Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1704 คลื่นใต้น้ำจู่โจม

ตอนที่ 1704 คลื่นใต้น้ำจู่โจม
มีดบินวูบไหว ศีรษะคนหล่นพื้น!
ผู้สืบทอดแท้จริงจากเขากระบี่ต้าหลัวอย่างเว่ยจื่อหยา มกุฎมหาอริยะที่มีชื่ออยู่บนกระดานมหาอริยะฟ้าดาราจะถูกสังหารอย่างง่ายดายเช่นนี้
ภาพนองเลือดและรวดเร็วเช่นนั้นดูน่าตกตะลึงเป็นพิเศษ
ที่น่ากลัวที่สุดคือ ตั้งแต่เริ่มก็ไม่มีใครสังเกตเห็นสักนิดว่ามีดบินนั้นพุ่งออกมาอย่างไร ทั้งยังหายไปเช่นไร!
เหวินฉิงเสวี่ยอาภรณ์ปลิวไสว ใบหน้าที่เรียบเฉยเป็นอาจิณเผยแววประหลาดใจยากพบเห็น
คุนจิ่วหลินตัวสั่นสะท้าน ขนลุกเกรียวไปทั้งตัว ศีรษะชาหนึบ
ความหวาดผวาอย่างไม่เคยมีมาก่อนคืบคลานไปทั้งตัว ทำให้เขาเหมือนตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง กระบวนท่าเมื่อกี้หากเป็นตนเองโดนเข้า เช่นนั้น… ตนจะยังรอดมาได้หรือไม่
แม้แต่หลินสวินยังหวั่นใจไปครู่หนึ่ง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีดบินลึกลับน่ากลัวเล่มนี้ต้องเป็นไพ่ตายของอาหู!
ส่วนคนอื่นในที่นั้นต่างตกตะลึงจนเหม่อลอย วิญญาณแทบหลุดลอยออกมา
ผู้ฝึกกระบี่แห่งยุคที่นามสะท้านทางเดินโบราณฟ้าดาราคนหนึ่งมาถูกฟันอย่างไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้ แรงจู่โจมที่ได้รับนั้นมากมายจนทำให้จิตวิญญาณตื่นตระหนก
‘ไปเถอะ’
หลินสวินสื่อจิต พาอาหูจากไปด้วยกัน
ซู่!
ห้วงอากาศปั่นป่วน ไม่นานเงาร่างทั้งสองก็ลับตาไป
“ศิษย์พี่ฉิงเสวี่ย จะปล่อยให้พวกเขาจากไปเช่นนี้หรือ”
เนี่ยเทียนไม่ยินยอม ทำลายบรรยากาศเงียบเชียบในที่นั้น
“ฝูงหมาป่าซุ่มดูอยู่รอบๆ ไม่อาจคาดเดาภยันตรายได้ แดนหลอมสมบัติแห่งนี้เป็นแค่รอบนอกของแหล่งสถานคุนหลุน ลงมือใหญ่โตตั้งแต่ตอนนี้ไม่คุ้มกัน”
เหวินฉิงเสวี่ยกลับมาสีหน้าราบเรียบดังเก่าแล้ว เนตรกระจ่างของนางกวาดมองไปรอบๆ “นอกจากนี้ไม่ว่าจะเป็นหลินสวินนั่นหรือหญิงสาวข้างกายเขา ต่างก็เป็นพวกกระดูกแข็งเคี้ยวยากทั้งนั้น”
ทุกคนเงียบงัน
ก่อนหน้านี้พวกเขาที่ซุ่มอยู่ลับๆ เห็นกับตาว่าหลินสวินเหยียบเยี่ยนฉุนจวินเหมือนเป็นหินรองเท้าอย่างไร ทั้งยังเห็นว่าหลินสวินรับการโจมตีของเหวินฉิงเสวี่ยไว้อย่างง่ายดายอย่างไรด้วย
ส่วนภาพนองเลือดที่มีดบินของอาหูเล่มนั้นฟันเว่ยจื่อหยา จนตอนนี้ยังทำให้ในใจของพวกเขาหลงเหลือความหวาดหวั่นอยู่
ในช่วงเวลาเช่นนี้ หากพวกเขาลงมือกับพวกหลินสวินอย่างใหญ่โต จะแพ้หรือชนะ… ยังบอกได้ยากจริงๆ!
