กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 533
จอมมารเยาะเย้ย ลูบผมสีดำของเขาอย่างสง่างาม และพูดอย่างเกียจคร้านว่า “ข้ากำลังชมจันทร์ จากนั้นดูไปดูมาก็มาถึงที่นี่โดยไม่รู้ตัวน่ะ”
กู้ชูหน่วนหลับตาลงอย่างหมดคำพูด
เจ้าซื่อบื้อคนนี้
หุบเขาตันหุยเป็นที่ไหนกันที่เขาชมจันทร์ ชมไปชมมาก็มาโผล่เอาที่นี่ได้?
หากไม่รู้จักพูดก็หุบปากไม่ต้องพูดออกมา อยู่เป็นจอมมารผู้เย่อหยิ่งสูงส่งเช่นนั้นก็ดีแล้ว กลับพูดจาทำให้พวกเขาเกิดความสงสัย
“อ๋า……ชมจันทร์ชมมาถึงที่นี่เลยหรือ?”
ผู้อาวุโสเจี่ยมองไปยังลูกศิษย์
ลูกศิษย์ทุกคนต่างงงงวย
พวกเขาไม่ได้รับจอมมารเข้ามาเลยนี่นาและพวกเขาก็ไม่รู้ว่าจอมมารมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร
ผู้อาวุโสเจี่ยรู้สึกสงสัย แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก ถึงอย่างไรเสียจอมมารก็มีวิทยายุทธที่สูงส่งกว่าเขา มีใครบ้างไม่รับรู้เรื่องนี้ อีกอย่างเขาก็มีชื่ออยู่ในรายชื่อผู้ที่ถูกเชิญเข้ามา
เกรงว่าจะนำเรื่องนี้ไปบอกท่านผู้นำ เช่นนั้นก็ปล่อยไปเถอะ
“พระจันทร์เป็นของพวกเจ้าหรือ เหตุใดข้าถึงไม่สามารถชมจันทร์ได้?”
จอมมารเงยหน้าขึ้นและอยากจะชี้พระจันทร์ให้พวกเขาดู แต่กลับเห็นว่าท้องฟ้ามืดมิดจนมองไม่เห็นพระจันทร์เลย
และทำได้เพียงพูดแก้ต่าง “บางการมองดูนั้น เพียงแค่ใช้ใจก็ดูได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ตามองหรอก”
“ใช่ๆ จอมมารพูดถูก เช่นนั้นพวกข้าก็ไม่รบกวนการชมจันทร์ของท่านแล้ว”
“เดี๋ยวก่อน โรงครัวของหุบเขาตันหุยอยู่ที่ไหนหรือ พวกเจ้าทำงานกันอย่างไร ข้ามาถึงที่นี่ตั้งนานแล้ว แต่กลับไม่ส่งเหล่าชั้นดีมาให้ข้าเลย ไป รีบไปจัดเตรียมอาหารชั้นเลิศและเหล้าชั้นดีมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ ข้าต้องการเหล้าและเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อ ทั้งปิ้งย่างต้มตุ๋นนึ่งผัดเอามาให้ข้าทั้งหมด ท่านพี่หญิงชอบ……ข้าชอบกินเนื้อ”
สีหน้าของผู้อาวุโสเจี่ยเปลี่ยนไป
“มื้อเนื้อสัตว์?”
เนื้อสัตว์ทั้งหมดในหุบเขาตันหุยถูกขโมยไปทั้งหมด แล้วตอนนี้จะไปหาเนื้อสัตว์ที่ไหนมาได้?
อย่าว่าแต่เนื้อสัตว์สักมื้อเลย แม้แต่เนื้อสัตว์สักชิ้นเดียวก็ยังหาไม่ได้ในตอนนี้
“อื่ม?”
จอมมารเลิกคิ้วและหรี่ตาที่อันตรายของเขาให้แคบลง
“เจ้าจะบอกข้าว่าข้าไม่สมควรได้กินมื้อเนื้อสัตว์ที่หุบเขาตันหุยของพวกเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่ใช่เช่นนั้น จอมมารพูดเช่นนี้ทำให้พวกข้าหวาดกลัวอย่างมาก ไม่ทราบ……ไม่ทราบว่าจอมมารจะสามารถรออีกสักสองสามวันได้หรือไม่ อีกสองวันพวกข้าสัญญาว่าจะจัดเตรียมมื้ออาหารที่วิเศษที่สุดให้กับท่านอย่างแน่นอน……”
“เจ้าพูดอีกครั้งหนึ่งได้หรือไม่? สองวัน? เจ้าต้องการให้ข้าหิวตายอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่ใช่เช่นนั้น” ผู้อาวุโสเช็ดเหงื่อที่ไหลท่วมตัว
หากต้องสั่งซื้อเนื้อสัตว์จากภายนอกเข้ามา อย่างเร็วที่สุดก็ต้องใช้เวลาถึงสองวัน เขาได้ติดตำนวณเวลาที่เร็วที่สุดแล้ว
“เช่นนั้นก็รีบไปจัดเตรียมเนื้อสัตว์มาให้ข้า ข้าต้องการกินเดี๋ยวนี้”
“ขอรับ……”
ผู้อาวุโสเจี่ยเดินจากไปด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยและร้อนใจอย่างมาก เขาไม่รู้ว่าจะจัดเตรียมเนื้อสัตว์มาจากที่ไหนได้
“อ้อใช่ โรงเก็บเกี้ยวและของทั่วไปของหุบเขาตันหุยอยู่ที่ไหนหรือ?”
