Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1705 ลายสมบัติบริสุทธิ์

ตอนที่ 1705 ลายสมบัติบริสุทธิ์

แดนหลอมสมบัติ

ระหว่างทางที่ทะยานไป ไอมรรคหลอมสมบัติที่แปลงเป็นรูปปักษาเพลิงแปรสภาพเป็นละอองแสง หลอมรวมเข้าไปในดาบหักที่ขาวเปล่งปลั่งดุจหิมะ

วิ้ง!

เสียงวิ้งอัศจรรย์ที่ดาบหักแผ่ออกมาราวกับเสียงร้องกังวานอันตื่นเต้นดีใจ

ใช้เวลาเพียงชั่วพริบตา ท่ามกลางสายตาจับจ้องของหลินสวิน คุณลักษณะของดาบหักก็เพิ่มขึ้นอีกช่วงใหญ่!

ละอองแสงดั่งมายาดุจภาพฝันเป็นสายๆ หลั่งรินอยู่กลางคมดาบ กลิ่นอายที่แผ่ออกมากลับดุร้ายท่วมฟ้า!

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าไอมรรคหลอมสมบัตินี้ไม่ธรรมดายิ่ง ผลลัพธ์ในการเพิ่มพูนคุณลักษณะของดาบหักน่าตกตะลึงนัก

 หืม? 

หลินสวินสังเกตได้ว่าพื้นผิวของดาบหักถึงกับมีลายมรรคสีทองลายหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเลือนราง ราวกับมังกรใหญ่สีเหลืองทองจำศีลอยู่ภายในนั้น อบอวลไปด้วยกลิ่นอายกฎเกณฑ์น่ากลัวปะทะเข้ามา

 ลายสมบัติบริสุทธิ์! 

อาหูตกตะลึง หน้าเปลี่ยนสีไม่หยุด  ตามคำร่ำลือ มีเพียงกำราบสิ่งของฟ้าประทานหลอมเป็นศาสตราอริยะบริสุทธิ์เท่านั้น ถึงมีโอกาสบ่มเพาะ ‘ลายสมบัติบริสุทธิ์’ ได้ นี่หมายความว่าสมบัตินี้มีศักยภาพแฝงที่จะให้กำเนิดวิญญาณอาวุธได้แล้ว! 

 อย่างนี้นี่เอง 

หลินสวินสีหน้าเข้าใจฉับพลัน

เขาก็เคยได้ยินเรื่องลายสมบัติบริสุทธิ์มาก่อน

สมบัติอริยะบนโลกแบ่งคร่าวๆ เป็นสองประเภทใหญ่ ประเภทหนึ่งคือสมบัติอริยะธรรมดา อีกประเภทหนึ่งคือศาสตราอริยะบริสุทธิ์

สมบัติอริยะธรรมดาพบเห็นได้ทั่วไป ผู้มีระดับอริยะแท้ทั่วไปต่างครอบครองสมบัติอริยะชั้นนี้ไม่มากก็น้อย อานุภาพจะมากหรือน้อยเกี่ยวข้องกับคุณลักษณะของตัวสมบัติอริยะเอง

ความยอดเยี่ยมในอานุภาพของสมบัติอริยะพิเศษบางชิ้นก็แข็งแกร่งเกินจินตนาการ

เช่นกระบี่อเวจีกับกระบี่ยอดสังหารที่อยู่ในมือหลินสวินก็ถือเป็นสมบัติอริยะฟ้าประทาน มีอานุภาพน่าเหลือเชื่อ

แต่ศาสตราอริยะบริสุทธิ์พิถีพิถันนัก ไม่เพียงหายาก ตอนหลอมยังยุ่งยากหาใดเทียบ จำเป็นต้องมีวาสนาและจุดเปลี่ยน

ปกติแล้วอานุภาพของศาสตราอริยะบริสุทธิ์แข็งแกร่งยิ่งกว่าสมบัติอริยะทั่วไปในระดับเดียวกันมาก อีกทั้งยังสอดรับกับการปลดปล่อยศักยภาพแฝงทั้งหมดของตัวผู้ฝึกปราณออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ

จุดนี้เป็นสิ่งที่สมบัติอริยะชิ้นอื่นไม่อาจเทียบเคียงได้อย่างยิ่ง

ที่สำคัญที่สุดก็คือขอเพียงหลอมและฟูมฟักไม่หยุด อานุภาพกับคุณลักษณะของศาสตราอริยะบริสุทธิ์จะเพิ่มสูงขึ้นทีละน้อยไปด้วย

เมื่อควบรวมลายสมบัติบริสุทธิ์ออกมาได้ อานุภาพของมันก็จะแปรสภาพถึงแก่น อานุภาพเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกฟ้าดินไปด้วย!

