กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ ตอนที่ 515
มิรอให้พวกเขาลงมือ กู้ชูหน่วนก็เปล่งประกายแสงสีม่วงออกมาทั่วทั้งร่างกายของนาง
นางเลื่อนขั้นจากระดับสองสู่ระดับสามขั้นต้นทันที
แต่ในทางกลับกัน จอมมารกลับระดับลดลงจากขั้นสูงสุดระดับหกสู่ขั้นกลางระดับหก
วิ๊ง…
กู้ชูหน่วนเลื่อนขั้นอีกครั้ง เพิ่มขึ้นสู่ขั้นกลางระดับสาม
จอมมารระดับลดลงสู่ขั้นต้นระดับหก
ผู้คนรอบ ๆ ต่างก็ตะลึงใจกันถ้วนหน้า
ถึงแม้นระดับของจอมมารจะลดลง
แต่กู้ชูหน่วนเองก็มิน่าจะเพิ่มขึ้นเพียงหนึ่งขั้นสิ
ต้องทราบเสียก่อนว่าระดับขั้นยิ่งสูง ต้องการเลื่อนขั้นอีกครั้งก็จะยิ่งยากมากขึ้น
จอมมารลดลงจากขั้นสูงสุดระดับหกลงสู่ขั้นต้นระดับหก อย่างน้อยกู้ชูหน่วนก็น่าจะเลื่อนขั้นจากระดับสองเพิ่มขึ้นสู่ระดับสี่ได้ แต่นางเพิ่มขึ้นถึงแค่ขั้นกลางระดับสามเท่านั้น
หรือว่านางดูดซึมกำลังภายในน้อยไปอย่างนั้นหรือ?
แต่มองดูใบหน้าอันเจ็บปวดของนางแล้ว ดูเปลี่ยนไปมากนักมิเหมือนว่าดูดซึมกำลังภายในไปน้อยนิดเลย
ยิ่งไปกว่านั้น ข้าง ๆ นางยังมีนักฆ่าโลหิตอีก
นักฆ่าโลหิตรันทดยิ่งกว่า ลดลงจากขั้นกลางระดับห้าลงสู่ขั้นต้นระดับสี่ทันที
“มหาเวทย์ดูดพลัง…นี่มัน…”
ท่านผู้เฒ่าฮวากังวลจนเดินวนซ้ำ ๆ
เขาก็อยากจะแยกพวกเขาออกจากกันเหมือนกัน แต่เมื่อเขาเข้าไปยุ่ง เว้นแต่ว่ากู้ชูหน่วนจักถอนฝ่ามือของตนออก มิเช่นนั้นเขาก็คงต้องเผชิญสถานการณ์เช่นเดียวกันกับพวกเขา
ตรงหน้า หลานสาวของเขาดูเหมือนมิรู้ว่าจักควบคุมมหาเวทย์ดูดพลังอย่างไร
“ข้าจักไปนำเด็กนั่นออกไปจากพวกเจ้า”ท่านผู้เฒ่าฮวากล่าว
“มิเป็นผลหรอก”จอมมารกล่าวอย่างเฉยเมย
เขามิยอมทำร้ายกู้ชูหน่วน จึงทำได้เพียงทำให้ตนเจ็บหนัก เพื่อปกป้องกู้ชูหน่วน เพราะเช่นนี้แล้วมีโอกาสสูงนักที่เขาจะตายตรงนั้นเลย
แต่ทว่าเขาก็ยังคงสมยอม
อยู่ ๆ เขาก็ดูเหมือนจักเข้าใจอะไรบางอย่าง
กำลังภายในของเยี่ยจิ่งหานถดถอยลงไปมาก คาดว่าน่าจะถูกพี่หญิงดูดไป
ก่อนหน้านี้ไม่นาน เขากับเหวินเส่าอี้ก็ทะเลาะกันไปครั้งหนึ่ง เหวินเส่าอี้รันทดยิ่งกว่า วรยุทธ์ลดลงมาถึงขั้นต้นระดับสี่ ตอนนั้นเขายังสงสัยว่าเหตุใดเหวินเส่าอี้ถึงได้อ่อนแอเพียงนี้แล้ว
มาคิดดูวันนี้ กำลังภายในของเหวินเส่าอี้ก็น่าจะถูกพี่หญิงดูดไปเช่นกัน
ดูดซึมกำลังภายในของยอดฝีมือทั้งสามในตอนนี้ นางก็เพิ่มขึ้นสู่ขั้นกลางระดับสามเท่านั้น นี่มันช่างกระจอกงอกง่อยเกินไปแล้ว
ความสัมพันธ์ของนางกับเหวินเส่าอี้เป็นอย่างไรกัน? เหตุใดถึงได้ดูดซึมกำลังภายในไปมากเพียงนี้?
เยี่ยจิ่งหานเจ็บหนัก เพียงแค่เดินไม่กี่ก้าวก็ยังลำบาก แต่ทว่าเขาก็ยังคงกัดฟันแน่นและรวบรวมกำลังภายในทั้งหมด เวลาไม่กี่วินาทีก่อนที่จอมมารจะลงมือ ก็มีกำลังภายในอันยิ่งใหญ่พุ่งสู่พวกเขา ทำให้พวกเขาแยกออกเป็นสามอย่างตั้งใจ
“เอื๊อก…”
“เอื๊อก…”
“เอื๊อก…”
กู้ชูหน่วน เยี่ยจิ่งหาน รวมทั้งนักฆ่าโลหิตต่างก็กระอักเลือดออกมา
จอมมารก็คร่ำครวญออกมา
“นายท่าน…”
“หลานเอ๋ย…”
“ท่านจอมมาร…”
เหล่าคนใช้ต่างตะโกนและรีบวิ่งเข้าไปพยุงผู้เป็นนายของตน
เยี่ยจิ่งหานบาดเจ็บมิน้อย เส้นลมปราณทั่วทั้งร่างกายแทบจะติดขัด พิษเหมันต์ที่ยังมิหายดีมาตั้งแต่ต้น เมื่อได้รับการกระตุ้นเช่นนี้แล้ว ก็จักทำให้บาดเจ็บสาหัสและอาการกำเริบอีกครั้ง
เขาตัวสั่นและเย็นไปทั่วทั้งตัว แม้กระทั่งขนคิ้วและขนตาของเขาก็กลายเป็นชั้นน้ำแข็งด้วย
แต่ทว่าเขาก็ยังคงกัดฟันแน่นและมองดูกู้ชูหน่วนอย่างเป็นกังวล
กู้ชูหน่วนเองก็ดีไปกว่าเยี่ยจิ่งหานไม่มากนัก
สีหน้าของนางซีดเซียว ลมหายใจแผ่วเบา บอกได้ว่าลมหายใจออกมากกว่าลมหายใจเข้า
“หมอหลวง หมอหลวงล่ะ รีบไปดูพระชายาเร็วเข้า”
“พ่ะย่ะค่ะ ๆ ๆ …”
จอมมารอุ้มร่างอันอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงของกู้ชูหน่วนไว้ และจับชีพจรของนาง สีหน้าบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ชี่แท้ทั้งสามเส้นภายในร่างกายกำลังสู้กัน บาดแผลภายนอกรุนแรงทั้งยังเสียเลือดมาก ทุกแผลล้วนลึกเข้าไปถึงกระดูกและเส้นลมปราณทั้งหมดก็ถูกปิดกั้นไว้หมด”
จอมมารอุ้มกู้ชูหน่วนขึ้นโดยไม่ลังเลใจ และดีดตัวสู่อากาศต้องการจะออกไปจากที่นี่
แต่ทว่าค่ายกลของพระราชวังชิวเฟิงกักขังพวกเขาไว้
นัยน์ตาอันชั่วร้ายของจอมมารปล่อยจิตสังหารอันแรงกล้าออกมา จิตสังหารนั้นรุนแรงจนผู้คนรอบ ๆ ต่างต้องสะพรึงกลัว
เป็นจิตสังหารที่รุนแรงยิ่งนัก
เขาคิดจะทำอะไรน่ะ?
จอมมารจ้องมองทุกคนที่อยู่ตรงนั้นและดูเหมือนจะพูดออกมาจากซอกฟันของเขาว่า “วันนี้ใครกล้าขัดขวางการพานางออกไปจากที่นี่ ข้าจักฆ่ามันให้หมด ไม่ว่าจักเป็นพระหรือทวยเทพก็ตาม”
ผู้ที่คุ้นเคยกับจอมมารจักรู้ดีว่าเขาพิโรธแล้ว
มีคนหนุ่มสาวหลายคนที่มิเคยพบเคยเห็นจอมมารพิโรธ
แต่หากจอมมารพิโรธเข้า ก็จักมีการนองเลือดเกิดขึ้น
คนของพระราชวังชิงเฟิงยังคงล้อมรอบจอมมารและคนอื่น ๆ อยู่ ถึงแม้นเขาจะเก่งกาจเพียงใด ก็จักมิถอยกลับแม้แต่ก้าวเดียว
ท่านผู้เฒ่าฮวากล่าวอย่างพิโรธว่า “ปล่อยหลานข้าลงเดี๋ยวนี้นะ มิเช่นนั้น มิว่าจักสู้สุดชีวิตข้า ข้าก็มิยอมปล่อยให้เจ้าออกไปได้หรอก”
“หึ…ช่างมิเจียมตัวเสียจริง”
จอมมารสกิดนิ้วคิดจะทำลายเขาให้สิ้นซาก
จากนั้นกู้ชูหน่วนก็กุมมือเขาไว้กะทันหัน และกล่าวอย่างอ่อนแรงว่า “อย่า…อย่าทำ…ทำร้ายเขา”
เพียงเพราะคำพูดของนางเพียงประโยคเดียว ก็ทำให้จิตสังหารของจอมมารที่มีต่อท่านผู้เฒ่าฮวาลดลงมิน้อย
“ข้าจักพูดเป็นครั้งสุดท้าย พวกเจ้าจักถอยไปหรือไม่”
เขาจ้องมองผู้คนรอบ ๆ และหยุดสายตาลงบนร่างกายของเยี่ยจิ่งหาน เตรียมพร้อมที่จะสังหารไปทั่วทุกทิศ
เยี่ยจิ่งหานอดมิได้ที่จะลุกขึ้นยืนและเผชิญหน้าต่อจอมมาร
พวกเขาทราบกันดีว่ากู้ชูหน่วนนั้นเจ็บหนัก หากมัวรอช้าเช่นนี้ต่อไปคงได้เสียนางไปจริง ๆ
เยี่ยจิ่งหานพูดเพียงแค่ประโยคเดียวว่า “กู้ชูหน่วนจำต้องอยู่ที่นี่”
“หึ…เพียงแค่หมอไม่รู้จริงของเจ้าพวกนั้น จักรักษานางให้ดีได้อย่างนั้นรึ? เยี่ยจิ่งหาน ตอนนี้ตัวเจ้าเองยังยากที่จะรับประกันได้เลย”
เยี่ยจิ่งหานดีดนิ้ว ทันใดนั้นเองก็มีเหล่าทหารเกราะดำล้อมรอบทั้งพระราชวังชิวเฟิงไว้
หัวหน้าทัพคือแม่ทัพใหญ่ที่มีดวงตาเปร่งประกายสิบสองดวง สวมชุดเกราะ และเต็มไปด้วยจิตสังหารกระจายไปทั่วทั้งตัว
สายตาของจอมมารหรี่ลงเล็กน้อย “กองทัพหลงอู่อย่างนั้นรึ”
มีความหวาดกลัวปรากฏอยู่ในสายตาของผู้คนในเผ่าปีศาจอย่างบอกมิถูก
ล่ำลือกันว่ากองทัพหลงอู่นั้นอยู่ยงคงกระพัน ต่อสู้มีเคยหวั่น สงครามมิเคยแพ้และสังหารคนไปมากนัก
พวกเขาคือกองทัพลับที่สุดที่อยู่ภายใต้เยี่ยจิ่งหาน ที่เยี่ยจิ่งหานรบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ก็มีความช่วยเหลือของกองทัพนี้ด้วยเช่นกัน
กองทัพหลงอู่เป็นกองทัพที่ใคร ๆ ต่างก็เกรงกลัวกองทัพหนึ่ง ธรรมดามากที่เพียงแค่ได้ยินชื่อของมันต่างก็หวาดกลัวกันเสียแล้ว
เพราะว่านอกจากพวกเขาจักรวมกลุ่มกันทำสงครามอย่างกล้าหาญและแข็งแกร่งแล้วนั้น แต่เมื่อแยกตัวออกจากกันก็ยังเป็นยอดฝีมือในยอดฝีมือ
กองทัพหลงอู่นั้นไม่ก็จักมิปรากฏตัวเลย แต่เมื่อปรากฏตัวออกมาแล้วก็ต้องเป็นสงครามที่ยิ่งใหญ่แน่นอน
บัดนี้ เยี่ยจิ่งหานถึงขั้นเรียกใช้กองทัพหลงอู่ เพียงเพราะหญิงสาวคนเดียว
ถึงแม้นวรยุทธ์ของจอมมารจะสูงส่ง เขาสามารถสู้กับคนนับสิบ นับร้อยหรือแม้กระทั่งนับพันคนด้วยตัวคนเดียว แต่ทว่าเขามิอาจสู้กับคนนับหมื่นคนด้วยตัวคนเดียวได้
ไม่ว่าจักเป็นยอดฝีมือคนใดก็มิอาจสู้กับกองทัพหลงอู่ทั้งกองทัพได้หรอก
เยี่ยจิ่งหานกล่าว “หากเยี่ยจิ่งหานข้ามิอนุญาต ไม่ว่าใครหน้าไหนก็อย่าหวังจักนำตัวนางไปเลย”
“บังเอิญเสียจริง คนที่ซือม่อเฟยข้าต้องการจักนำตัวไป ก็ไม่มีผู้ใดบนโลกนี้ขัดขวางข้าได้เช่นกัน”
“เจ้าลองดูได้”
“กำลังมีความคิดเช่นนั้นพอดี ข้าเองก็อยากจะลองสู้กับกองทัพหลงอู่ที่รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง มิเคยพ่ายแพ้มาเนิ่นนานแล้ว”
จิตสังหารอบอวลไปทั่วพระราชวังชิวเฟิง บางคนที่ขี้ขลาดก็อดมิได้ที่เท้าจะสั้นสะท้าน
อสุรกายปักษีในพระราชวังชิวเฟิงสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่น่ากลัว จึงได้แย่งกันโบยบินออกไป รวมทั้งชวดที่เกาะอยู่ในรูก็หวาดกลัวต่างวิ่งกันออกจากรูและวิ่งไปทั่วทุกทิศ
กู้ชูหน่วนเจ็บปวดราวกับถูกไฟลนก้น
นางรู้สึกว่าตนหัวหนักเท้าเบา ร่างกายเหมือนกับมิใช่ของตนเอง
เจ็บ
เจ็บจนนางมิสามารถเคลื่อนไหวได้ ทั้งยังอยากจะสลบแล้วตายไปเสีย
แต่ทว่านางมิกล้าสลบไป
พลังอำนาจของซือม่อเฟยและเยี่ยจิ่งหานนั้นยิ่งใหญ่มาก เพียงแค่พวกเขาทั้งสองสู้กันจำต้องนองเลือดเป็นลำธาร ประชาชนต้องเดือดร้อนไปทั่วทุกหย่อมหญ้าแน่
มันไม่คุ้มค่าที่ต้องฆ่าคนมากเพียงนั้น เพียงเพราะนางคนเดียว
กู้ชูหน่วนกัดริมฝีปากของตนเอง บังคับให้ตนตื่นขึ้นและพยายามขัดขืนให้หลุดออกจากอ้อมกอดของซือม่อเฟย
และร้องขออย่างใกล้ชิด “เพราะว่าข้ามีคนมากมายที่ต้องตายในค่ายกล หากจักมีคนต้องเสียเลือดเสียเนื้อเพราะข้าอีก ข้าจะต้องอยู่กับบาปเช่นนี้ตราบชั่วนิรันดร์”