“จอมมารต้องการไปที่ห้องเก็บของเพื่อ……”
“ข้าเดินจนรู้สึกเหนื่อยล้าและปวดเมื่อยเหลือเกิน ข้าอยากนั่งเกี้ยว”
“เช่นนั้นข้าจะจัดการให้ท่านเดี๋ยวนี้ และส่งท่านกลับไปยังห้องพัก”
“ข้าต้องการเลือกเกี้ยวด้วยตัวเอง”
“เอ่อ……แต่สถานที่เก็บเกี้ยวนั้นอยู่ห่างไกลออกไปมาก เกรงว่ายังไม่ทันเดินไปถึงโรงเก็บเกี้ยว ก็จะถึงห้องพักรับรองของท่านเสียก่อนแล้ว”
“ข้าเต็มใจทำเช่นนั้น”
กู้ชูหน่วนส่ายหน้าอย่างหมดอาลัย
เจ้าโง่คนนี้
พูดจาเช่นนี้ หากไม่ใช่คนโง่เขลาอะไร เช่นนั้นต้องสงสัยว่าเขามีจุดประสงค์อื่นอย่างแน่นอน
ถึงแม้ว่าผู้อาวุโสเจี่ยจะรู้สึกสงสัยอยู่ในใจ แต่เขากลับไม่กล้าพูดอะไรมาก ถึงอย่างไรเสียเขาก็เป็นจอมมาร และทำได้เพียงพาเขาไปยังโรงเก็บเกี้ยว
ทุกคนต่างพากันจากไป
กู้ชูหน่วนเพิ่งจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ ข้างๆ ก็ได้ยินเสียงที่แปลกและคุ้นเคยขึ้น
“ผู้หญิงคนนี้ ช่างกล้าหาญยิ่งนัก แม้แต่หุบเขาตันหุยเจ้าก็ยังกล้าบุกเข้ามาได้”
กู้ชูหน่วนหันหน้าไปและเห็นน่าหลานหลิงลั่วสวมหน้ากากและกำลังเดินยิ้มเข้ามาตรงที่นางอยู่
เขาดูสูงส่งและสง่าผ่าเผย เพียงแค่ได้มองเขาแวบเดียวก็ไม่อาจละสายตาจากเขาได้เลย
“น่าหลานหลิงลั่ว เจ้าอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
เขาจากไปแล้วไม่ใช่หรือ?
และที่น่าแปลกใจก็คือ นางกลับไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด
“ที่นี่คือหุบเขาตันหุย และข้าก็เป็นนายน้อยแห่งหุบเขาตันหุย หากข้าไม่ปรากฏตัวที่นี่ เช่นนั้นข้าควรอยู่ที่ไหนหรือ?”
กู้ชูหน่วนถามออกไปตรงๆ “อะไรคืองานชุมนุมแบ่งปันยาอายุวัฒนะอย่างนั้นหรือ? แล้วการคัดเลือกผู้ที่ได้อันดับหนึ่งต้องทำอย่างไรหรือ?”
น่าหลานหลิงลั่วหัวเราะ
“ผู้หญิงคนนี้ แอบบุกรุกเข้ามายังหุบเขาตันหุยก็ไม่เกรงกลัวว่าข้าจะจับตัวเจ้า แถมยังกล้าถามข้าเกี่ยวกับงานชุมนุมแบ่งปันยาอายุวัฒนะอีกด้วย”
“ตอนนี้สถานะของข้าคือพระชายาหาน งานชุมนุมแบ่งปันยาอายุวัฒนะเป็นงานยิ่งใหญ่เช่นนี้ อย่างไรเสียพวกเจ้าก็ต้องเชิญหานอ๋อง เพียงแค่ข้าเดินทางมาถึงหุบเขาตันหุยก่อนก็เท่านั้น มีอะไรให้ต้องกลัวอย่างนั้นหรือ?”
น่าหลานหลิงลั่วจัดทรงเส้นผมของศีรษะของเขา
และรู้สึกว่านางก็พูดถูก แต่ก็รู้สึกทะแม่งๆ เล็กน้อย
“เจ้าแอบบุกรุกเข้ามาได้อย่างไร? และรู้ได้อย่างไรว่าปีนี้จะมีการแข่งขันเกิดขึ้นในงานชุมนุมแบ่งปันยาอายุวัฒนะ?”
“หากอยากรู้เรื่องนี้ มันเป็นเรื่องยากเช่นนั้นเลยหรือ?”
“……”
มีทหารตรวจเวรยามเดินมาอีกกลุ่มหนึ่ง
น่าหลานหลิงลั่วพากู้ชูหน่วนเดินหลบไปหลบมา และในที่สุดก็พานางไปยังห้องพักรับรองห้องหนึ่ง
“หุบเขาตันหุยเคร่งครัดอย่างมากเรื่องการมีบุคคลภายนอกบุกรุกเข้ามา ต่อให้เจ้าเป็นแขกที่หุบเขาตันหุยของข้าเชิญเข้ามา แต่หากเจ้าแอบบุกรุกเข้ามา เช่นนั้นคนของหุบเขาตันหุยก็สามารถจับกุมตัวเจ้าไว้ได้”
“ขอบคุณ”
กู้ชูหน่วนกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง และหลังจากมั่นใจว่าไม่มีอันตรายใดๆ นางจึงเอามือกอดอกและรอให้เขาตอบ ท่าทางของนางดูอันธพาลอย่างมาก
ดูเหมือนว่าน่าหลานหลิงลั่วจะรู้นิสัยของนางมาก่อน เขาจึงไม่สนใจนาง
เขาพูดอย่างตรงไปตรงมา “การชุมนุมแบ่งปันยาอายุวัฒนะปีนี้ไม่เทียบเท่าปีก่อนๆ ปีก่อนๆ นั้นล้วนนำยาอายุวัฒนะที่ปรุงเสร็จใหม่ๆ ออกมาจัดแสดง และสุดท้ายก็จะประมูลขายออกไปในราคาสูงลิบลิ่ว”
“แต่ปีนี้กลับมีการแสดงการปรุงยาและให้ผู้ชมคัดเลือกยาอายุวัฒนะที่ดีที่สุด และผู้ได้อันดับหนึ่งจะได้รับรางวัลมากมายมหาศาล”
“รวมไปถึงการได้เข้าไปยังเขตหวงห้ามอย่างไม่มีข้อจำกัดด้วยใช่หรือไม่? เช่นนั้นแล้วหากเป็นคนนอกของหุบเขาตันหุยได้อันดับหนึ่งล่ะ ก็สามารถเข้าไปยังเขตหวงห้ามได้หรือ?” กู้ชูหน่วนถาม
“ฮ่าๆ……เจ้ากำลังล้อเล่นหรือไม่ นอกจากคนของหุบเขาตันหุยแล้ว บนโลกนี้ยังมีใครสามารถปรุงยาอายุวัฒนะชั้นดีออกมาได้อีกหรือ?”
“ข้าถามเจ้า นอกเหนือจากคนในหุบเขาตันหุยแล้ว คนนอกสามารถเข้าร่วมได้หรือไม่ หากเข้าร่วมแล้วสามารถเข้าไปยังเขตหวงห้ามได้หรือไม่?”
“เรื่องนี้……ข้าก็ไม่ค่อยรู้อะไรนัก แต่คาดว่าน่าจะได้กระมัง หุบเขาตันหุยไม่ได้มีกฎว่าคนที่ได้อันดับหนึ่งไม่สามารถเข้าไปได้ ต้องดูว่าผู้นำแห่งหุบเขาจะอนุญาตหรือไม่”
กู้ชูหน่วนถอนหายใจและกะพริบตาถามต่อ “เจ้าช่วยลงชื่อสมัครให้ข้าได้หรือไม่ ข้าต้องการเข้าร่วมการแข่งขันปรุงยา”
น่าหลานหลิงลั่วเกือบจะสำลักน้ำออกมา
“เจ้าพูดอะไรนะ เจ้าต้องการเข้าร่วมแข่งขัน? การปรุงยาไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด แม้ว่าเจ้าจะพอรู้วิธีการปรุงยามาอยู่ก่อนแล้ว แต่ต่อหน้าของหุบเขาตันหุยแล้ว มันก็เป็นเพียงแค่……”
“บอกให้เจ้าลงชื่อก็ลงชื่อ เหตุใดเจ้าถึงพูดมากเช่นนี้?”
“เหตุใดข้าต้องช่วยเจ้าด้วย?”
“เพราะวันนี้เจ้าได้ช่วยชีวิตของข้าเอาไว้ หากเจ้าไม่ช่วยข้าละก็ เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าจะวิ่งออกไปแล้วตะโกนดังๆ ต่อให้เจ้ามีเหตุผลก็ฟังไม่ขึ้นอย่างแน่นอน”
น่าหลานหลิงลั่วยิ้มอย่างขมขื่น “ดูเหมือนว่า ข้าไม่ช่วยคงไม่ได้แล้ว”