เมื่อควบรวมลายสมบัติบริสุทธิ์ได้ลายหนึ่ง ยามใช้ศาสตราอริยะบริสุทธิ์ในการต่อสู้ ก็จะทำให้พลังต่อสู้ของผู้ฝึกปราณเพิ่มสูงขึ้นราวหนึ่งในร้อยส่วน

อย่ามองว่าเพียงแค่หนึ่งในร้อยส่วน อย่างไรพลังต่อสู้ของผู้ฝึกปราณเดิมทีก็มีขีดจำกัด ต่อให้เพิ่มสูงขึ้นมาเพียงนิดเดียวยังเป็นไปได้สูงยิ่งที่จะพลิกสถานการณ์ชี้เป็นชี้ตายได้!

เมื่อควบรวมลายสมบัติบริสุทธิ์ได้สิบลาย พลังต่อสู้ของศาสตราอริยะบริสุทธิ์ก็จะแปรสภาพอีกครั้ง สามารถทำให้พลังต่อสู้ของผู้ฝึกปราณเพิ่มสูงขึ้นหนึ่งในสิบส่วน

เมื่อควบรวมลายสมบัติบริสุทธิ์ได้หนึ่งร้อยลาย พลังต่อสู้ของศาสตราอริยะบริสุทธิ์ก็จะแปรสภาพเป็นระดับใหม่ เริ่มก่อกำเนิด ‘ครรภ์วิญญาณอาวุธ’ สามารถทำให้พลังต่อสู้ของผู้ฝึกปราณเพิ่มสูงขึ้นหนึ่งเท่า!

ความจริงเรื่องนี้คล้ายกับการทะลวงระดับของผู้ฝึกปราณ เพียงแต่การเลื่อนระดับของศาสตราอริยะบริสุทธิ์ใช้ลายสมบัติบริสุทธิ์เป็นระดับขั้น เป้าหมายสุดท้ายคือการควบรวม ‘วิญญาณอาวุธ’!

วิญญาณอาวุธมีสติปัญญา สภาวะจิต พลังปราณ และพลังต่อสู้ แทบจะไม่ต่างกับผู้ฝึกปราณจริงๆ คนหนึ่ง

แต่วิญญาณอาวุธพบเห็นได้ยากยิ่งนัก ในบรรดาศาสตราอริยะบริสุทธิ์นับพัน ยากจะมีสักชิ้นที่ฟูมฟักวิญญาณอาวุธออกมาได้

แต่ขอเพียงมีวิญญาณอาวุธ อานุภาพที่ปลดปล่อยออกมายามต่อสู้ย่อมน่ากลัวเกินจินตนาการ!

อย่างวิญญาณอาวุธของธนูวิญญาณไร้แก่นสารนามว่าอู้เชวีย สมัยอยู่ที่หุบเขาตะวันคล้อย สังหารราชันอริยะได้ง่ายดายเหมือนเชือดไก่ ดุร้ายหาใดเทียบ

หรืออย่าง ‘เฟยหลัน’ ที่กลายร่างมาจากผีเสื้อราตรีสีเลือด ตามคำพูดของอู้เชวีย เดิมทีก็เป็นวิญญาณอาวุธของ ‘ระฆังมหามรรครวมศูนย์’

และเฟยหลันก็กำลังเสาะหาจุดเปลี่ยนแจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิ!

นี่ก็คือความน่ากลัวของวิญญาณอาวุธ

 พี่หลิน ดาบหักของเจ้าเล่มนี้ได้มาจากไหน 

อาหูอดไม่ได้เอ่ยปากถาม

ในใจหลินสวินไหววูบ ตอนทดสอบด่านที่เก้าของทางเดินเมฆาหยกในห้องโถงมรรคาสวรรค์ที่จักรวรรดิจื่อเย่า เขาเคยถูกเคลื่อนย้ายเข้าไปเคี่ยวกรำในสถานที่ที่เรียกว่าแดนวิญญาณโบราณ

สมบัติในมืออย่างดาบหัก น้ำเต้าหลอมวิญญาณที่ผนึกโลหิตม่วงหนึ่งหยด หนอนกินเทพเสี่ยวอิ๋น เขาราหู ล้วนได้มาจาก ‘แดนวิญญาณโบราณ’

ด้วยประสบการณ์ที่เพิ่มพูนขึ้นในหลายปีมานี้ หลินสวินกล้าตัดสินแล้วว่าแดนวิญญาณโบราณนั้นต้องไม่อยู่ในดินแดนรกร้างโบราณ!

แต่แดนวิญญาณโบราณอยู่ที่ไหนกันแน่ แม้แต่หลินสวินเองยังไม่อาจชี้ชัดได้

เพราะห้องโถงมรรคาสวรรค์เป็นสิ่งที่เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ลั่วทงเทียนเหลือทิ้งไว้ และลั่วทงเทียนก็เป็นผู้ไร้เทียมทานที่มาจากฟากฝั่งฟ้าดาราคนหนึ่ง!

ตอนนั้นลั่วทงเทียนก็เคยเข้าไปใน ‘แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์’ เพียงแต่ ‘แดนวิญญาณโบราณ’ แห่งนี้อยู่ที่ฟากฝั่งฟ้าดารา หรือเป็นสถานที่สักแห่งในโลกหล้าของทางเดินโบราณฟ้าดารา แม้แต่หลินสวินยังไม่กล้าคาดเดาสุ่มสี่สุ่มห้า

 อาหูเจ้าดูอะไรออกไหม 

หลินสวินเอ่ยถาม

 สมบัตินี้ไม่สมบูรณ์ เหลือเพียงคมดาบท่อนหนึ่ง เดิมทีปลายดาบของมันเป็นตำแหน่งที่สำคัญที่สุด แต่กลับหายไป ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ยังมีกลิ่นอายอัศจรรย์น่าเหลือเชื่อเพียงนี้ แค่คิดก็รู้ว่าหากสมบัตินี้สมบูรณ์จะต้องไม่ธรรมดาแน่ 

ดวงตางดงามของอาหูปรากฏแววครุ่นคิด  อีกอย่าง ที่ประหลาดที่สุดคือสมบัตินี้ไม่สมบูรณ์ชัดๆ แต่ความรู้สึกที่มอบให้ข้ากลับมี ‘ความสมบูรณ์’ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘ลายสมบัติบริสุทธิ์’ ลายนี้ 

ในที่สุดสายตาของนางก็มองไปที่หลินสวิน แล้วสันนิษฐานออกมาว่า

 ข้าสงสัยว่าสมบัตินี้แปรสภาพเป็นวิญญาณอาวุธนานแล้ว เพียงแต่เพราะเหตุผลบางอย่าง ลายสมบัติบริสุทธิ์ของสมบัตินี้จึงถูกผนึกไว้มาตลอด มีเพียงดูดซับพลังของไอมรรคหลอมสมบัติ ถึงได้เผยให้เห็นลายสมบัติบริสุทธิ์ที่ถูกผนึกไว้เหล่านั้นทีละลาย 

หลินสวินแววตาวูบไหว จมสู่ภวังค์ความคิด

ดาบหักไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เดิมตัวมันก็ประทับด้วยรอยประทับมรดกอย่าง ‘ปฐม’ ‘ยอด’ ‘สังหาร’ อานุภาพมหาศาลหาใดเทียบ

ก่อนหน้านี้เขาคิดมาตลอดว่าดาบหักไม่สมบูรณ์ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า… ตนจะเข้าใจผิดมาตลอดเสียแล้ว

‘ถ้าลายสมบัติบริสุทธิ์ถูกผนึกไว้ ส่วนที่ขาดหายไปของดาบหักจะไม่ได้สูญหายไปจริงๆ แต่อยู่ในผนึกด้วยหรือไม่’

หลินสวินคิดถึงตรงนี้ พอมองดูดาบหักอีกครั้ง สายตาก็เจือความซับซ้อนเล็กน้อย

 ผู้สืบทอดสำนักใหญ่ที่เข้ามาในแดนหลอมสมบัติพวกนั้น ก็มาเพื่อยกระดับอานุภาพของศาสตราอริยะบริสุทธิ์เช่นกัน เจ้าจะถือโอกาสนี้ลองดูก็ได้ 

