กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 583
“น้องชายของหม่อมฉันเป็นคนขี้อาย เขาชอบเจ้า แต่กลับไม่กล้าพูดออกมา คาดว่าเขาคงคิดว่าตัวเองสูงเกินไปและไม่คู่ควรกับพระองค์ ฉะนั้น……พระองค์น่าจะเข้าใจ”
จักรพรรดินีตกตะลึง
พระองค์ไม่เข้าใจ
เขาไม่รังเกียจที่พระองค์ตัวเตี้ยเช่นนี้ พระองค์ก็ขอบคุณฟ้าขอบคุณสวรรค์อย่างมากแล้ว
จะไปรังเกียจที่เขาตัวสูงได้อย่างไร
กู้ชูหน่วนขยับเข้าไปใกล้พระองค์และกระซิบ “น้องชายของหม่อมฉันขี้อาย ฉะนั้นเขาจึงแอบบอกหม่อมฉันว่า วันแต่งงานวันนั้นห้ามให้หม่อมฉันอยู่ด้วย ไม่เช่นนั้นเขาจะทำตัวไม่ถูก พระองค์ดูสิ หม่อมฉันมีน้องชายแค่เพียงคนเดียว ความหวังนี้ก็เก็บอยู่ในใจของเขามาไม่รู้กี่ปีมาแล้ว หากหม่อมฉันเข้าร่วมงานแต่งงานของเขา เช่นนั้นจะทำให้เขา……เฮ้อ……”
มุมปากของเหวินเส่าอี๋กระตุก จากนั้นจึงหลับตาลง
เขาเก็บอารมณ์โกรธเอาไว้และบอกตัวเองไม่ให้โมโห
แต่ อารมณ์โกรธของเขายังคงปะทุออกมา โดยเฉพาะเมื่อได้ยินคำพูดที่ไร้ยางอายของพระองค์
ทันใดนั้นจักรพรรดินีก็เข้าใจได้ทันที “ข้าเข้าใจแล้ว หากพูดเช่นนี้ ข้าก็ควรเคารพการตัดสินใจของคุณชายเหวิน แต่ถึงอย่างไรเจ้าก็เดินทางมาไกลและยังเป็นพี่สาวของคุณชายเหวิน……”
“ไม่เป็นไรเพคะ หม่อมฉันคิดไว้แล้ว ในเมื่อน้องชายไม่ต้องการให้หม่อมฉันมาร่วมงานแต่งงาน เช่นนั้นหม่อมฉันก็จะไม่มา ได้ยินมาว่ามีสถานที่ที่สวยงามมากในทางตอนเหนือสุดของรัฐชาววะ เช่นนั้นหม่อมฉันเดินทางไปชมความสวยงามของที่นั่นจะดีกว่า รอให้งานแต่งงานของพวกท่านทั้งสองผ่านพ้นไป หม่อมฉันค่อยไปดื่มเหล้าแสดงความยินดี”
จักรพรรดินียิ้ม “เจ้าต้องการไปยังขั้วโลกเหนือหรือ?”
“ทำไมหรือ? หรือว่าพระองค์กลัวว่าหม่อมฉันจะไปแอบขโมยหรือแอบทำอะไรที่นั่นหรือเพคะ?”
“พูดเช่นนั้นได้อย่างไร เจ้าเป็นพี่สาวของคุณชายเหวิน อีกทั้งยังส่งคุณชายเหวินเดินทางมาไกลแสนไกล ข้าควรจะขอบคุณเจ้าต่างหาก ไม่ว่าเจ้าต้องการอะไร ข้าก็จะพยายามทำตามความต้องการของเจ้าอย่างดีที่สุด เพียงแต่……”
“เพียงแต่อะไรหรือเพคะ?”
“เพียงแต่ขั้วโลกเหนือนั้นมีความอันตรายอย่างมาก หลายพันปีมานี้มีคนเข้าไปเป็นจำนวนมาก และมักไม่สามารถออกมาได้และมีเพียงคุณชายเหวินเท่านั้นที่สามารถออกมาได้”
“ฝ่าบาทบอกว่าที่นั่นอันตราย ไม่ทราบว่าที่นั่นอันตรายอย่างไรหรือเพคะ?”
“เอ่อ……ที่นั่นมีมังกรน้ำแข็งที่มีฝีมือระดับเจ็ด ระดับเจ็ดเลยเชียวนะ”
กู้ชูหน่วนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
นางคิดว่าจะรู้อะไรเพิ่มขึ้นบ้างจากปากของจักรพรรดินี
ไม่คิดเลยว่าจะไม่ได้อะไรเลย
“วางใจได้เพคะ หม่อมฉันจะไม่เข้าไปยังขั้วโลกเหนือ เพียงแค่มองทิวทัศน์จากไกลๆ เท่านั้นเพคะ”
“เอ่อ……”
“พูดตามตรง ท่านพ่อของข้าและเหวินเส่าอี๋ที่ตายไปแล้วได้มาเข้าฝันข้า บอกว่าเขาอยากไปชมทิวทัศน์ที่ขั้วโลกเหนือ ตั้งแต่ที่พ่อของเหวินเส่าอี๋จากไปก็ไม่เคยมาเข้าฝันของหม่อมฉัน แค่มีเพียงครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น ฝ่าบาทคิดว่าหากหม่อมฉันไม่ไป เช่นนั้นก็เป็นอกตัญญูเกินไป เฮ้อ……หม่อมฉันควรจะทำเช่นไรดี?”