“ชายหนุ่มที่มาจากดินแดนรกร้างโบราณคนหนึ่ง ทำไม… ทำไมถึงแข็งแกร่งปานนี้”
มีคนส่งเสียงที่เจือไปด้วยความฉงนและทดท้อ
“หึ! จะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ต้องประสบเคราะห์ ป้ายคำสั่งเซียนเหินในมือพวกเขาจะต้องถูกหลายคนจับจ้องไว้แล้ว”
เนี่ยเทียนสีหน้าอึมครึม
“อย่างเจ้าไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้หลินสวินคนนั้นได้แน่ อยากเคลื่อนไหวร่วมกับพวกเราหรือไม่”
เหวินฉิงเสวี่ยทอดสายตามองไปยังคุนจิ่วหลินที่อยู่ไกลออกไป
คุนจิ่วหลินสีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ กัดฟันพูดว่า “ไม่จำเป็น!”
พูดจบเขาก็หันกายจากไป
พอหันหลังให้พวกเหวินฉิงเสวี่ย สีหน้าของคุนจิ่วหลินก็ดุร้ายและริษยาชิงชัง
เงาร่างชายหนุ่มที่สูงตระหง่าน แผ่นหลังดั่งค้ำฟ้าดินได้ร่างหนึ่ง ยืนมือไพล่หลังราวกับจอมราชันแห่งโลกก็ปรากฏขึ้นอย่างไม่อาจห้าม
คุนซิงเหอ!
อันดับหนึ่งทายาทสายตรงของเผ่าจักรพรรดิตระกูลคุน บุคคลน่ากลัวที่บรรลุระดับราชันอริยะมานานแล้ว กิตติศัพท์ของเขาเลื่องลือไปทั่วฟ้าดารามาเนิ่นนาน!
และเขา ก็เป็นพี่ใหญ่ของคุนจิ่วหลิน
ทว่าในใจของคุนจิ่วหลิน พี่ใหญ่ผู้มีชื่อเสียงสะเทือนใต้หล้าของเขาคนนี้กลับเหมือนเงาทะมึนเงาหนึ่ง ทำให้เขารู้สึกยำเกรง หวั่นกลัว กระทั่งริษยาชิงชัง!
คุนจิ่วหลินรู้ดีว่าสาเหตุที่คราวนี้เหวินฉิงเสวี่ยลงมือ ก็เป็นเพราะตนเป็นน้องชายของคุนซิงเหอ ไม่ใช่สนใจเขาคุนจิ่วหลินอย่างแท้จริง
‘เหวินฉิงเสวี่ย… ไม่ช้าก็เร็วสักวันหนึ่งเจ้าต้องอยู่ในกำมือข้า ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าข้าคุนจิ่วหลินไม่ด้อยไปกว่าคุนซิงเหอ!’
คุนจิ่วหลินคำรามดาลเดือดในใจ
……
“ศิษย์พี่ชิงเสวี่ย พวกเราเรือนมรรคยุทธจักรกับเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ไม่ได้ผูกมิตรอะไรกัน เหตุใดก่อนหน้านี้ต้องลงมือช่วยเขาเล่า”
เนี่ยเทียนมองดูเงาร่างที่จากไปของคุนจิ่วหลินแล้วถามออกมาอย่างอดไม่ได้อีกครั้ง
“คุนซิงเหอพี่ชายเขามีบุญคุณกับข้า”
เหวินฉิงเสวี่ยพูดกระชับได้ใจความ
คุนซิงเหอ!
ชื่อเดียวเท่านั้นกลับทำให้ทุกคนในที่นั้นใจสั่นระรัว คนผู้นั้นเป็นชายที่น่ากลัวราวกับจอมมารเหนือโลกผู้หนึ่ง
เป็นคนร้ายกาจเย้ยฟ้าที่เคยสังหารสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับกึ่งจักรพรรดิ ตั้งแต่ตอนที่มีระดับราชันอริยะเท่านั้น!
คุนซิงเหอถึงกับมีบุญคุณกับเหวินฉิงเสวี่ย นี่เป็นเรื่องที่ใครก็คิดไม่ถึง
“ไปเถอะ พวกเราควรเคลื่อนไหวได้แล้ว ได้ยินว่าที่ส่วนลึกของแดนหลอมสมบัติ พวกฮว่าซิงหลี เถาเจี้ยนสิงพบไอมรรคหลอมสมบัติชั้นเลิศ มี ‘ปรากฏการณ์ประหลาดฟ้าดิน’ น่าตื่นตะลึง หากกำราบมันได้ ต้องถือเป็นมหาศุภโชคชิ้นหนึ่งแน่”
ขณะกล่าวเงาร่างของเหวินฉิงเสวี่ยก็เหินไปอย่างรวดเร็ว
……
ในห้วงอากาศ หลินสวินกับอาหูเคลื่อนตัวอยู่ข้างกัน
‘สีหน้าเจ้าดูออกจะไม่สู้ดี เป็นเพราะใช้สมบัติชิ้นนั้นหรือ’
หลินสวินสื่อจิตถาม
‘อืม นั่นคือมีดบิน ‘น้ำเต้าบั่นจิต’ สมบัติโบราณที่ไม่สมบูรณ์ชิ้นหนึ่ง ไม่อาจล่วงรู้ที่มาที่ไปได้แล้ว แต่อานุภาพกลับมหาศาลยิ่งนัก ทันทีที่ปล่อยมีดบินออกไป สามารถสังหารคู่ต่อสู้ที่อยู่สูงกว่าข้าหนึ่งระดับใหญ่ได้’
อาหูก็ไม่ได้ปิดบัง สื่อจิตฉับไว
เมื่อได้ยินดังนั้นหลินสวินยังสูดหายใจหนาวเยือกอย่างห้ามไม่อยู่
มีดบินเล่มหนึ่ง สามารถสังหารคู่ต่อสู้ที่อยู่เหนือกว่าหนึ่งระดับใหญ่ได้!
สมบัติเช่นนี้เรียกได้ว่าเป็นสิ่งต้องห้ามได้แล้วจริงๆ ล้ำเกินจินตนาการ
‘เจดีย์สมบัติในมือเจ้าหลังนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่ากันสักนิด ถึงกับมีที่มาน่าตกตะลึงยิ่งกว่าน้ำเต้าบั่นจิตของข้าอีก’
อาหูคล้ายมองอะไรบางอย่างออก ดวงตางดงามดั่งสายน้ำกระจ่างเจือแววประหลาดเล็กน้อย
หลินสวินยิ้มให้
ก็ในตอนนี้เองเขาหยุดชะงักทันที ปราณกระบี่ไท่เสวียนในจุดชีพจรทั้งร่างที่สั่งสมพลังอยู่ก่อนแล้วม้วนตลบออกมาราวพายุฝนคลั่ง
ประกาบคมแกร่งกล้าแน่นขนัดต่างชี้ไปยังห้วงอากาศว่างเปล่าที่อยู่ห่างไปสามพันจั้ง
ซ่า!
ในห้วงอากาศแถบนั้น ม้วนภาพสีดำม้วนหนึ่งพลันปรากฏ แผ่กางออกมา เผยให้เห็นภูเขาใหญ่เลือดหลั่งรินลูกหนึ่ง
ตูม!
ปราณกระบี่ไท่เสวียนแน่นขนัดดั่งกระแสน้ำ น่ากลัวสะท้านโลกเพียงไหน กลิ่นอายที่สำแดงออกมาสามารถกำราบมกุฎมหาอริยะทั่วไปได้
แต่ทันทีที่สัมผัสกับม้วนภาพภูเขาโลหิตสีดำนั่น กลับถูกสลายไปทุกกระเบียด
ประหนึ่งเลือดละลายในน้ำ!
ทว่าพอถูกโจมตีเช่นนี้เข้า ม้วนภาพนั้นก็พลันปั่นป่วนขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าดูลำบากมากเช่นกัน
“รวมตัว!”
เงาร่างที่อาบอยู่กลางหมอกสีเทาร่างหนึ่งปรากฏขึ้น เปล่งเสียงธรรมเลือนรางออกมา และเก็บม้วนภาพภูเขาโลหิตสีดำนั้นเข้าไป
จากนั้นเขาก็ทอดสายตามองหลินสวินที่อยู่ไกลออกไป เจือด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “เจ้าถึงกับพบตัวตนของข้า!”
คนผู้นี้เป็นชายหนุ่มตาลึกโหลผอมแห้งเป็นกิ่งไม้คนหนึ่ง ดวงตาทั้งสองมีสีน้ำตาลแปลกประหลาด ที่ที่ยืนอยู่อบอวลไปด้วยหมอกหนา ประหนึ่งเทพผีที่เดินออกมาจากนรกตนหนึ่ง
ชิ้ง!
หลินสวินสีหน้าเย็นชา กระชับกระบี่อเวจีพุ่งเข้าไป
ก่อนหน้านี้ตอนประมือกับเหวินฉิงเสวี่ย เขาก็รับรู้ได้อย่างฉับไวแล้วว่าใกล้ๆ นั้นมีกลิ่นอายอันตรายสายหนึ่งวับวาบอยู่
หากไม่เป็นเช่นนี้ ตอนนั้นเขาย่อมไม่ปล่อยคุนจิ่วหลินไปง่ายๆ แน่ “หึๆ อยากเล่นกับข้าสักหน่อยไหม”
ชายหนุ่มผอมแห้งยกยิ้มเหี้ยมเกรียม
สวบ!
เงาร่างของเขาหายไปกลางอากาศ ทำให้หลินสวินโจมตีเสียเปล่า
“คราวนี้จังหวะไม่เหมาะ ยามพบกันคราวหน้าค่อยเล่นกับเจ้า”
ร่างของชายหนุ่มผอมแห้งกลายเป็นหมอกสีเทาเป็นริ้วๆ อย่างรวดเร็ว แล้วหายลับตาไป
จิตรับรู้ของหลินสวินแผ่ขยาย สีหน้าปรากฏแววเคร่งขรึม
คนผู้นี้เป็นคู่ต่อสู้ที่อันตรายอย่างยิ่งคนหนึ่ง มาไร้เงาไปไร้ร่องรอย จิตรับรู้ของเขายังไม่อาจจับตัวคนผู้นี้เอาไว้ได้อย่างแน่นหนา
เขาเป็นใคร
มาเพื่อป้ายคำสั่งเซียนเหินเหมือนกันหรือ
หลินสวินเกิดความระแวดระวังขึ้นในใจ
เทียบกับพวกคุนจิ่วหลิน เว่ยจื่อหยาแล้ว ชายหนุ่มผอมแห้งที่มีเงาร่างแปลกประหลาดเมื่อกี้อันตรายและน่ากลัวกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
นี่ทำให้หลินสวินรับรู้ได้เช่นกันว่าในบรรดาผู้แข็งแกร่งที่เข้ามาในแหล่งสถานคุนหลุนนี้ ยังมีพวกร้ายกาจที่ไม่อาจดูเบาได้ไม่น้อย!
“คนผู้นี้แข็งแกร่งนัก กลิ่นอายเร้นลับถึงที่สุด เมื่อกี้เดิมทีข้าจับพลังขับเคลื่อนของเขาไว้ได้ แต่กลับถูกเขารู้ตัวก่อนก้าวหนึ่งเลยหลุดไปได้”
อาหูเดินเข้ามา หว่างคิ้วเจือแววเคร่งเครียดเล็กน้อย
หลินสวินพยักหน้า เอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้สาเหตุที่ล้มเลิกเรื่องสังหารคุนจิ่วหลิน ก็เพราะจับสังเกตได้ว่ากลิ่นอายของคนผู้นี้ไม่ธรรมดายิ่งนัก ถ้าลงมือจะถูกเหวินฉิงเสวี่ยฉวยโอกาสเอาได้”
เขาหยุดไปแล้วพูดต่อว่า “สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ…”
ตูม!
เขากดฝ่ามือออกไปทันใด ประทับฝ่ามือดั่งเหวลึกสายหนึ่ง ตบทะลวงห้วงอากาศสูงขึ้นไปหลายพันจั้ง
เคร้ง!
ระฆังสำริดลายพร้อยใบหนึ่สกัดฝ่ามือนี้ไว้ เสียงระฆังทุ้มหนา ทำให้ฟ้าดินแถบนี้ต่างระเบิดออก ตกอยู่ในความสั่นสะเทือน
ภิกษุชุดดำรูปหนึ่งปรากฏตัวอยู่ด้านหลังระฆัง สีหน้าน่าเกรงขาม บนหน้าผากเกลี้ยงเกลามีรอยประทับดอกบัวสีดำดอกหนึ่ง
เขาเหมือนประหลาดใจอยู่บ้าง คล้ายคิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะถึงกับรับรู้ตำแหน่งที่เขาซ่อนตัวได้
“อารามกษิติครรภ์หรือ”
ดวงตาดำของหลินสวินยิ่งเย็นเยียบน่ากลัว
ภิกษุชุดดำยิ้มน้อยๆ “ข้ารู้แล้ว สิ่งที่เจ้าฝึกมีคัมภีร์มหาครรภ์จุติที่ตู้จี้ทิ้งเอาไว้ เมื่อกี้จึงสามารถจับกลิ่นอายของข้าได้ทันที”
“น่าเสียดาย ซาหลิวชิงไปแล้ว น่าจะเพราะมองร่องรอยของข้าได้เช่นกัน ที่เขาพูดนั้นถูกต้อง เสียโอกาสไปแล้ว”
เขาคล้ายพูดกับตัวเอง สุดท้ายก็ถอนใจเบาๆ มองหลินสวินอย่างลึกล้ำแล้วหันกายจากไป
แต่ละก้าวที่เดินออกมา ห้วงอากาศจะรวมตัวเป็นดอกบัวดำดอกหนึ่ง ย่างก้าวเกิดปทุม!
หลินสวินไม่ได้ไล่โจมตี ตั้งแต่เริ่มจนจบกลิ่นอายของภิกษุชุดดำผู้นี้ก็เหมือนกับดอกไม้สีดำที่เกลี้ยงเกลาไร้ตำหนิ ไม่มีจุดอ่อนให้โจมตีได้
ถ้าลงมือจริงๆ หลินสวินรู้สึกเหมือนว่าหากไม่ทุ่มพลังทั้งหมดที่มี เป็นไปได้สูงที่จะเอาชนะคนผู้นี้ไม่ได้
“พวกยากต่อกรอีกคน”
อาหูนิ่วหน้า ตัวแปรเหมือนจะมากกว่าที่คาดคิดไว้
“แน่ใจได้ว่าชายหนุ่มผอมแห้งที่ปรากฏตัวเมื่อกี้มีนามว่าซาหลิวชิง ส่วนภิกษุชุดดำนั่นก็เกี่ยวข้องกับอารามกษิติครรภ์”
หลินสวินสีหน้าสุขุม “ถ้าก่อนหน้านี้มีแต่ซาหลิวชิง ข้าต้องไม่ถือสาที่จะลงมือเต็มกำลังแน่ ต่อให้ตอนนั้นเหวินฉิงเสวี่ยแทรกแซง ข้าก็มั่นใจว่าจะฆ่าคุนจิ่วหลินได้ แต่พอมีลาหัวโล้นนี่มาเพิ่ม ตัวแปรก็มากขึ้นแล้ว”
“ข้ารู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้มาเพื่อชิงป้ายคำสั่งเซียนเหินเพียงอย่างเดียว เหมือนพุ่งเป้ามาที่เจ้าคนเดียวเสียมากกว่า”
อาหูครุ่นคิดแล้วเอ่ย
หลินสวินร้องอืม กล่าวว่า “ข้าก็รู้สึกได้เช่นกัน แต่ไม่เป็นไร ยามพบกันครั้งหน้าจะจับพวกเขาทีละคน ถามสักหน่อยก็รู้ชัดแล้ว”
อาหูยิ้มอย่างอดไม่ได้ สิ่งที่นางชื่นชมที่สุดก็คือจุดนี้ของหลินสวิน ไม่สนใจว่าใครจะชื่นชอบหรือเกลียดชัง เฉยชาเชื่อมั่นในตัวเอง สง่างามเป็นเอกลักษณ์
“พวกเราก็เคลื่อนไหวต่อ วาสนาในแดนหลอมสมบัติเหล่านี้จะปล่อยให้เจ้าพวกนั้นได้ไปง่ายๆ ไม่ได้”
“ไปกัน”
อาหูพยักหน้ารับ
——
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท