กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 565
คนของเผ่าเพลิงฟ้าพากันตกตะลึง จอมมารกล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?
ก่อนหน้านี้มีข่าวคราวว่าจอมมารมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกับพระชายาของเทพแห่งสงคราม หรือว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือจริง ๆ ?
เมื่อข่าวค่อย ๆ แพร่กระจาย พวกเขาก็รู้ว่าตอนที่กู้ชูหน่วนอยู่ที่หุบเขาตันหุย นางสามารถกลั่นยาเสริมพลังระดับสี่ออกมาได้ และทำให้ผู้คนทั่วทั้งใต้หล้าต่างตกตะลึง
นั่นเป็นยาเสริมพลังระดับสี่ แม้ว่าหุบเขาตันหุยจะกลั่นยามาช้านาน แต่ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถกลั่นยาระดับสี่ออกมาได้
กู้ชูหน่วนต้องการทำเพื่อพวกเขา มิเช่นนั้นหากคนเหล่านี้ยังอยู่ในโลก สำหรับพวกเขาแล้วคือความหายนะ
แต่ในตอนนี้พวกเขากับกู้ชูหน่วนมีความขัดแย้งเกิดขึ้นมากมาย และคิดว่านางคงไม่ทำเพื่อพวกเขา
ต่อให้วันนี้จอมมารจะปกป้องนาง หุบเขาตันหุยของพวกเขาก็ต้องการกำจัดนางให้ได้
ลานแสดงยุทธ์ หวางเฟิงและหวางอวี่รวมดาบเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างเป็นซุ่มโค้งขนาดใหญ่ คลมไว้บนหัวของกู้ชูหน่วน
“ตูม……” เศษหินกระจัดกระจายไปทั่ว ทรายกรวดกระเด็น และฝุ่นขนาดใหญ่ก็ฟุ้งกระจาย
ผู้คนต่างสำลักฝุ่นจนลืมตาไม่ได้ และพากันเอามือปิดจมูก
เมื่อพวกเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ครึ่งหนึ่งของลานแสดงยุทธ์ก็ถูกรื้อถอนแล้ว
และยังคงมีเงาของกู้ชูหน่วนอยู่ตรงหน้า
นี่เป็นพลังที่แข็งแกร่งมาก เมื่อเทียบกับขั้นสูงสุดของระดับสี่
ยากที่คนธรรมดาจะไม่ตาย
สีชิ่นกำมืออันขาวผ่องของนางไว้แน่น และปลายนิ้วอันแหลมคมก็เจาะทะลุฝ่ามือของนาง
นางอดทนอดกลั้น และระงับความโกรธ แต่นางยังคงยิ้ม เป็นรอยยิ้มอันเยือกเย็นที่เย้ายวน
ไป๋จิ่นใจสั่นเล็กน้อย
เยี่ยจิ่งหานและจอมมารดูไม่ออก ไม่เพียงแต่สายตาของพวกเขาจะเย็นยะเยือก แต่เมื่อคิด ๆ ดูแล้วพวกเขาก็โกรธ
น่าหลานหลิงลั่วรีบตะโกนอย่าง “แม่หนู ๆ ……”
คนของเผ่าเพลิงฟ้าต่างพากันยิ้มออกมา
ใบหน้าของหวางเฟิงและหวางอวี่ดูภาคภูมิใจ หลังจากที่รอให้ฝุ่นฟุ้งกระจายแล้ว ก็จะเผยให้เห็นศพของกู้ชูหน่วน
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ฝุ่นสลายไป ลานแสดงยุทธ์ก็ไม่มีอะไรเลย
พวกเขาตกตะลึง ก่อนที่จะคิดทบทวนอีกครั้ง และรู้สึกเย็นวาบที่หลัง
ไอสังหารอันรุนแรงโจมตีด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบ
“ขวับ……”
หวางเฟิงและหวางอวี่ไม่ทันได้ตั้งตัว และมีดาบเข้ามาใกล้แผ่นหลัง
เป็นเช่นนี้อีกครั้ง เป็นการลอบโจมตีหรือไม่?
หวางเฟิงและหวางอวี่โกรธจัด
พวกเขาทั้งสองคนมีวรยุทธระดับสี่ แต่ถูกแม่หนูที่มีวรยุทธระดับสองคนหนึ่งฟันด้วยดาบ ผู้คนมากมายกำลังจ้องมองมาที่พวกเขา แล้วพวกเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
ภายใต้ความโกรธ ทั้งสองจึงลงมืออย่างรวดเร็วและโหดเหี้ยมมากยิ่งขึ้น
เมื่อต้องเผชิญกับความโหดเหี้ยมของพวกเขา กู้ชูหน่วนก็ควรจะล่าถอย แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือ กู้ชูหน่วนต่อสู้อย่างรวดเร็วและดุดัน นางก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ โดยปราศจากความกลัว
หลายครั้งที่ต่อสู้อย่างพร้อมจะตายไปด้วยกันกับพวกเขา
แม้ว่าหวางเฟิงและหวางอวี่จะมีวรยุทธที่เหนือกว่านาง แต่วิชาตัวเบาของนางก็ไม่เป็นสองรองใคร พวกเขาได้ยินได้ฟังเรื่องแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน รวมทั้งการต่อสู้อย่างสุดความสามารถของนาง แม้ว่าพวกเขาชนะ ก็คงจะได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ก็พิการ
หลังจากผ่านไปสักพัก เหตุการณ์ก็กลับมาสงบอีกครั้ง
ผู้อาวุโสเฉินกล่าวอย่างทอดถอนใจ “หญิงผู้นี้ไม่ธรรมดา” น่าเสียดายที่ไม่ใช่คนของเผ่าเพลิงฟ้า ไม่เช่นนั้นคงจะเบ่งบานได้เบ่งบานในใต้หล้าอย่างแน่นอน
รองหัวหน้าเผ่าซือคงหัวเราะเยาะ
หากนางเป็นคนธรรมดา เขาจะจัดเตรียมยอดฝีมือมากมาย เพื่อมาลองกำจัดนางทำไม
“ตูม……”
สองฝ่ามือปะทะกัน กู้ชูหน่วนก็ตกใจจนถอยหลังไปหลายสิบก้าว และกระอักเลือดออกมา และสีหน้าของนางก็ซีดลงมาก
ผู้อาวุโสเฉินส่ายหัว “ที่แท้ก็ยังเด็กเกินไป แค่วรยุทธระดับสอง แต่กล้าที่จะต่อสู้กับกับผู้ที่มีวรยุทธระดับสี่ อยากจะรีบไปพบพญายมหรืออย่างไร”
ไม่ใช่เพียงแค่ผู้อาวุโสเฉินเท่านั้นที่คิดเช่นนี้ แต่คนอื่น ๆ ก็รู้คิดว่ากู้ชูหน่วนไม่ประมาณกำลังตนเอง
คราวนี้นางจะต้องเส้นเอ็นสะบั้นจนตาย
แต่ทว่าสิ่งต่าง ๆ ได้ทำลายความเข้าใจของพวกเขาอีกครั้ง
กู้ชูหน่วนยืนขึ้นอย่างมั่นคง และเช็ดคราบเลือดที่มุมปากของนางอย่างสง่าผ่าเผย และเผยให้เห็นรอยยิ้มที่แปลกประหลาดและน่าเกรงขาม
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมนางยังไม่ตาย?”
“ใช่ เมื่อครู่พลังของฝ่ามือรุนแรงมากขนาดนั้น แม้ว่านางจะไม่ตาย แต่ก็คงจะพิการ แล้วทำไมนางถึงยังลุกขึ้นมาได้?”
“มีบางอย่างผิดปกติ ดูเหมือนว่าอาการบาดเจ็บของนางจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว”
ผู้คนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ แม้แต่สีชิ่นและคนอื่น ๆ ก็ตกตะลึงเช่นกัน
ไป๋จิ่นครุ่นคิด ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นเรื่อย ๆ
“อัก……”
“อัก……”
ท่ามกลางความประหลาดใจของทุกคน ทันใดนั้นหวางเฟิงและหวางอวี่ที่ได้รับชัยชนะก็กระอักเลือดออกมา สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีดำในชั่วพริบตาเดียว นัยน์ตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาว ร่างกายสั่นเทา และขาทั้งสองข้างก็อ่อนแรงและทรุดตัวลง
“หวางเฟิง หวางอวี่……”
“รองหัวหน้าเผ่า หวางเฟิงและหวางอวี่ถูกพิษ และเป็นพิษที่ร้ายแรง”
คนของเผ่าเพลิงฟ้ากล่าวอย่างโกรธเคือง “เจ้าขี้โกงและวางยาพิษ”
กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะ “ห้ามผู้อื่นทำ แต่ให้พวกพ้องของตนเองทำได้?พวกเขาสามารถวางยาพิษได้ แล้วทำไมข้าจะทำไม่ได้”
ในขณะที่พูด นางก็แบมือออก และเข็มเลือดก็ปรากฏบนฝ่ามือของนาง
เข็มเลือดเป็นสีแดงเลือดและมีไอสีดำจาง ๆ หลังจากตกลงไปที่พื้นและกระทบกับกิ่งไม้จนเกิดเสียงจือ ๆ ๆ มองแวบเดียวก็รู้ว่ามีพิษร้ายแรง
จอมมารตัวแข็งทื่อ และไอสังหารของเขาก็ปรากฏขึ้น
เมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนไม่เป็นไร เขาก็เล่นมืออันเรียวยาวของตนเองอย่างเกียจคร้าน
กู้ชูหน่วนสะบัดแขนเสื้อ จากนั้นลูกดอกพิษหลายดอกและหมอกพิษก็หล่นลงมา
สีชิ่นยิ้ม “ดูเหมือนว่าหวางเฟิงและหวางอวี่จะวางยาพิษก่อน วรยุทธระดับสี่ สองต่อหนึ่ง แล้วยังใช้วิธีการที่ต่ำช้าเช่นนี้ เผ่าเพลิงฟ้าช่างทำให้ผู้คนประทับใจเสียจริง ๆ
คนของเผ่าเพลิงฟ้าไม่ได้ตาบอด นั่นเป็นอาวุธที่ลับของหวางเฟิงและหวางอวี่
โดยปกติแล้วเมื่อใช้เป็นอาวุธจัดการกับอีกฝ่าย อีกฝ่ายจะต้องตายอย่างแน่นอน
แต่ในตอนนี้พวกเขาใช้อาวุธลับอาบยาพิษเพื่อทำร้ายผู้อื่น ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถทำร้ายผู้อื่นได้ แต่ยังถูกผู้ที่มีวรยุทธระดับสองทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ ทำให้เผ่าเพลิงฟ้าของพวกเขาต้องอับอายขายหน้า
คนของเผ่าเพลิงฟ้าจำนวนไม่น้อยอยากจะพูดเพื่อปกป้องตนเอง แต่พวกเขาไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร
กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างไร้เดียงสาและกล่าวว่า “ข้าเพียงแค่ใช้วิธีของผู้อื่น หนามยอกเอาหนามบ่ง ไม่ถือว่าผิดกฎใช่หรือไม่?”
“……”
เงียบสงัด
ในท้ายที่สุดผู้อาวุโสเฉินก็ยิ้มอย่างเก้อเขิน “แน่นอน……ไม่ถือว่าผิดกฎ……”
“เช่นนั้นชัยชนะในรอบแรก สามารถประกาศได้แล้วหรือไม่?”
“ชัยชนะในรอบแรก กู้ชูหน่วนชนะ”
ผู้อาวุโสเฉินโบกมือและสั่งให้คนไปช่วยพยุงหวางเฟิงและหวางอวี่ออกไป เขาฝืนยิ้มและกล่าวว่า “แม่นาง นี่เป็นการประลองฝีมือ ไม่ทราบว่าเจ้าจะมอบยาถอนพิษให้หวางเฟิงและหวางอวี่ได้หรือไม่?”
จอมมารยิ้มเยาะ “หากสองคนนี้เป็นลูกน้องของข้า ข้าจะซัดกลางกะโหลกของพวกเขาด้วยฝ่ามือเดียว ยังมีหน้ามาขอยาถอนพิษอีก เหอะ…”
สีชิ่นกล่าวว่า “บาปที่เกิดจากตนเองย่อมหนีไม่พ้น”
จอมมารและหออันดับหนึ่งในใต้หล้า นี่เป็นการฉีกหน้าพวกเขา และต้องการจะยืนอยู่ข้างกู้ชูหน่วนงั้นหรือ?
ฟึ้บ ๆ ๆ ……
ผู้อาวุโสสูงสุดหลายคนของเผ่าเพลิงฟ้ามาพร้อมกับพลังที่แข็งแกร่ง และทุกคนก็พากันสละที่นั่งให้กับเหล่าผู้อาวุโสสูงสุด
เสวี่ยเยี่ยหนึ่งในผู้อาวุโสสูงสุดโบกมือ จากนั้นก็มีคนมาพาหวางเฟิงและหวางอวี่ออกไปในทันที
ผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเยี่ยอายุเจ็ดสิบกว่าแล้ว แต่ก็ยังแข็งแรง และเสียงของเขาก็ทรงพลัง “หวางเฟิงและหวางอวี่ทำผิดกฎและลอบวางยาพิษ ทำลายวรยุทธของพวกเขา และขังคุกสิบปี”
ฉ่า……
นี่……ทำลายวรยุทธ?
เช่นนั้นวรยุทธที่พวกเขาการฝึกฝนมาตลอดหลายปีก็สูญเปล่า?
กู้ชูหน่วนเลิกคิ้วและมองไปที่ผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเยี่ย
ชายชราผู้นี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก เห็นได้ชัดว่าเป็นกสรสั่งสอนพวกเขาทั้งสองคน
ความจริงอาจจะเป็นการแสดงอำนาจให้นางดูอยู่ก็ได้?