หัวใจของเหวินเส่าอี๋เต้นแรงและพูดด้วยความโกรธ “กู้ชูหน่วน……”
นางยังจะพูดจาเหลวไหลไปอีกเท่าไร?
จักรพรรดินีตกใจ “เจ้าแซ่กู้หรือ?”
“ใช่เพคะ หลังจากที่ท่านพ่อที่ตายจากไปของหม่อมฉันและเหวินเส่าอี๋ได้แต่งงานเข้าไปอยู่บ้านท่านแม่ ฉะนั้นคนหนึ่งจะใช้แซ่ของแม่และอีกคนหนึ่งใช้แซ่ของพ่อเพคะ”
“ตุ่บ……”
กู้ชูหน่วนพูดท่านพ่อที่ตายจากไปของหม่อมฉันและเหวินเส่าอี๋ ทำให้เหวินเส่าอี๋โกรธจัดและกระอักเลือดออกมา
กู้ชูหน่วนรีบเข้าไปใกล้และกดจุดบริเวณลำคอ จากนั้นร้องออกมาอย่างตกใจ “ดูสิ อาการป่วยของน้องชายหม่อมฉันกำเริบขึ้นอีกแล้ว คงอยากแต่งงานจนคลุ้มคลั่งไปแล้วหรือยังไง จะมัวชักช้ายืดเยื้อเช่นนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ต้องรีบแต่งงานแล้วเพคะ”
“ข้าขอออกคำสั่งให้รีบไปจัดเตรียมงานแต่งงาน ข้าจะแต่งงาน”
“เพคะ”
“เดี๋ยวก่อน ฝ่าบาทเพคะ เช่นนั้นฝ่าบาทอนุญาตให้หม่อมฉันไปขั้วโลกเหนือได้หรือไม่เพคะ หากฝ่าบาทไม่อนุญาต เช่นนั้นหม่อมฉันก็จะไม่มอบน้องชายให้กับฝ่าบาท ความกตัญญูรู้คุณมาเป็นอันดับแรก หม่อมฉันและน้องชายจะไม่เป็นลูกที่อกตัญญูอย่างเด็ดขาดเพคะ”
“ได้ๆ ข้าอนุญาต เรื่องที่สำคัญตอนนี้ก็คือจัดงานแต่งงานกับพระสวามีของข้า”
“ตกลงเพคะ ขอบพระทัยฝ่าบาท ยินดีกับฝ่าบาทด้วยเพคะ”
“เช่นกันๆ”
เหวินเส่าอี๋หมดคำพูด
“เช่นนั้นข้าสั่งให้คนไปส่งเจ้าที่ขั้วโลกเหนือ” “เช่นนั้นก็ดีมากเลยเพคะ”
ทั้งสองเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย
คนหนึ่งแทบอดไม่อยากจะส่งกู้ชูหน่วนไปไกลๆ เพื่อไม่ให้นางเข้ามาขัดขวาง
คนหนึ่งแทบอดไม่ที่จะไปถึงขั้วโลกเหนือในทันที เพื่อค้นหาไข่มุกมังกรเม็ดที่หก
“เช่นนั้นน้องชายของหม่อมฉันก็ยกให้เป็นหน้าที่ของฝ่าบาทคอยดูแล ฝ่าบาทรีบเข้าห้องหอกับเขานะเพคะ เขาจะได้ไม่กังวลและเขินอายที่จะพูดออกมา”
“ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว คืนนี้ข้าจะเข้าห้องหอกับเขา”
“คืนนี้?” เร็วเช่นนั้นเลยหรือ?
