ของตระกูลเหวินของพวกเขาเท่านั้น
เขากล่าวเบาๆว่า “ได้มาโดยบังเอิญข้าก็ไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นคนทำขึั้น”
กู้ชูหน่วนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย “ดังนั้นเกี่ยวกับเบื้องหลังของปิ่นระย้าชิ้นนี้ท่านก็ไม่รู้หรือ?”
“คุณหนูสามกู้คิดว่าข้าควรรู้สิ่งใดบ้างหล่ะ?”
ฝ่ามือของซั่งกวนฉู่บีบแน่นพร้อมกับใจเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย
คำพูดนี้ของนางหมายความว่าอย่างไร?
รู้ว่าปิ่นระย้านี้ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของพวกเขา?
ไม่ เป็นไปไม่ได้แน่นอน
ปิ่นระย้าไม่ได้แสดงให้ผู้ใดเห็นได้ง่ายๆ แม้แต่ผู้อาวุโสในเผ่าหรือแม้แต่ผู้อาวุโสไท่ซ่างก็ไม่รู้แล้วนางจะรู้สิ่งใดบ้าง
“ไม่มีสิ่งใด ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องขอบคุณท่านอาจารย์ ค่ำมืดแล้วข้าขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อน ข้าเหน็ดเหนื่อยยิ่งนักจนหนังตาลืมไม่ขึ้นแล้ว”
ผู้คนในสถานศึกษากล่าวด้วยความกังวลใจว่า “พระชายาหานพรุ่งนี้ท่านจะเริ่มเขียนนิยายเวลาใด?”
กู้ชูหน่วนโบกมือโดยไม่แม้แต่จะมองพวกเขาด้วยน้ำเสียงตามแต่ใจและเกียจคร้าน “พรุ่งนี้ค่อยว่ากันเถอะ ไม่ได้หลับได้นอนมาหลายวันหลายคืนแล้วพวกเจ้าจะไม่ให้ข้านอนหลับเต็มอิ่มสักหน่อย”
“หากว่าพรุ่งนี้เขียนไม่ได้แล้ววันถัดไปหล่ะ?”
“ดูว่าวันถัดไปข้าจะตื่นนอนได้หรือไม่ค่อยว่ากัน”
“นี่……นอนหลับก็ไม่ต้องใช้เวลาถึงสองวันกระมัง เอาเถอะถึงแม้ว่าท่านจะใช้เวลาสองวันชดเชยการนอนแล้ววันถัดไป วันถัดต่อไปหล่ะ สองวันถัดไปก็น่าจะสามารถเขียนต่อได้แล้วนะ”
“เรื่องของสองวันถัดไป สองวันถัดไปค่อยว่ากัน ใครจะรู้ว่าสองวันถัดไปข้าจะมีธุระหรือไม่”
กู้ชูหน่วนกล่าวแล้วก็ได้ออกจากสำนักศึกษาวังหลวงไปโดยเหลือคนจำนวนมากจ้องมองมายังนาง
ชิงเฟิงตัวสั่นครั้งหนึ่งจากนั้นตามกู้ชูหน่วนจากออกไปอย่างรวดเร็ว
ลางสังหรณ์ไม่ดีในใจของผู้คนในสถานศึกษาเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆแล้ว
ทุกคนมองไปยังอาจารย์ซั่งกวนและถามอย่างประหม่าว่า “ท่านอาจารย์ซั่งกวน พระชายาหานจะละทิ้งแล้วไม่เขียนเลยหรือเปล่า หากว่านางไม่เขียนต่อแล้วพวกเราจะทำอย่างไร นิยายนี้กำลังน่าตื่นเต้นหากไม่มีไปเลยจะไม่ทำให้เราร้อนรนจนตายหรอกหรือ?”
ซั่งกวนฉู่ยิ้มด้วยท่าทางอันสง่างามและความรู้สึกอบอุ่นใจที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้
“อันนี้พวกท่านต้องถามคุณหนูสามกู้ หากว่าคุณหนูสามกู้ไม่อยากเขียนอย่างมากพวกท่านก็ไปขวางประตูจวนหานอ๋อง”
“นั่นเป็นถึงจวนหานอ๋องเกิดหานอ๋องโกรธขึ้นมาจะทำเช่นไร?”
ซั่งกวนฉู่ทิ้งรอยยิ้มที่หยั่งไม่ถึงเอาไว้ให้พวกเขา แล้วมองดูเสื้อผ้าอันสกปรกของตนโดยที่ทั้งน่าขบขันและทำสิ่งใดไม่ถูก
หลังจากที่กลับมาถึงจวนหานอ๋องกู้ชูหน่วนก็มองไปจวนอ๋องอันรกและสงสัยว่าตนเองเดินผิดทางหรือเปล่า
ที่นี่เป็นที่น่าเกรงขามและศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากที่นี่มีเทพแห่งสงครามผู้ซึ่งทรงพลังและทุกคนเกรงกลัวที่สุดของรัฐเยี่ยอาศัยอยู่
แต่ว่าวันนี้กำแพงลานภายในจวนได้พังลงหลายจุดเผยให้เห็นรูขนาดใหญ่ทีละรู ต้นไม้อายุนับร้อยปีก็ถูกถอนรากถอนโคน แม้แต่ห้องนอนก็เอียงไปหลายมุมราวกับไม่นานมานี้ได้มีการต่อสู้อันรุนแรงขึ้นที่นี่
คนรับใช้ในจวนกำลังเก็บกวาดของที่เหลืออย่างเนื้อตัวสั่นสะท้านพร้อมความตกใจบนใบหน้าที่ไม่ได้จางหายไป
กู้ชูหน่วนถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? รัฐหวาโจมตีเข้ามาแล้วหรือ?”
“คุณหนู ในที่สุดท่านก็กลับมาทำชิวเอ๋อร์กังวลแทบตาย ชิวเอ๋อร์ยังกลัวว่าจะเจอกับจอมมารเข้าที่ด้านนอก” ชิวเอ๋อร์รีบพุ่งเข้ามาด้วยใบหน้าเล็กๆอันซีดเซียว
“จอมมารปีศาจ?”
“ถูกต้อง รัฐหวาไม่มีความสามารถในการบุกเข้ามาในจวนหารอ๋อง เป็นจอมมารของเผ่าปีศาจผู้นั้น เขาอาศัยขณะที่พิษบาดแผลของหานอ๋องกำเริบโจมตีหานอ๋องจนทำให้หานอ๋องได้รับบาดเจ็บสาหัส”
“จอมมารซือม่อเฟย?”
กู้ชูหน่วนเบะปาก
เจ้าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมผู้นี้ปกติดูซื้อๆบื้อๆคิดไม่ถึงว่ามีแผนการชั่วร้าย อาศัยช่วงเวลาที่เยี่ยจิ่งหานพิษกำเริบโจมตีเขา
“เดี๋ยวนะ เจ้าบอกว่าเยี่ยจิ่งหานพิษกำเริบหรือ? พิษเหมันต์ของเขาไม่ได้ถูกยับยั้งเอาไว้ชั่วคราวหรอกหรือ? เหตุใดจู่ๆถึงได้กำเริบขึ้นมาหล่ะ?”
“คือว่า……ชิวเอ๋อร์ก็ไม่เข้าใจนัก ได้ยินคนรับใช้พูดว่าดูเหมือนว่าจะถูกคนทำให้โมโห แต่ว่าถูกผู้ใดทำให้โมโหชิวเอ๋อร์ก็ไม่รู้แล้ว”
“แล้วตอนนี้ตัวเขาหล่ะ?”
“ไปยังพระราชวังชิวเฟิงแล้ว ท่านอ๋องบอกว่าหลังจากท่านกลับจวนแล้วก็ให้ออกเดินทางไปยังพระราชวังชิวเฟิงทันที”
กู้ชูหน่วนหยิบขวดยาอายุวัฒนะออกจากวงแหวนอวกาศแล้วโยนให้ชิวเอ๋อร์จากนั้นก็กลับยังห้องนอน “ข้าไม่ได้นอนมาสามวันสองคืนแล้ว ไม่มีเรี่ยวแรงไปยังพระราชวังชิวเฟิง เรียนท่านอ๋องว่ายาขวดนี้สามารถระงับพิษเหมันต์ของเขาได้มีประโยชน์มากกว่าข้าไปเองมากนัก บอกเขาอย่าได้คิดวางแผนการณ์ต่อข้า”
กู้ชูหน่วนผลักประตูออก ไม่รอให้ชิวเอ๋อร์เข้ามาก็รีบลงกลอนในทันที
“ข้าเหนื่อยมาก สั่งการลงไปผู้ใดก็ห้ามรบกวนข้า”
“เจ้าค่ะ……”
กู้ชูหน่วนหยิบปิ่นระย้าหยกขาวรูปผีเสื้อออกมา นางมองขึ้นมองลง มองซ้ายมองขวา ปิ่นระย้านี้นอกจากฝีมือที่ค่อนข้างประณีตคุณภาพของหยกโปร่งใสอบอุ่นแล้วก็ไม่มีสิ่งใดพิเศษ และยิ่งไม่มีกลไกใดๆซ่อนอยู่
เมื่อดูแผนที่ปิ้นระย้าบนเข็มทิศแม้แต่ลวดลายบนหยกขาวก็เหมือนกันทุกประการจึงมั่นใจว่าเป็นปิ่นระย้าหยกขาวชิ้นนี้ไม่ผิดแน่
กู้ชูหน่วนจับคางด้วยแววตาซึ่งเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
แม้ว่าปิ่นระย้าจะดูเก่าแก่อยู่บ้างแต่ว่าอย่างมากก็ดพียงแค่เป็นร้อยปีเท่านั้น
แต่เข็มทิศนี้ถูกทิ้งไว้เมื่อหลายพันปีก่อน
เป็นปิ่นระย้าหยกขาวที่ได้รับการเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีหรือว่าเข็มทิศได้รับการเก็บรักษาไว้ไม่ดีนักนะ?
ปิ่นระย้านี้มีความหมายว่าเช่นไรกันนะ บนเข็มทิศก็ไม่มีรูให้ใส่ปิ่นระย้าเข้าไป
ดูเหมือนว่านางยังต้องรู้ภูมิหลังของปิ่นระย้าชิ้นนี้
กู้ชูหน่วนค้นคว้าเป็นเวลานานแต่ก็ค้นคว้าไม่ได้ว่าปิ่นระย้าใช้งานสิ่งใด ในใจก็เป็นกังวลกับคำสาปโลหิตของเผ่าหยกและอี้เฉินเฟย
แม้จะง่วงนอนและเหน็ดเหนื่อยแต่นางก็นอนไม่หลับ
ไม่ได้พักผ่อนมาเป็นเวลาสามวันสองคืนแล้ว หากว่ายังไม่นอนอีกก็เกรงว่าร่างกายตนเองจะรับไม่ไหวจึงได้บังคับตนเองให้หลับไปสักครู่หนึ่ง
เพิ่งจะหลับไปกู้ชูหน่วนก็ถูกเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวด้านนอกปลุกให้ตื่น
“รบกวนพวกเจ้าเรียนพระชายาหานพวกเราไม่ขอให้นางเขียนด้วยลายมือของนางเองและไม่ขอให้นางกล่าวจากปาก เพียงแค่ขอให้นางบอกตอนจบของนิยายเรื่องนางพญาหวนคืนเมื่อมีทรราชให้เราฟังก็พอแล้ว”
พระชายากำลังพักผ่อนอยู่ พวกท่านรีบไปเสียเถอะ จวนหานอ๋องไม่ใช่ที่ที่พวกท่านจะมาก่อกวนได้”