กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 573
เงามีด คราบเลือดและดาบต่างกระจัดกระจายพลิ้วไหว
กู้ชูหน่วนและคนอื่นๆ ไม่อาจต้านทานต่อคนจำนวนมากได้และบาดแผลที่ได้รับก็ยิ่งสาหัสขึ้นเรื่อยๆ และต่างค่อยๆ เริ่มหมดเรี่ยวแรงลง
ผู้อาวุโสเผ่าเพลิงฟ้าออกคำสั่งยิงธนูนับหมื่นออกไปพร้อมกัน และลูกธนูแต่ละลูกก็ส่งเสียงทะลุทะลวงในอากาศ เพียงแค่ยิงไปโดนจะต้องตายลงอย่างไร้ข้อสงสัยอย่างแน่นอน
ทุกคนต่างคิดว่าครั้งนี้จะต้องถึงจุดจบเสียที แต่กลับคาดไม่ถึงว่ากลุ่มชายสวมหน้ากากที่กล้าหาญและเก่งกาจในการต่อสู้จะจู่โจมออกมาและเคลื่อนตัวตรงไปที่ผู้คนของเผ่าเพลิงฟ้า และยังทำให้นักธนูของเผ่าเพลิงฟ้าต่างพากันล้มลงทั้งหมด
ผู้ที่เป็นหัวหน้ากล่าวว่า “ไปทางนี้”
กู้ชูหน่วนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและเรียกสีชิ่นและไป๋จิ่นถอยออกไปพร้อมกันหัวหน้าผู้ที่ปกปิดใบหน้า
ไป๋จิ่นร่ายเวทมนตร์เกราะน้ำแข็ง จากนั้นจึงเกิดหมอกปกคลุมไปทั่วบริเวณทันที โดยเมื่อมองออกไปในระยะหนึ่งเมตรก็แทบไม่เห็นอะไร ฉะนั้นจึงง่ายที่จะปกป้องคุ้มครองพวกนางออกไปจากที่นั่น
จอมมารผู้ซึ่งกำลังต่อสู้อย่างสุดชีวิตก็รอให้กู้ชูหน่วนเรียกเขาเพื่อออกไปจากที่นี่พร้อมกัน แต่คิดไม่ถึงว่ากู้ชูหน่วนไม่แม้แต่จะเหลียวหลังกลับไปมอง และหมกมุ่นอยู่กับการหามเยี่ยจิ่งหานเพื่อถอยออกไป
จอมมารตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและตกอยู่ในภวังค์ เขาเกือบจะถูกรองหัวหน้าเผ่าซือคงและผู้อาวุโสสูงเสวี่ยเยี่ยทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส
“พี่หญิง ท่านลืมอะไรไปหรือไม่” จอมมารพูดขึ้นอย่างขุ่นเคือง
กู้ชูหน่วนพูดโดยไม่หันกลับไปมอง “หาวิธีออกไปเองละกัน”
“……”
ปัดโธ่……
พี่หญิงมีความเชื่อมั่นในตัวเขามากเกินไปหรือว่าเชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไป?
นางไม่กลัวว่าเขาจะตายเลยหรือ?
และเมื่อมองไปยังเยี่ยจิ่งหานที่ถูกหามอยู่บนหลังของกู้ชูหน่วน เขาได้รับโอกาสในสิ่งที่เขา(จอมมาร)ไม่อาจได้รับ
จอมมารตะโกนต่อต้านด้วยเสียงดังกึกก้อง “อัยหยา พี่หญิง อาม่อก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน ท่านรีบมาช่วยอาม่อหน่อยสิ”
จอมมารต้องหารสะบัดปลีกตัวออกจากพวกเขาทั้งสองคนและไล่ตามกู้ชูหน่วนไป แต่ผู้อาวุโสสูงเสวี่ยเยี่ยและรองหัวหน้าเผ่าซือคงกลับตามติดไม่ปล่อยราวกับกอเอี๊ยะหนังสุนัข ไม่ว่าจะสะบัดอย่างไรก็ไม่สามารถสะบัดออกไปได้ เขาโมโหจนอดไม่ได้ที่จะใช้กระบวนท่าขั้นสุด
เขาคิดว่า เขาได้ตะโกนออกไปแล้วว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ อย่างน้อยกู้ชูหน่วนก็ต้องหันกลับมามองเขาบ้าง
เขากลับคิดผิดอีกครั้ง กู้ชูหน่วนได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยท่ามกลางปกป้องคุ้มครองของชายผู้ปกปิดใบหน้า
ระหว่างนั้นเขาได้ยินเสียงไม่ชัดเจนเพียงแค่ “รวมตัวกันที่นอกเผ่าเพลิงฟ้า หากเจ้าหนีออกมาไม่ได้ เช่นนั้นข้าและเยี่ยจิ่งหานจะมาช่วยเก็บศพของเจ้า”
“……”
รวมตัวกันที่นอกเผ่าเพลิงฟ้า?
นอกเผ่าเพลิงฟ้ายิ่งใหญ่ออกเช่นนั้น จะรวมตัวกันที่ไหนหรือ?
อะไรคือการหากหนีออกไปไม่ได้จะมาช่วยเก็บศพพร้อมกับเยี่ยจิ่งหาน?
เยี่ยจิ่งหานมีสิทธิ์อะไรมาช่วยนางเก็บศพของเขา?
เดิมทีจอมมารก็รู้สึกโกรธอยู่ก่อนแล้ว แต่รองหัวหน้าเผ่าซือคงและผู้อาวุโสสูงเสวี่ยเยี่ยกลับยิ่งไล่ตามเข้ามาใกล้ ทำให้จอมมารจึงรู้สึกเดือดพล่านขึ้นทันที
และไม่รู้ว่าเขาทำอย่างไร เพียงแค่เห็นสายตาที่ดุร้ายของเขา จากนั้นดอกลำโพงในมือของเขาก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและดอกลำโพงที่พร่างพรายก็ส่องแสงเปล่งประกายจนลืมตาไม่ขึ้น
ยอดฝีมือต่อสู้กัน ไม่แน่ผลแพ้ชนะก็อาจเกิดขึ้นได้ในพริบตา
ผู้อาวุโสสูงเสวี่ยเยี่ยและรองหัวหน้าเผ่าซือคงคิดไม่ถึงว่าเขาจะมีความสามารถถึงเพียงนี้ จึงถูกจอมมารทำร้ายอย่างบาดเจ็บสาหัส
แต่พวกเขาก็เป็นยอดฝีมืออันดับต้นๆ ของเผ่าเพลิงฟ้า ถึงแม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ไม่นานก็กลับมาล้อมรอบจอมมารเอาไว้ได้
“(เสียงดังกึกก้อง)……”
เกิดเสียงดังสั่นสะเทือนไปทั่วท้องฟ้าและดังกังวานไปทั่ว
ผลที่ตามมาของแรงสั่นสะเทือนทำให้เหล่ายอดฝีมือต่างยืนได้อย่างโซซัดโซเซไม่มั่นคง
บ้านเรือนและตำหนักต่างๆ ล้วนถล่มทลายกลายเป็นซากปรักหักพังในพริบตา
ภายในเส้นทางลับที่แคบยาว
กู้ชูหน่วนวางเยี่ยจิ่งหานที่อาการพิษเหมันต์กำเริบลงและหยิบเข็มทองออกมา จากนั้นพยายามช่วยให้พิษที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขาคงที่
เป็นเวลานานกว่าที่จะสำเร็จและถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“โชคดี แค่เพียงนิดเดียวเท่านั้น ไม่เช่นนั้นท่านไม่รอดแน่”
เยี่ยจิ่งหานไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ไม่แม้แต่จะมีแรงพูดออกมาได้ ลมปราณภายในของเขาลดลงและหวังว่าจะฟื้นคืนพละกำลังได้ในเร็ววัน
กู้ชูหน่วนตบหลังมือของเขา “พักผ่อนลงบ้างเถอะ หากยังฝืนฟื้นคืนพละกำลังในตอนนี้ ก็มีแต่ทำให้พิษในร่างกายยิ่งออกอาการกำเริบมากขึ้นเรื่อยๆ ข้าไม่อยากให้คนที่ข้าเพิ่งจะช่วยชีวิตมาอย่างยากลำบากต้องมาตายจากไปเพราะตัวของเขาเอง”
ที่นี่เป็นเส้นทางลับแห่งหนึ่ง เส้นทางลับนี้ไม่ใหญ่นัก แต่มีความยาวมากและตอนนี้พวกนางก็อยู่ในตำแหน่งที่กว้างที่สุดของเส้นทางลับนี้
บนร่างกายของสีชิ่นและไป๋จิ่นมีบาดแผลจากรอยมีดจำนวนมาก เสื้อผ้าของพวกนางก็แปดเปื้อนไปด้วยคราบเลือดไม่น้อย พวกนางต่างรีบทำแผลให้ตัวเองและต่างคอยปกป้องคุ้มครองนางด้วยจิตใจที่เป็นหนึ่ง
สีชิ่นถามขึ้นอย่างลังเล “เจ้าหอ จอมมารยังไม่ถอยกลับมา ปล่อยเขาไว้คนเดียวเช่นนั้นจะ……”
“ไม่ต้องกังวลหรอก เจ้าหมาน้อยคนนั้นต่อให้เขาแพ้ เขาก็ไม่ตายได้ง่ายๆ หรอก”
หากเขาตายได้ง่ายเช่นนั้นเช่นนั้นแล้วเขาจะคู่ควรในการเป็นหัวหน้าเผ่าปีศาจได้อย่างไร?
แต่หากไม่ได้ซือม่อเฟยที่คอยขัดขวางผู้อาวุโสสูงเสวี่ยเยี่ยและรองหัวหน้าเผ่าซือคงละก็ เช่นนั้นพวกนางก็ไม่อาจล่าถอยออกมาได้
สีชิ่นหัวเราะเบาๆ “คิดว่าบนโลกนี้คงมีเพียงเจ้าหอคนเดียวเท่านั้นที่กล้าเรียกจอมมารว่าเจ้าหมาน้อย”
ไป๋จิ่นก็เอามือปิดปากและแอบหัวเราะยิ้ม
ผู้ที่อยู่ตรงหน้าของกู้ชูหน่วนก็คือผู้เฒ่าคนหนึ่งอายุราวหกสิบปี และข้างหลังของผู้เฒ่าคนนั้นก็ยังมีชายผู้ปกปิดใบหน้าอีกประมาณสิบคน
ชายผู้ปกปิดใบหน้าเหล่านี้อายุราวๆ ยี่สิบกว่า ทุกคนล้วนมีนัยน์ตาเคร่งขรึม และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บก็รวมตัวกันรักษาบาดแผล ส่วนผู้ที่ไม่บาดเจ็บส่วนหนึ่งก็ทำหน้าที่เฝ้าคุ้มกันความปลอดภัยให้นางข้างกาย ขณะที่คนอื่นๆ เฝ้าสังเกตสถานการณ์ตรงทางเข้าเส้นทางลับอย่างระมัดระวัง
ด้วยวิธีการนี้ รวมไปถึงวิธีตอนที่พวกเขาจัดการกับเผ่าเพลิงฟ้า ซึ่งเป็นวิธีการที่ซับซ้อนแต่ไม่วุ่นวาย แค่เห็นก็ดูออกว่าผ่านการฝึกซ้อมมาอย่างดี
“เจ้าคือ……” กู้ชูหน่วนถามไปยังผู้เฒ่า
ผู้เฒ่าคนนี้ราวกับรู้จักเผ่าเพลิงฟ้าเป็นอย่างดี แม้แต่เส้นทางลับที่ซ่อนเร้นนี้ก็รู้ได้
ยังไม่ทันที่ผู้เฒ่าผู้ปกปิดใบหน้าจะตอบ ภายนอกเส้นทางลับก็เกิดเสียงฝีเท้าดังขึ้น
ลูกน้องผู้เฒ่าผู้ปกปิดใบหน้าต่างตื่นตัวขึ้นและล้วนจับกุมอาวุธขึ้นมา และรอให้คนคนนั้นปรากฏตัวขึ้นเพื่อจะได้ฆ่าทิ้งทันที
“พี่หญิง พวกท่านหนีออกมาได้เร็วมาก”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น และในขณะเดียวกันลูกน้องของผู้เฒ่าผู้ปกปิดใบหน้าก็ลงมือ กู้ชูหน่วนจึงรีบตะโกนออกมา “เดี๋ยวก่อน เขาเป็นเพื่อนของข้า”
และที่น่าแปลกไปกว่านั้นคือ เพียงแค่คำพูดของนางคำเดียวเท่านั้น ชายผู้ปกปิดใบหน้าต่างพร้อมใจกันเก็บอาวุธด้วยความเคารพและแยกออกเป็นสองฝั่ง เพื่อต้อนรับจอมมาร
ดวงตาของกู้ชูหน่วนหรี่ลงเล็กน้อย
คนเหล่านี้ หรือว่าจะเป็นลูกน้องของนางอย่างนั้นหรือ?
“พี่หญิง ท่านลืมอาม่อไปแล้วหรือ อาม่อเกือบจะถูกพวกเขาฆ่าทิ้งเสียแล้ว”
จอมมารทำเสียงสะอึกสะอื้น ราวกับกำลังบ่นถึงความคับข้องใจ
เขามีรูปลักษณ์ที่โดดเด่น โดยเฉพาะดวงตาสีฟ้าและสีฟ้าคู่นั้นที่กะพริบและมีน้ำตาคลออย่างน่าสงสาร
กู้ชูหน่วนหัวเราะอย่างเขินอาย “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรล่ะ ข้าก็กำลังจะออกไปหาเจ้านี่ไง”
“จริงหรือ?” จอมมารทำทีท่าเหลือเชื่อ
ตอนแรกที่นางพาผู้คนหลบหนีออกไปนั้น นางไม่แม้แต่จะหันหลังกลับไปมองด้วยซ้ำ
“จริงแท้แน่นอนว่าทองคำเสียอีก”
เดิมทีกู้ชูหน่วนไม่ต้องการพูดปลอบเขา แต่เมื่อเห็นเสื้อผ้าของเขาเป็นรอยไหม้และยังมีเลือดไหลออกมาจำนวนมาก ทำให้นางอดไม่ได้และรู้สึกใจอ่อน
เจ้าหมาน้อยคนนี้โดยปกติแล้วเป็นคนอนามัยและรักความสะอาดอย่างมาก หากสถานการณ์ไม่บีบบังคับ เช่นนั้นแล้วเขาจะปล่อยให้คนอื่นมาเผาเสื้อผ้าของเขาได้หรือ และมีหรือที่เขาจะยอมปล่อยให้เลือดไหลหยดลงบนเสื้อผ้าของเขาได้
การต่อสู้เมื่อสักครู่นั้น คาดว่าเขาคงเหน็ดเหนื่อยและลำบากอย่างมาก
อาจเป็นเพราะแววตาของนางนั้นเด่นชัดเกินไป จากนั้นจอมมารจึงเห็นว่าเสื้อผ้าของเขาทั้งสกปรกเลอะเปรอะเปื้อนทั้งฉีกขาด และสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
เห็นเพียงแสงสีแดงที่แวววับ จากนั้นจอมมารก็ได้หายตัวไป
“ใครกล้าแอบดูข้า ข้าจะควักลูกตาของคนนั้นเสีย พี่หญิง ท่านก็ห้ามมอง”
กู้ชูหน่วน “……”
ใครจะอยากไปมองเขา
คนหลงตัวเอง
ใครบ้างที่ไม่มีรอยคราบเลือดเหมือนอย่างเขา?
มีใครบ้างที่ไม่มีรอยมีดรอยดาบบนร่างกาย
สีชิ่นและไป๋จิ่นผู้หญิงสองคนนี้ และยังมีคนอีกจำนวนมากที่นางยังไม่ได้บอก เขาจะมาเซ้าซี้อะไร?