“เร็วดีกว่าช้าน่ะ”
กู้ชูหน่วนแอบยิ้มและใช้โอกาสตอนที่ทุกคนไม่สนใจกดจุดลงไปบริเวณจุดเลือดลมและหัวเราะยิ้ม “น้องชายที่แสนดี จักรพรรดินีชื่นชอบเจ้ามากเช่นนี้ เจ้าอย่าลืมปรนนิบัติพระองค์ให้ดีล่ะ อย่าทำอะไรมิดีมิร้ายโดยเด็ดขาด”
เหวินเส่าอี๋จ้องมองกู้ชูหน่วนตาเขม็ง
หากสายตาของเขาสามารถฆ่าคนได้ เช่นนั้นไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วนจะถูกฆ่าไปแล้วกี่ครั้ง
“ฝ่าบาทเพคะ น้องชายของหม่อมฉันมีบาดแผลค่อนข้างสาหัสและสมองก็ได้รับการกระทบกระเทือน เกรงว่าช่วงนี้คงไม่สามารถขยับตัวได้ แต่เรื่องนี้ไม่มีผลถึงการเข้าเรือนหอของฝ่าบาทเลย รอให้เรื่องราวเลยจุดที่จะเข้าไปแก้ไขหรือปรับเปลี่ยนได้อีก อ้อไม่ใช่สิ รอให้ถึงเวลาส่งตัวเข้าเรือนหอ หากเขาพูดอะไรที่ดูขัดแย้งหรือทำอะไรผิดแปลกไป ฝ่าบาทก็จับเขามัดเอาไว้ก็ได้แล้วเพคะ”
เมื่อพูดจบ นางก็หันไปขยิบตาใส่จักรพรรดินีและยิ้มอย่างมีความหมาย “ผู้ชายน่ะเพคะ ต้องได้รับการสั่งสอนอบรม”
เมื่อจักรพรรดินีได้ยินเข้าก็น้ำตาคลอเบ้า “พี่สาวคนนี้ช่างดีเหลือเกิน”
เมื่อกล่าวคำอำลาจบ กู้ชูหน่วนก็พาเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จากไปโดยมีทหารองครักษ์คอยนำทาง และเหลือเพียงเหวินเส่าอี๋ที่ถูกคนรัฐชาววะล้อมเอาไว้
ก่อนจะจากไป กู้ชูหน่วนได้หันไปมองเหวินเส่าอี๋และเห็นแววตาของเขาวิตกจริตและซับซ้อน
มีทั้งผิดหวัง เสียใจ เจ็บใจและมีความหวัง……
และในขณะที่นางออกไป ความหวังนั้นก็กลับกลายเป็นความผิดหวัง……
ระหว่างทาง กู้ชูหน่วนก้มลงมองเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ที่พันเกาะข้อมือของนางไว้และพึมพำ “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าเราทำเกินไปหรือไม่?”
“เรื่องนี้น่ะหรือ……ก็มีความเกินไปอยู่เล็กน้อย แต่พวกเขาทำให้เผ่าหยกต้องทุกข์ทรมานอย่างมาก นายท่านก็แค่ลงโทษเขาเล็กน้อยเท่านั้น เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์มีความคิดเห็นที่วิเศษอย่างยิ่ง”
“พูด”
“รอให้จักรพรรดินีได้เสพเสวยเขาไปแล้ว สามารถย่างร่างกายของเขาให้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กินได้หรือไม่ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์คิดถึงกลิ่นกายบนเรือนร่างของเขา”
กู้ชูหน่วนกลอกตาใส่
เจ้างูซื่อบื้อ
ตอนนั้นนางเพียงพูดเล่นว่าจะให้มันกินแขนขาของเขา คิดไม่ถึงว่ามันจะยังจำได้
“หากเจ้ากล้ากินเขา ข้าจะกินเจ้าก่อนเสีย”
“นายท่าน ท่านเห็นแก่ผู้ชายดีกว่างู”
“กลับไปนอนซะ”
ทหารองครักษ์ที่นำทางกู้ชูหน่วนได้ยินที่นางพูดคุยคนเดียว จึงได้หันมาถาม “คุณหนู ไม่ทราบว่าท่านกำลังพูดอะไรหรือ……”
“ไม่มีอะไรน่ะ ที่นี่อยู่ห่างไกลจากขั้วโลกเหนือเท่าไรหรือ?”
“ไม่ไกลเจ้าค่ะ เดินพ้นภูเขาน้ำแข็งห้าลูกนี้ไปก็ถึงแล้ว”
ภูเขาหิมะ?
ภูเขาหิมะนี้ทั้งใหญ่ทั้งสูงชัน อย่าว่าแค่คนแคระเหล่านี้เลย แม้แต่นางก็เดินลำบาก
“เดินข้ามภูเขาหิมะทั้งห้านี้ต้องใช้เวลาเท่าไรหรือ”
“ประมาณสามเดือนเจ้าค่ะ”
“สามเดือน?”
กู้ชูหน่วนทำเสียงสูง
อีกไม่นานก็จะถึงวันพระจันทร์เต็มดวงแล้ว
นางรอไม่ได้หรอกสามเดือน
หากรอให้ถึงสามเดือนแล้วกลับไป เช่นนั้นอี้เฉินเฟยก็คงตายไปแล้ว
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ตื่นได้แล้ว รีบเลื้อยพาข้าไปขั้วโลกเหนือเดี๋ยวนี้”
“นายท่าน เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ทั้งหนาวทั้งหิว”
“นี่คือคำสั่ง”
นางจับหางของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ขึ้นมา เพื่อบังคับให้มันตื่น
เจ้างูตัวนี้ ถ้าไม่กินก็นอน
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กลับเข้าไปยังข้อมือของนางอีกครั้งด้วยความดื้อรั้น