กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 582
คนที่กู้ชูหน่วนสลัดออกไป ถ้าไม่สลบไสลไม่ได้สติก็กรีดร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด หมอหลายคนแบกกล่องยาไว้ที่หลังและรีบรักษาให้พวกนาง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหนื่อยยาก
“ท่านแม่ทัพ พวกนางบาดเจ็บสาหัสเกินไปจนเกรงว่าจะไม่รอด”
“แย่แล้วท่านแม่ทัพ ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสมีมกุฎราชกุมารีรวมอยู่ด้วย” ทหารคนหนึ่งรายงานอย่างร้อนใจ
แม่ทัพฮวายืนโงนเงนและเอ่ยอย่างตกใจว่า “เจ้าว่าอย่างไรนะ มกุฎราชกุมารี? มกุฎราชกุมารีมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
“ขะ… ข้าน้อยไม่แน่ใจ น่าจะเป็นเพราะท่านมกุฎราชกุมารีแอบลอบเข้าไปในค่ายทหารอีกแล้ว”
“เร็วเข้า เรียกหมอทุกคนมาดูอาการของท่านมกุฎราชกุมารีที่นี่ ต้องช่วยชีวิตพระองค์ให้ได้ ไม่อย่างนั้นหัวของพวกเราทุกคนได้หลุดจากบ่าเป็นแน่ พระองค์คือพระธิดาพระองค์เดียวขององค์จักรพรรดินี”
เกิดความวุ่นวายในหมู่คนแคระ หมอหลายคนตรวจชีพจรแล้วพากันส่ายหน้า เอ่ยอย่างหวาดกลัวว่า “ทะ… ท่านแม่ทัพฮวา มกุฎราชกุมารีบาดเจ็บสาหัสเกินไป กระหม่อม…กระหม่อมจนปัญญาจริงๆ”
บางคนกังวล บางคนกลัว บางคนรีบหนีไป บางคนพยายามรักษาต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้ เกิดความโกลาหลไปทั่วสถานที่แห่งนี้
กู้ชูหน่วนขยับฝีเท้าคิดจะไปดูคนเจ็บ
ทว่าพวกคนแคระกลับมาล้อมนางไว้อีกครั้ง
“อย่าขยับ เจ้าทำร้ายมกุฎราชกุมารีของพวกเราจนบาดเจ็บสาหัส หากเจ้าขยับอีกนิด พวกเราจะฆ่าเจ้าเดี๋ยวนี้”
“ข้าเองก็เป็นหมอเหมือนกัน บางทีข้าอาจจะรักษาได้”
“ชะ! พวกนางซึ่งเป็นหมอที่ดีที่สุดในรัฐชาววะของเรายังรักษาไม่ได้ ชาวบ้านธรรมดาอย่างเจ้าจะไปรู้เรื่องอะไร”
“ข้อสำคัญคือหมอที่ดีที่สุดของพวกท่านรักษาชีวิตมกุฎราชกุมารีของพวกท่านไม่ได้ ดังนั้นทำไมไม่ให้ข้าลองดูล่ะ ถึงอย่างไรก็ยังดีกว่าไม่มีความหวังเลย อย่างน้อยพวกท่านก็ยังพอมีหวังบ้าง ไม่อย่างนั้นถ้ามกุฎราชกุมารีตายไป พวกท่านทุกคนจะต้องได้รับโทษอย่างยากจะหลีกเลี่ยง”
ทุกคนต่างมองไปทางแม่ทัพฮวา รอให้แม่ทัพฮวาตัดสินใจ
กู้ชูหน่วนพูดอย่างเหลืออดว่า “พวกท่านมีกันตั้งหลายคนยังกลัวข้าที่มีเพียงแค่ตัวคนเดียวอีกรึ ทุกวินาทีมีค่า หากยังไม่รีบหลีกทาง มกุฎราชกุมารีของพวกท่านจะต้องตายจริงๆ แน่”
“ให้นางลองดู” แม่ทัพฮวาโบกมือเป็นสัญญาณให้เหล่าทหารหลีกทาง จากนั้นจึงเตือนว่า “ถ้าเจ้ารักษาพระองค์ไม่ได้ ข้ารับรองว่าเจ้าจะต้องทรมานยิ่งกว่าตาย”
กู้ชูหน่วนเบ้ปากโดยไม่สนใจคำขู่ของนาง นางเดินมาหามกุฎราชกุมารีและจับชีพจรของพระองค์ จากนั้นจึงหิ้วพระองค์ขึ้นมาและลองสะบัดอยู่หลายครั้ง
ชาววะทั้งหมดตกใจจนหน้าถอดสี
“เจ้าทำอะไรน่ะ รีบวางมกุฎราชกุมารีของเราลงเดี๋ยวนี้”
“บังอาจนัก กล้าดีอย่างไรถึงได้หยาบคายต่อมกุฎราชกุมารีของพวกเรา ทุกคน ยิงนางเสีย”
แค่กๆ…
ขณะที่นักธนูกำลังจะยิงศร มกุฎราชกุมารีที่ถูกหิ้วขึ้นมาก็ไออยู่หลายครั้งก่อนจะได้สติขึ้นมา
ทุกคนสะดุ้งตกใจ
มกุฎ…มกุฎราชกุมารีฟื้นแล้ว?
ตรวจเรียบร้อยแล้ว
กู้ชูหน่วนวางพระองค์ลงและปัดมือของตัวเอง ก็แค่สำลักเท่านั้น ต้องเครียดขนาดนี้เลยหรือ?
แค่นี้ยังรักษาไม่ได้ ไม่รู้จริงๆ ว่าทักษะทางการแพทย์ของพวกนางแย่แค่ไหน
“ขอมกุฎราชกุมารีอายุยืนพันปีพันๆ ปี ทรงรู้สึกดีขึ้นหรือยังเพคะ”
มกุฎราชกุมารีมีพระชันษาประมาณสามหรือสี่ปี พระพักตร์ยังดูอ่อนเยาว์มาก เมื่อได้ยินดังนั้นจึงโบกพระหัตถ์ “ไม่เป็นไรแล้ว เมื่อครู่ข้าเพียงแค่หายใจไม่ออก เจ้าช่วยข้าไว้หรือ”
“ใช่ ดังนั้นปล่อยข้าไปได้หรือยัง”
“ไม่ได้ ทักษะทางการแพทย์ของเจ้าดีมาก เจ้าต้องอยู่ที่รัฐชาววะเป็นหมอหลวงของพวกเรา”
“…..”
“เจ้าวางใจได้ ข้าไม่ได้จะให้เจ้ามาทำเปล่าๆ ข้าสามารถพิจารณาให้เจ้าแต่งงานกับพระอนุชาได้ เพื่อที่เจ้าจะได้มีอำนาจบารมีอยู่ในรัฐชาววะ ข้ารับรองว่าจะไม่มีใครรังแกเจ้าได้”
กู้ชูหน่วนแค่นหัวเราะ
นางป่วยรึ
แต่งงานกับเต้าหู้เนี่ยนะ
“ฝ่าบาทเสด็จ…”
หลังจากมีเสียงตะโกนดังก้อง เหล่าองครักษ์ก็ถอยหลังหลบไปสองก้าว
ผู้ที่นำมาด้านหน้าเป็นสตรีวัยกลางคนซึ่งสวมภูษาลายมังกรสีเหลืองทอง พระนางเดินมาอย่างแช่มช้าเหมือนเดือนที่อยู่ท่ามกลางหมู่ดาว
ทันทีที่พระนางมาถึง ทุกคนก็พากันคุกเข่าลงและตะโกนว่า “คารวะจักรพรรดินี ขอจักรพรรดินีทรงอายุยืนหมื่นปีหมื่นๆ ปี”
“เสด็จแม่ เหตุใดจึงมาที่นี่เพคะ” มกุฎราชกุมารีทรงแย้มสรวลและเดินเข้าไปหาอย่างอ่อนน้อม
จักรพรรดินีแห่งรัฐชาววะยังมีพระชันษาไม่มากนัก ทุกอิริยาบถแฝงไปด้วยความสูงส่งมีเกียรติโดยกำเนิด
การแต่งหน้าของพระนางวิจิตรงดงาม บางครั้งก็ขยิบตาอย่างมีเสน่ห์ จะเห็นได้เลยว่าการใช้ชีวิตในแต่ละวันคงไม่ธรรมดานัก
“ไม่ใช่ว่าให้เจ้าเรียนหนังสืออยู่ในวังหรอกหรือ เหตุใดจึงหนีมาที่นี่”
“โธ่ ลูกอ่านตำราทั้งวันจนเกือบจะกลายเป็นคนโง่อยู่แล้วเพคะ ท่านอาจารย์บอกว่านอกจากอ่านตำรา ลูกยังต้องเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ด้วย เพราะอย่างนี้ลูกจึงแอบเข้ามาในค่ายทหารเพคะ”
“ไร้สาระ มกุฎราชกุมารีผู้สง่างามซึ่งจะเป็นจักรพรรดินีแห่งรัฐชาววะในภายภาคหน้า จะเดินเตร่เข้าไปในค่ายทหารโดยไม่สนใจชีวิตและความปลอดภัยได้อย่างไร ทหาร ยังไม่มาพาตัวมกุฎราชกุมารีกลับไปอีก”
“เพคะ”
มกุฎราชกุมารีไม่อยากกลับไป แต่เมื่อเห็นพระมารดามีสีพระพักตร์มึนตึง พระองค์จึงทำได้เพียงก้มหน้ากลับไปอย่างขมขื่น
จักรพรรดินีกวาดสายพระเนตรมองกู้ชูหน่วนอย่างพินิจพิจารณา
ผ่านไปครู่หนึ่งพระนางจึงเบนสายพระเนตรออกและมองไปทางเหวินเส่าอี๋
ทันทีที่เห็นเหวินเส่าอี๋ จักรพรรดินีก็อดตกพระทัยไม่ได้
“ท่านนั่นเอง คุณชายเหวิน”
เหวินเส่าอี๋นึกอยากจะหาที่ซ่อนตั้งแต่เห็นจักรพรรดินีปรากฏตัว แต่ที่นี่ไม่มีอะไรนอกจากหิมะ ดังนั้นจึงไม่มีที่ไหนให้หลบเลย นอกจากนี้ที่นี่ยังมีทหารองครักษ์ชาววะอยู่มากเกินไป
เขาก้มศีรษะไว้ตลอดเวลา ทว่าจักรพรรดินีก็ยังจำเขาได้
“เป็นท่านจริงๆ ด้วย ข้าคิดว่าจำคนผิดเสียอีก คุณชายเหวิน ไม่เจอกันนานหลายปี ท่านตั้งใจมาหาข้างั้นหรือ”
กู้ชูหน่วนฟังแล้วงุนงงเหมือนอยู่ในสายหมอก
“พวกท่าน…รู้จักกัน?”
“เจ้าเป็นใคร” ท่าทีที่จักรพรรดินีมีต่อเหวินเส่าอี๋กับกู้ชูหน่วนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
กู้ชูหน่วนดูออกทันทีว่าจักรพรรดินีมองนางเป็นศัตรูหัวใจ พระนางแทบทนไม่ไหวที่จะฉีกทึ้งนาง
หรือว่าคนแคระผู้นี้สนใจเหวินเส่าอี๋?
“ข้าน่ะเหรอ ข้าเป็นพี่สาวของเหวินเส่าอี๋ เขาได้รับบาดเจ็บและสลบไปนาน ตอนที่สลบไสลไม่ได้สติเขาเอาแต่โวยวายตลอดว่าอยากมารัฐชาววะ ดังนั้น…ข้าก็เลยพาเขามาที่นี่”
“ว่าอย่างไรนะ… เขาไม่ได้สติ แต่ก็ยังโวยวายว่าจะมาที่รัฐชาววะ?”
“เป็นอย่างนั้นละ เขายังเคยบอกด้วยว่าเขาหลงรักใครคนหนึ่งในรัฐชาววะ แต่เมื่อข้าถามว่าผู้ที่เขาหลงรักคือใคร เขากลับไม่ยอมบอก ได้แต่บอกว่าเขาไม่อาจเอื้อมเพราะนางมีสถานะที่สูงส่ง”
เหวินเส่าอี๋จ้องกู้ชูหน่วนเขม็ง
ผู้หญิงคนนี้โกหกได้โดยไม่ต้องหยุดคิดสักนิดเลยรึ!
จักรพรรดินีทรงเบิกบานพระทัยยิ่งนักเมื่อได้ยินเช่นนี้
ถ้าไม่ใช่เพราะมีข้ารับใช้อยู่ด้วย พระนางคงจะโผเข้าไปหาเหวินเส่าอี๋นานแล้ว
ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่พระนางก็ยังใช้สายพระเนตรมองเหวินเส่าอี๋อย่างลุ่มหลง ใช้น้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุดในชีวิตตรัสกับเขาว่า “คุณชายเหวิน ท่านช่างเป็นฟ้าหลังฝนที่งดงาม สุภาพงดงาม มีความสามารถเป็นเลิศทั้งศาสตร์และศิลป์ ทั้งยังถึงพร้อมไปด้วยทักษะในการต่อสู้ ตั้งแต่ข้าได้พบท่านเมื่อหลายปีก่อน ภาพของท่านยังคงติดตรึงอยู่ในหัวใจข้าอย่างมิเคยลืมเลือน ตลอดมาได้แต่ตั้งตารอที่จะได้พบท่านอีกครั้ง ตอนที่ท่านรีบร้อนจากไปในเวลานั้น ข้ายังคิดว่าท่านไม่ชอบข้า แต่ไม่คิดเลยว่าเราจะใจตรงกัน”
กู้ชูหน่วนแทบจะอ้วก
ทำไมเต้าหู้เหล่านี้ถึงได้น่าสะอิดสะเอียนขนาดนี้
ที่เหวินเส่าอี๋รีบหนีไปตอนนั้นคงเป็นเพราะเขาทนคำพูดชวนขนลุกของนางไม่ได้
“คุณชายเหวิน ข้าจะหยุดเป็นจักรพรรดินีและยกให้ท่านเป็นจักรพรรดิทันที ท่านจะได้แต่งข้าเป็นภรรยาได้อย่างมีหน้ามีตาอย่างแท้จริง”
กู้ชูหน่วนยกนิ้วให้ ปากก็โพล่งออกมาทันทีว่า “ข้าสนับสนุนเต็มที่ ข้าเห็นด้วย พวกท่านต่างงดงามสมเป็นกิ่งทองใบหยก ไม่สิ ชายงามหญิงล้ำเลิศ เกิดมาเพื่อเป็นคู่กัน เป็นไข่มุกคู่หยกโดยแท้ ผู้คนรอบข้างคงจะพากันอิจฉา”
“ท่านสุภาพเกินไปแล้ว ถึงอย่างไรท่านก็เป็นท่านพี่ของคุณชายเหวิน นั่นก็นับว่าเป็นญาติของข้าด้วย พวกท่านเดินทางมาอย่างลำบาก ข้าจะสั่งให้คนไปเตรียมอาหารเลี้ยงแขกเดี๋ยวนี้ วันนี้จะต้องฉลองกับท่านให้เต็มที่”