อาหูเอ่ยเสนอแนะ

หลินสวินพยักหน้า

ในช่วงเวลาต่อมาทั้งสองท่องไปในแดนหลอมสมบัติ เสาะหาไอมรรคหลอมสมบัติ สถานการณ์สงบราบเรียบ ไม่มีเหตุไม่คาดฝันตลอดทาง

และในขณะเดียวกัน ข่าวที่หลินสวินสังหารผู้สืบทอดเรือนมรรคจักรวาลเยี่ยนฉุนจวินก็เริ่มกระจายไปในแดนหลอมสมบัติ

ก่อให้เกิดเสียงฮือฮาและความตื่นเต้นไม่รู้เท่าไรในทันใด

 เจ้าหมอนี่พลังต่อสู้น่ากลัวปานนี้เชียวหรือ 

 ต้องระวังแล้ว ถ้าเจอเจ้าหมอนี่หลบได้ให้หลบ เลี่ยงไม่ปะทะกับเขาอย่างเต็มที่ 

 ไหนจะผู้หญิงที่ชื่ออาหูซึ่งอยู่ข้างๆ เขาคนนั้นอีก โจมตีเบาๆ ด้วยดาบเดียวก็สังหารผู้สืบทอดเขากระบี่ต้าหลัวเว่ยจื่อหยาได้ น่ากลัวถึงนี่สุด ไม่อาจดูเบาได้ 

คำวิพากษ์วิจารณ์ทำนองนี้เริ่มดังขึ้นในหมู่ผู้แข็งแกร่งที่มาจากขุมอำนาจต่างๆ ของทางเดินโบราณฟ้าดาราเหล่านั้น

 เยี่ยนฉุนจวินกับเว่ยจื่อหยาตายหมดแล้ว แม้แต่เหวินฉิงเสวี่ยยังไม่ได้รั้งเขาไว้… 

เมื่อได้รู้ข่าวเหล่านี้ จีเฉียนผู้สืบทอดสำนักยุทธ์เสวียนจีก็ชะงักไปทันที ความหนาวสะท้านที่ไม่อาจข่มลงปรากฏขึ้นในใจ

 ศิษยพี่ใหญ่ นี่… เป็นความจริงหรือ 

ดวงตาวาววามทั้งสองของเจียงเหิงก็เบิกกว้าง รู้สึกตื่นตะลึงและประหลาดใจ

 ข่าวกระจายมาจากศิษย์เรือนมรรคยุทธจักร ย่อมไม่มีทางเป็นเท็จไปได้ 

จีเฉียนขมวดคิ้วแน่น  คราวนี้ยุ่งยากแล้ว ด้วยพลังต่อสู้ของข้า อย่างมากก็เทียบได้กับเยี่ยนฉุนจวินเท่านั้น ต่อให้ใช้ไพ่ตายก็เกรงว่าจะไม่ไหว ควรรู้ว่าในมือของคนอย่างเยี่ยนฉุนจวินจะไม่มีไพ่ตายน่ากลัวได้อย่างไร แต่สุดท้ายเขาก็ยังตายไป 

เขารู้สึกกลัดกลุ้มอยู่บ้าง

ตอนแรกเขาก็มองหลินสวินเป็นเหยื่อล่า ไม่เพียงเพื่อระบายแค้นแทนเจียงเหิง ยังหมายปองเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดกับป้ายคำสั่งเซียนเหินในมืออีกฝ่าย

แต่ตอนนี้…

เขากลับรู้สึกว่าต่อกรได้ยากเสียแล้ว!

ในใจเจียงเหิงกลับไม่พอใจมาก กัดฟันเข่นเขี้ยวเอ่ยว่า  น่าชังนัก เจ้าหัวขโมยที่มาจากดินแดนรกร้างโบราณคนหนึ่ง เหตุใดถึงแข็งแกรงปานนี้ได้! 

เงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ คิ้วกระบี่เนตรดารา หล่อเหลาสง่างาม ที่เอวเสียบบรรทัดหยกไผ่เขียวเล่มหนึ่งไว้ ราวกับนักพรตหนุ่มที่อ่านตำราปราชญ์เมธีคนหนึ่ง

 พี่เมิ่ง! 

จีเฉียนอึ้งไป จากนั้นพลันกุมมือคารวะ

ในขณะเดียวกันก็รีบร้อนสื่อจิตให้เจียงเหิง ‘ศิษย์น้อง ท่านนี้คือเมิ่งอี้ ทายาทเลือดบริสุทธิ์เผ่านักรบฉงฉี’

เนตรกระจ่างของเจียงเหิงหดเกร็ง

เผ่านักรบฉงฉี หนึ่งในสิบเผ่านักรบใหญ่ฟ้าดารา นิสัยใจคอของคนเผ่านี้ล้วนขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยม กระหายเลือด ชื่นชอบการต่อสู้ ภูมิหลังเก่าแก่ทรงอำนาจเป็นที่สุด

แต่เมิ่งอี้คนนี้กลับแตกต่าง เขานิสัยใจคอรักสงบ ทรงภูมิดั่งหยกประหนึ่งนักปราชญ์

บนทางเดินโบราณฟ้าดารา น้อยคนนักที่จะเคยเห็นเมิ่งอี้ลงมือ ทั้งยังไม่มีใครรู้ว่าพลังต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ชื่อของเขาครองตำแหน่งที่หกสิบหกบนกระดานมหาอริยะฟ้าดาราไว้มั่นมาตลอด สะดุดตาหาใดเทียบ

เพราะอันดับนี้ยังเคยทำให้ผู้แข็งแกร่งมากมายในทางเดินโบราณฟ้าดารากังขา

สำหรับเรื่องนี้ คนใหญ่คนโตของเรือนมรรคโลกาสวรรค์คนหนึ่งตอบกลับมาประโยคเดียวว่า ‘เมิ่งอี้คนนี้เหมือนกระบี่ในหีบ ยามคมกระบี่ออกจากฝักต้องสะท้านฟ้าดาราได้แน่!’

และจนถึงตอนนี้ก็ไม่มีใครกล้าสงสัยอีก

เพราะทุกถ้อยคำที่เรือนมรรคโลกาสวรรค์เอ่ยออกมา ล้วนเป็นตัวแทนแห่งอำนาจสูงสุด

เมื่อได้รู้ว่าคนตรงหน้าก็คือเมิ่งอี้ ‘คนผ่าเหล่าผ่ากอ’ ของเผ่านักรบฉงฉี ในใจเจียงเหิงก็ไหวกระเพื่อมไปครู่หนึ่ง นางคิดไม่ถึงว่าคนลึกลับเช่นนี้จะถึงกับมาที่แหล่งสถานคุนหลุนด้วย!

 พี่จี ไม่ได้พบกันนานเลย 

เมิ่งอี้เอ่ยปากพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นก็หันไปพยักหน้าให้เจียงเหิงเป็นการทักทาย

เขาหยุดไปครู่แล้วเอ่ยต่อว่า  ที่มาเองโดยไม่ได้เชิญ เพียงต้องการทราบเรื่องผู้ร่วมมรรคนามหลินสวินผู้นั้นจากพี่จี 

 หรือพี่เมิ่งก็ทำเพื่อป้ายคำสั่งเซียนเหินในมือเจ้าหมอนี่เหมือนกัน 

จีเฉียนเอ่ยอย่างประหลาดใจ

เมิ่งอี้พยักหน้าพูดว่า  ข้ามาแหล่งสถานคุนหลุนคราวนี้ ต้องการไปสถานที่ผนึกแห่งหนึ่ง เพียงแต่ที่นั่นอันตรายเกินไป ต้องมีป้ายคำสั่งเซียนเหินถึงจะเปลี่ยนร้ายกลายเป็นดีได้ 

 ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ 

จีเฉียนพยักหน้า เขาลังเลเล็กน้อยแล้วพูดว่า  พวกเราก็หมายตาเจ้าหมอนี่พอดี พี่เมิ่งมาเคลื่อนไหวกับพวกเราดีไหม 

เมิ่งอี้เอ่ยอย่างพอใจว่า  ถ้าเป็นเช่นนี้ได้จะดียิ่งนัก 

อีกด้านหนึ่งเจียงเหิงเห็นภาพเช่นนี้เข้ายังรู้สึกเหมือนฝันไป

ชายหนุ่มที่สง่างามทรงภูมินุ่มนวลเช่นนี้ เป็นลูกหลานเผ่านักรบฉงฉีที่ขึ้นชื่อว่าโหดเหี้ยมกระหายเลือด และชอบการต่อสู้จริงหรือ

ผ่าเหล่าผ่ากอเกินไปแล้ว

——

 

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท